ตอนที่ 276 รูปถ่ายของแฟนเก่า

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 276 รูปถ่ายของแฟนเก่า

ตอนที่ 276 รูปถ่ายของแฟนเก่า

“หล่อนคงเห็นว่าช่วงนี้เราค่อนข้างจะสนิทกัน ด้านหนึ่งหล่อนคงอยากรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเรา ในทางกลับกันหล่อนก็กำลังหาทางที่จะใกล้ชิดกับคุณมากขึ้นโดยสร้างความสัมพันธ์กับฉันก่อน คุณเข้าใจหรือยังว่าหล่อนหวังจะจับคุณ? นั่นน่ะดอกบัวขาวระดับตัวแม่เลยนะ”

เซี่ยไห่ดูกระตุกเล็กน้อย ไม่ค่อยเชื่อคำพูดของเธอนัก “จริงเหรอ? แค่คุณถังดูอายุน้อยกว่าฉันมาก นอกจากนี้หล่อนยังเป็นผู้หญิงที่ยืนได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง อายุยังน้อย แต่มีทรัพยากรทางการเงินที่แข็งแกร่ง สามารถสร้างโลกได้ด้วยมือตัวเองด้วยซ้ำ เป็นไปไม่ได้เลยที่หล่อนจะมาสนใจตาลุงวัยกลางคนอย่างฉัน”

หลินจินซานเคยพูดเรื่องนี้กับเขาแล้วครั้งหนึ่ง แต่เซี่ยไห่ไม่เคยสนใจเรื่องนี้มาก่อน

สำหรับเขาแล้ว ถังหลิงก็แค่อยากเอาชนะใจผู้คน เพื่อที่หล่อนจะได้ทำธุรกิจอย่างราบรื่น

หลินเซี่ยมองเซี่ยไห่ด้วยความเอือมระอา ไม่คิดว่าเขาจะเป็นผู้ชายที่ตามืดบอดขนาดนี้

นอกจากนี้ เซี่ยไห่ยังแสดงออกว่าไม่มั่นใจในตัวเอง คงคิดว่าถังหลิงกำลังดูถูกตัวเองอยู่สินะ?

“ผู้หญิงที่ยืนด้วยลำแข้งของตัวเองงั้นเหรอ เงินทั้งหมดที่หล่อนมีก็เอามาสร้างฉากบังหน้าหมดแล้วไงล่ะ คุณคิดเหรอว่าคนอย่างหล่อนน่ะหาเงินได้ด้วยตัวเองจริง ๆ?”

เซี่ยไห่เงยหน้าขึ้นและถามว่า “ถ้าเธอไม่ได้หามาด้วยตัวเองแล้วจะไปปล้นใครเขามาล่ะ?”

“คุณพูดถูก” หลินเซี่ยพูดอย่างใจเย็น “หล่อนขโมยมาจากสามีเก่า”

ใบหน้าของเซี่ยไห่บิดเบี้ยวด้วยความตกใจ “เธอว่าอะไรนะ? สามีเก่า? หล่อนเป็นสาวโสดที่ยังไม่เคยผ่านการแต่งงานไม่ใช่เหรอ? แล้วจะไปเอาสามีเก่ามาจากไหน? อย่าแพร่ข่าวลือสุ่มสี่สุ่มห้านะ”

“ถ้าฉันบอกว่าหล่อนเคยมีลูกแล้วด้วยซ้ำ คุณไม่ยิ่งช็อกกว่านี้เหรอ?”

เซี่ยไห่มองว่าคำพูดของหลินเซี่ยเป็นแค่เรื่องเสียดสีเท่านั้น

“คุณคิดว่าฉันล้อเล่นหรือไง? หล่อนอายุน้อยกว่าเฉินเจียเหอแค่ปีเดียว หมายความว่าอีกไม่นานอายุก็เข้าเลขสามแล้ว การแต่งงานและมีลูกสำหรับผู้หญิงวัยเดียวกันกับหล่อนมันน่าแปลกตรงไหน?”

เมื่อเห็นสีหน้าของหญิงสาว และสิ่งที่เธอพูดก็ฟังดูจริงจังมาก สีหน้าของเซี่ยไห่ก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นอยากรู้อยากเห็น “เธอพูดจริงไหม?”

“จริงแท้แน่นอน”

“แล้วตอนนี้สามีเก่ากับลูกของหล่อนอยู่ไหนล่ะ?” เซี่ยไห่ถามอย่างสงสัย

ยังไม่ทันที่หลินเซี่ยจะเล่าเรื่องเสื่อมทรามทางศีลธรรมของถังหลิงให้เขาฟัง หลินจินซานและเฉียนต้าเฉิงก็รีบวิ่งเข้ามา

“พวกเราล้างฟิล์มภาพแล้ว”

หลินจินซานเดินเข้ามา จากนั้นก็ยื่นซองจดหมายให้หลินเซี่ย

หลินเซี่ยรีบเปิดออกแล้วหยิบรูปถ่ายทั้งหมดออกมา

เซี่ยไห่ก็เดินมาดูอยู่ข้าง ๆ

ผู้ชายในภาพสวมหมวก หันหน้ามาทางกล้องพอดี เพียงแต่มองไม่เห็นใบหน้าเต็ม ๆ แต่เมื่อดูจากลักษณะรูปร่างของเขาแล้ว ดูเหมือนเขาเป็นชายหนุ่มวัยรุ่นเท่านั้นเอง

เซี่ยไห่รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเมื่อเห็นใบหน้าของชายคนนั้นไม่ชัด แถมรูปร่างของเขายังไม่ละม้ายคล้ายคลึงกับเสิ่นเถี่ยจวินเลยแม้แต่น้อย เขาบ่นกับหลินจินซานและคนอื่น ๆ ว่า “พวกนายถ่ายรูปอะไรกันมา ไม่เห็นหน้าคนเลย แล้วใครจะไปจำเขาได้?”

หลินจินซานอธิบายอย่างขมขื่น “หัวหน้าครับ ผู้ชายคนนั้นยืนอยู่ท่าเดียวแบบนี้โดยไม่หันกลับมาเลย พวกเราไม่กล้าขยับเข้าใกล้จนเกินไป ไม่อย่างนั้นจะถูกจับได้”

“ใช่แล้ว ผู้ชายคนนี้ฉลาดแกมโกง ถ้ามีอาวุธในมือขึ้นมาทำไง”

“อย่าเอาแต่หาข้อแก้ตัว พวกนายแค่ทำงานที่ฉันมอบหมายไม่ได้”

“หลิวจื้อหมิง”

ขณะที่เซี่ยไห่กำลังวิพากษ์วิจารณ์พวกเขา หลินเซี่ยก็พูดขึ้นทันที

หลังจากเซี่ยไห่ได้ยินสิ่งที่หลินเซี่ยพูดพึมพำ เขาก็หยุดหันไปดุหลินจินซานและเฉียนต้าเฉิงทันที มองไปทางหลินเซี่ยแล้วถามอย่างสงสัย “เซี่ยเซี่ย หลิวจื้อหมิงคือใคร?”

ก่อนที่หลินเซี่ยจะพูดอะไร หลินจินซานก็ยกมือขึ้นแล้วตอบว่า “ผมรู้ ผมรู้ หลิวจื้อหมิงเป็นแฟนเก่าของเซี่ยเซี่ย”

“อะไรอีกล่ะเนี่ย?” เซี่ยไห่มองหลินเซี่ยด้วยความตกใจ “แฟนเก่า? ก่อนจะมาคบกับเจียเหอ เธอเคยคบคนอื่นมาแล้วเหรอ?”

หลินเซี่ยมองสบตาที่เต็มไปด้วยความฉงนของเซี่ยไห่ และพยักหน้า “มีสิ คุณไม่รู้เรื่องนี้เหรอ?”

“เธอยังอายุไม่เท่าไหร่เลย มีแฟนเก่าซะแล้ว”

เซี่ยไห่มองไปที่ชายในภาพอีกครั้ง จากนั้นก็เริ่มแสดงความคิดเห็นว่า “ดูเหมือนว่าไอ้หนุ่มนี่จะสูงประมาณ 170 เซนติเมตร แต่งตัวเหมือนลูกกระจ๊อก ผอมชะลูด แถมยังยืนหลังค่อมหน่อย ๆ ถ้าให้เดาก็น่าจะเป็นไก่อ่อนจอมขี้ขลาด ดูจากใบหน้าด้านข้าง เห็นชัดเลยว่าโครงหน้าไม่มีความเป็นสามมิติ ออร่าหรือก็ไม่ได้ดีเด่ไปกว่าเจียเหอ สมควรแล้วล่ะที่เธอจะเลิกกับไอ้หมอนี่ไปซะ”

หลินเซี่ย “!!!”

หลินเซี่ยเชิดคางขึ้น แล้วเตือนอย่างอดทนว่า “เถ้าแก่เซี่ย เรากำลังตามสืบเรื่องร้ายแรงกันอยู่นะ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยไห่ก็กระแอมไอเบา ๆ และเปลี่ยนเรื่อง

“ถ้าอย่างนั้น แฟนเก่าของเธอทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร?”

หลินเซี่ยเหลือบมองผู้ชายในภาพด้วยใบหน้าสีเข้ม ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธ

“แรงจูงใจของเขาคืออะไร? หรือเพราะเธอแต่งงานกับเฉินเจียเหอ เขาก็เลยไม่พอใจ และหาทางแก้แค้นงั้นเหรอ?”

เซี่ยไห่หรี่ตาลง จดจ่ออยู่กับการวิเคราะห์ของตัวเอง “แล้วเขาจะเอาความแค้นไปลงกับพี่อิงจื่อให้มันได้อะไรขึ้นมา? ทำไมไม่ไปจ้างคนมาหาเรื่องเธอที่ร้านตัดผมแทนล่ะ?”

หลินเซี่ย “!!!”

ทันใดนั้น เซี่ยไห่ก็กระแทกรูปถ่ายลงบนโต๊ะและสาปแช่งว่า “ไอ้หมอนี่มันโง่มาก สิ่งที่เขาทำลงไปไม่มีความเป็นผู้ชายเลยสักนิด ถ้าเขาคิดว่าตัวเองมีความสามารถมาก ก็มาแข่งขันกับเฉินเจียเหออย่างเปิดเผยสิวะ”

“หยุดเดาเดี๋ยวนี้เลย” หลินเซี่ยโพล่งขึ้น “เขาไม่ได้เป็นแค่แฟนเก่าของฉันเท่านั้น แต่ยังเป็นแฟนคนปัจจุบันของเสิ่นอวี้อิ๋งอีกด้วย แถมยังมีสถานะเป็นมือขวาของเสิ่นเถี่ยจวิน ทีนี้คุณเข้าใจสิ่งที่ฉันกำลังจะบอกหรือยัง?”

เมื่อเซี่ยไห่ได้ยินชื่อของเสิ่นเถี่ยจวิน สีหน้าของเขาก็กลับมาจริงจังทันที “ดังนั้น…”

หลินเซี่ยพูดกับหลินจินซานและเฉียนต้าเฉิง “พี่ชาย พี่กับพี่เฉิงขึ้นไปพักผ่อนกันก่อนเถอะ พวกพี่ยังต้องลงมาทำงานตอนเย็น”

“ได้ ถ้ามีเรื่องอะไรก็มาเรียกพวกเรานะ”

ทันทีที่ทั้งสองกลับขึ้นไปพักบนห้อง เซี่ยไห่ก็ลูบคางของเขาแล้วพูดว่า “ดังนั้น คนที่เป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังยายป้าคนนั้นก็น่าจะเกี่ยวข้องกับเสิ่นเถี่ยจวิน แฟนเก่าของเธอคงตามจีบใครก็ตามที่เป็นลูกสาวของผู้อำนวยการโรงงาน พอได้รับมอบหมายงานก็เลยจ้างคนมาใส่ร้ายพี่อิงจื่อ เพราะถ้าเป็นเวลาปกติ เขาควรอยู่ห่างจากเธอให้ไกล”

หลินเซี่ยเห็นด้วยกับการวิเคราะห์ของเซี่ยไห่

ถ้าคนในรูปเป็นเสิ่นเสี่ยวเหมยหรือเสิ่นอวี้อิ๋ง การทำแบบนี้อาจเป็นแค่พฤติกรรมส่วนตัวของพวกหล่อน

แต่คนในรูปกลับกลายเป็นหลิวจื้อหมิง ซึ่งน่าสนใจมาก

หลิวจื้อหมิงทำทุกวิถีทางเพื่อตัดความสัมพันธ์กับเธอ จากนั้นก็หันไปสร้างความประทับใจที่ดีให้กับเสิ่นอวี้อิ๋ง แม้กระทั่งตอนอยู่ที่ทำงานก็ยังเป็นผู้ช่วยมือขวาของเสิ่นเถี่ยจวินอีกด้วย

ด้วยเหตุนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นจึงไม่น่าจะทำลงไปเพราะเหตุผลส่วนตัวอย่างแน่นอน เขาเป็นแค่ลูกกระจ๊อกเท่านั้น

เซี่ยไห่ถามเธอ “เซี่ยเซี่ย เธอจะทำยังไงต่อไป?”

“ต่อให้พวกเราจะบุกไปหาหลิวจื้อหมิงตอนนี้เลย แต่เขาต้องไม่ยอมรับแน่ว่าตัวเขาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”

เวลานี้หลินเซี่ยมีสติและสงบสติอารมณ์ได้เป็นอย่างดี เธอบอกว่า “เราต้องรอผลการตรวจสอบจากกรมอาหารและยาก่อน เพื่อพิสูจน์ว่าอาหารบนรถเข็นไม่มีปัญหาอะไร นอกจากนี้ต้นเหตุยังอยู่ในโรงพยาบาล เพราะฉะนั้นมาเริ่มจากหญิงชรากันก่อน สมาชิกในครอบครัวอาจคิดผลักไสหล่อนให้ออกไปหาเงิน หรือแม้แต่ให้หล่อนสละชีวิตเพื่อเป็นประโยชน์ต่อพวกเขา”

“ใช่ เราควรเริ่มจากหลาย ๆ ด้านพร้อมกัน” เซี่ยไห่พูดกับเธอต่อไป “ฉันจะส่งคนไปสืบเรื่องส่วนตัวของลูกชายป้าคนนั้น ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งนัดเจอกับแฟนเก่าของเธอมา หมายความว่าเราสามารถหาหลักฐานการสมรู้ร่วมคิดระหว่างพวกเขาได้ไม่ยาก รอให้เจียเหอกลับมาตอนเย็น ฉันจะพาเจิ้งอวี่กับเหล่าฟางไปช่วยกันเค้นความจริงจากเขา ได้เรื่องเมื่อไหร่ก็จะพยายามหาทางแก้ไขโดยเร็ว ขืนใช้เวลานานเกินไป เกิดหลักฐานถูกทำลายแล้วยายป้าตายขึ้นมา เรื่องจะยิ่งไปกันใหญ่”

ลูกชายของหญิงชราไม่น่าจะเป็นลูกที่ดี เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง เขาถึงกับยอมผลักไสผู้เป็นแม่วัยเจ็ดสิบออกไปรับเคราะห์ มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าพวกเขานั้นไร้หัวใจ

เซี่ยไห่ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดในช่วงเวลาคับขัน ทำให้หลินเซี่ยรู้สึกปลอดภัยมากจริง ๆ

เธอมองไปที่เซี่ยไห่ และพูดอย่างจริงใจว่า “เถ้าแก่เซี่ย ขอบคุณมากนะคะ”

“ขอบคุณอะไรกัน? เราทุกคนคือครอบครัวเดียวกัน”

เซี่ยไห่พูดอย่างไม่ใส่ใจ ทันใดนั้นเขาก็เงยหน้ามองหลินเซี่ย และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าเธออยากขอบคุณฉันจริง ๆ ละก็ ช่วยเปลี่ยนคำเรียกมาเรียกฉันว่าอารองแทนสิ”

หลินเซี่ยรู้สึกกระดากอายเมื่อได้ยินเขาร้องขออย่างตรงไปตรงมา

เมื่อเห็นสายตาที่เปี่ยมความคาดหวังของเซี่ยไห่ เธอก็ไม่อยากทำให้เขาเสียน้ำใจ เพียงแต่คำว่าอารองกลับจุกคาอยู่ตรงลำคอ ไม่สามารถเปล่งออกมาได้

หลินเซี่ยหลีกเลี่ยงการจ้องมองแล้วแกล้งไอเบา ๆ “คุณแต่งตัวจ๊าบเกินไป ดูเด็กกว่าเฉินเจียเหอซะอีก ฉันทำใจเรียกคุณแบบนั้นไม่ได้จริง ๆ ไว้ครั้งต่อไปถ้าคุณแต่งตัวเชยกว่านี้ฉันอาจจะสะดวกใจมากขึ้น”

เซี่ยไห่ก้มหน้าลงมองไปที่เสื้อเชิ้ตลายดอกและสูทขาวที่เขาสวมอยู่ จากนั้นก็ยกมือขึ้นลูบใบหน้าที่ยังเรียบเนียนของตัวเอง

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเริ่มรู้สึกรำคาญตัวเองที่มักจะทำตัวเป็นวัยรุ่นและทันสมัย

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

อ่าา ในเมื่อรูปการณ์ออกมาแบบนี้แสดงว่าไม่เสิ่นคนพ่อก็เสิ่นคนลูกนี่แหละเป็นคนบงการ

พี่ไห่เริ่มอยากทำตัวแก่เหรอคะ กลัวหลานสาวไม่เรียกว่าอารองขนาดนั้นเลย?

ไหหม่า(海馬)