บทที่ 250 อุบัติเหตุจราจรเล็กน้อย

หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า

บทที่ 250 อุบัติเหตุจราจรเล็กน้อย

บทที่ 250 อุบัติเหตุจราจรเล็กน้อย

เมื่อโจวอี้ขับรถกลับไปถึงเมืองจินหลิงก็เป็นเวลาค่ำแล้ว

ละอองฝนโปรยปรายปกคลุมทั่วเมือง ร่มสีสันสดใสมากมายกางอยู่เต็มทางเดิน และยานพาหนะจำนวนมากขับตามหลังกันมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด โจวอี้จับพวงมาลัยรถพลางขจัดสิ่งรบกวนทั้งหมดในจิตใจ

ประการแรก

ดูแลลูกสาวให้ดี มอบความปลอดภัย ฝึกฝนพวกเธอ และทำให้พวกเธอเป็นดาวที่เจิดจรัสที่สุดในอนาคต

ประการที่สอง

พัฒนาระดับยุทธ์ของตัวเอง ทะลวงไปสู่ระดับปรมาจารย์ให้เร็วที่สุด เพื่อที่ว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่ทรงพลัง เขาจะได้มีความสามารถในการปกป้องตัวเองและปกป้องคนที่ห่วงใย

ประการที่สาม

ทำเงิน!

โจวอี้อยู่ที่เมืองจินหลิงมาหลายเดือนแล้ว ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าแม้เงินจะไม่สามารถดลบันดาลได้ทุกอย่าง แต่ก็ใช้ซื้อได้แทบทุกอย่าง

ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า อาหาร เครื่องดื่ม ที่อยู่อาศัย การเดินทาง เงินเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องมีใช้ในทุกวัน

ปัง!

จู่ ๆ โจวอี้ก็รู้สึกว่าท้ายรถถูกชน

เขาเหยียบเบรกและส่องกระจกมองหลัง

ข้างหลังคือรถสีแดง และตอนนี้ประตูคนขับของรถคันนั้นก็เปิดออก ผู้หญิงในเสื้อแจ็กเก็ตขนเป็ดสีขาวเดินลงจากรถ

อุบัติเหตุจราจร?

โจวอี้คิดอยู่ครู่หนึ่งและปล่อยเบรกทันที ก่อนที่เท้าขวาของเขาจะเหยียบคันเร่งตามมา

หนีสิวะ!

ยังไงก็ไม่เสียเนื้อสักชิ้นหรอก

เขาคิดเงียบ ๆ เมื่อมองผ่านกระจกมองหลัง และเวลานี้เขาพบว่าคนขับหญิงคนนั้นกำลังโบกมือให้เขาอยู่ ดูเหมือนว่าเธอกำลังตะโกนอะไรบางอย่าง

แต่เขายังไม่หยุด

เพราะเขาขับรถโดยไม่มีใบอนุญาต…

ถ้าตำรวจมา เขาจะต้องเผชิญกับปัญหาที่น่ารำคาญและเสียเวลามาก

เหวินเสี่ยวเซียวอยากจะร้องไห้

เธอรู้สึกว่าช่วงนี้เธอพบเจอแต่ความโชคร้าย แม้กระทั่งเมื่อครู่ที่เธอตกใจกับเสียงโทรศัพท์ที่ดังกะทันหัน เธอกลับพลาดเหยียบคันเร่ง และทันใดนั้นรถของเธอก็พุ่งชนรถคันหรูที่อยู่ข้างหน้าเธอทันที

แน่นอนว่าการชนท้ายรถผู้อื่นย่อมหมายความว่าเธอเป็นฝ่ายผิด และเธอยินดีรับผิดชอบอย่างเต็มที่

แม้แต่ตอนที่เธอลงจากรถ เธอก็คิดถึงเรื่องนี้ เธอโทรหาตำรวจจราจรเพื่อให้มาดูสถานการณ์ จากนั้นเธอจะได้ทำตามขั้นตอนของการเรียกบริษัทประกันภัย

แต่สิ่งที่ทำให้เธอโง่งมก็คือ…

คนขับรถคันข้างหน้าไม่ยอมหยุดลงมาคุยกันไม่พอ แต่กลับเร่งเครื่องเหมือนจะหนีไปซะอย่างนั้น

เธอคิดไม่ออกเลยว่าทำไมอีกฝ่ายถึงต้องทำแบบนี้

แม้ว่าเจ้าของรถคันข้างหน้าจะไม่ต้องการให้เธอชดใช้ แต่กันชนหน้าของรถเธอก็หลุดออกไปแล้ว เธอจำเป็นต้องให้บริษัทประกันภัยรถจัดการเรื่องสินไหมและซ่อมรถให้เธอด้วย!

“ไม่ เขาจะหนีไปไหนไม่ได้!”

สีหน้าของเหวินเสี่ยวเซียวเปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดเธอก็กัดฟันและกลับไปนั่งในรถ ก่อนจะขับตามไปอย่างรวดเร็ว

รถทั้งสองคันเร่งความเร็ว

ทว่าเนื่องจากมียานพาหนะจำนวนมากบนท้องถนน โจวอี้จึงไม่สามารถสลัดรถสีแดงที่ไล่ตามมาได้ แม้แต่ระยะห่างระหว่างรถสองคันก็ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ

สุดท้าย

รถของโจวอี้ก็ติดอยู่บนถนนเส้นนี้

“ลงจากรถ!” เหวินเสี่ยวเซียวเคาะกระจกรถและตะโกนบอกโจวอี้

โจวอี้ปวดหัว แต่แทนที่จะลงจากรถ เขาเพียงลดกระจกลงแล้วถามว่า “มีอะไร?”

“คุณไม่รู้เหรอว่ารถเราชนกัน? ชนแล้วหนีเป็นความผิดนะคุณรู้ไหม?” เหวินเสี่ยวเซียวพูดอย่างโกรธเคือง

“แต่คุณเป็นคนชนรถผม”

“เอ่อ…”

เหวินเสี่ยวเซียวรู้สึกอับอายเมื่อได้ยินคำพูดนี้

อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอคิดว่าโจวอี้ไม่ยอมหยุดเพื่อสะสางกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น เธอก็รู้สึกโกรธเล็กน้อย และพูดออกมาดัง ๆ ว่า “แม้ว่าฉันจะชนรถของคุณ แต่คุณก็ควรอยู่ในที่เกิดเหตุ และรอให้ตำรวจมาจัดการ รถของฉันมีประกัน และบริษัทประกันภัยจะชดใช้เงินที่คุณควรจะได้ในการซ่อมรถ”

“ผมไม่ต้องการมัน”

“แต่ฉันต้องการ!” เหวินเสี่ยวเซียวพูดด้วยความโกรธ

“คุณต้องการเท่าไหร่?”

“อะไร?”

“ผมถามว่าค่าซ่อมรถของคุณเท่าไหร่?”

“ตอนนี้ฉันจะรู้ได้ยังไง ฉันต้องเอารถไปเข้าอู่เพื่อตรวจสอบ…”

“มีที่จอดรถข้างหน้า เราไปตกลงกันที่นั่นไหม?” โจวอี้ขัดจังหวะ เขาชี้ไปยังยานพาหนะที่กำลังเคลื่อนที่อยู่ข้างหน้า

“ก็ได้ ๆ!” เหวินเสี่ยวเซียวลังเลอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็เตือนว่า “อย่าคิดที่จะหนีอีก มีรถอยู่ข้างหน้าคุณเยอะแยะ คุณหนีไม่ได้หรอก”

“รู้แล้ว ๆ”

ไม่นานรถสองคันก็ขับเข้าไปในที่จอดรถทางด้านขวา

เมื่อลงจากรถ โจวอี้ก็มองไปที่เหวินเสี่ยวเซียวคนสวยและพูดว่า “ผมไม่มีเวลามากพอที่จะรอให้ตำรวจมาจัดการเรื่องราวเล็กน้อยนี้หรอก คุณต้องซ่อมรถเท่าไหร่ ผมจะโอนเงินให้”

“คุณจะจ่ายให้ฉันเหรอ?”

เหวินเสี่ยวเซียวตกตะลึง

เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นคนชนรถอีกฝ่าย แต่อีกฝ่ายไม่มีเวลารอให้ตำรวจมาจัดการ เขาจึงเสนอออกค่าซ่อมให้เธอเอง นี่มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ?

เธอรู้สึกละอายเล็กน้อย

หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็พูดด้วยอารมณ์ที่ค่อนข้างหดหู่ว่า “ช่างเถอะ ฉันจะคิดว่าตัวเองโชคร้ายก็แล้วกัน ถ้าไม่เรียกประกันแล้ว คุณก็ไม่ต้องจ่ายให้ฉัน แยกกันไปตามทางของเรา!”

“เอาจริงเหรอ?” โจวอี้ถาม

“ไม่งั้นจะให้ทำยังไง? การขอเงินคุณหลังจากที่ฉันเป็นคนชนรถคุณเองมันดูน่าเกลียดเกินไป! ลืมมันไปเถอะ พวกเราแยกย้ายกันเถอะ” เหวินเสี่ยวเซียวโบกมืออย่างช่วยไม่ได้และหันหลังกลับไปที่รถของเธอ

โจวอี้มองตามแผ่นหลังของเธอ ทันใดนั้นเขาก็ตะโกนขึ้น

“รอเดี๋ยว!”

“อะไรอีก?” เหวินเสี่ยวเซียวหันมาถาม

“คุณรู้จักเป่าซุนออโต้ช็อปที่อยู่อีกฝั่งของถนนฉีเซี่ยไหม?”

“รู้” เหวินเสี่ยวเซียวพยักหน้า แววตาของเธอฉายความงุนงง

“คุณสามารถไปที่นั่นเพื่อซ่อมรถได้นะ! ซ่อมรถฟรี เพียงแค่เอ่ยชื่อผม” โจวอี้พูดจบก็เปิดประตูรถของตัวเองเตรียมจะขับออกไป

“เดี๋ยวก่อน! ถ้างั้นคุณบอกฉันก่อนสิว่าคุณชื่ออะไร!”

“…”

โจวอี้รู้สึกอับอายเล็กน้อย เพราะเขาเพิ่งจำได้ว่าจนถึงตอนนี้ เขายังไม่ได้บอกชื่อกับอีกฝ่ายเลย

สองนาทีต่อมา

โจวอี้มองดูอีกฝ่ายขับรถออกไป เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและโทรหาหวงไห่เทาเพื่อขอให้อีกฝ่ายจัดการเรื่องที่ว่าถ้าเหวินเสี่ยวเซียวไปซ่อมรถก็ห้ามคิดเงิน

จากนั้นเขาก็ขับรถกลับไปช็องเซลิเซ่ ลานติง วิลล่า

หนึ่งทุ่ม

โจวอี้กลับมาถึงบ้าน

เขาแปลกใจที่วันนี้มีแขกมาที่บ้าน

เธอคือหลี่เล่ยเล่ย คุณครูของถังเหมียวเหมี่ยว

“ยินดีต้อนรับคุณเล่ยเล่ย ผมไม่รู้ว่าคุณอยู่ที่นี่ ผมก็เลยกลับมาช้า ขอโทษด้วยสำหรับการต้อนรับที่ไม่ดี!” โจวอี้แสดงท่าทีอบอุ่น และหลี่เล่ยเล่ยก็รู้สึกประทับใจ

“ไม่เป็นไรเลยคุณโจว เป็นฉันเองที่ผิด เพราะมาที่นี่โดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า”

“ครับ เหมียวเหมี่ยวและผมมีความสุขมากที่คุณมาเยี่ยมบ้าน คุณทานอาหารมาหรือยัง”

“ยังค่ะ แต่ไม่เป็นไร…”

“ไม่เป็นไร ผมเองก็ยังไม่ได้ทาน เหมียวเหมี่ยว เสี่ยวรุ่ย ลูก ๆ มาคุยกับครูเล่ยเล่ยแทนพ่อก่อน พ่อจะไปทำอาหาร ค่ำนี้ครูเล่ยเล่ยจะเป็นแขกร่วมโต๊ะของเรา”

แม้ว่าหลี่เล่ยเล่ยจะปฏิเสธอยู่หลายครั้ง แต่เขาก็ไม่สนใจ ชายหนุ่มหัวเราะออกมา จากนั้นก็รีบเข้าไปในครัว

เวลานี้หลี่เล่ยเล่ยพบว่าถังหว่านไม่อยู่บ้าน นอกจากถังเหมียวเหมี่ยวและถังเสี่ยวรุ่ยแล้ว ยังมีหญิงชราคนหนึ่งที่มักจะดูมีท่าทีง่วงนอนอยู่เสมอ และยังมีชายหนุ่มที่ดูแข็งแรงแต่เงียบขรึม

สมาชิกในบ้านหลังนี้ไม่สอดคล้องกับข้อมูลของถังหว่านที่เคยลงทะเบียนให้กับโรงเรียน

นอกจากนี้ เธอมาที่นี่เพื่อขอความช่วยเหลือจากโจวอี้