บทที่ 327 อาจารย์มีอันตรายแล้ว

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 327 อาจารย์มีอันตรายแล้ว

บทที่ 327 อาจารย์มีอันตรายแล้ว

แรงระเบิดที่รุนแรงขนาดนี้ถึงกับทำให้ค่ายกลดาบห้าธาตุพังทลายลงในพริบตา ราวกับว่าค่ายกลดาบห้าธาตุเป็นเพียงแก้วบาง ๆ โดนพลังของระเบิดก็แตกสลายราวกับว่ามันไม่เคยอยู่ตรงนั้น

แม้ฉู่เหินจะคาดไว้ว่าแรงระเบิดน่าจะรุนแรงมาก แต่เขาไม่คิดว่าระเบิดของตัวเองจะไปปะทะกับของวิเศษลึกลับนั้นพอดี ทำให้ความรุนแรงของระเบิดมีอานุภาพมากกว่าเดิมถึง 10 เท่า

ยอดฝีมือขั้นราชันดารา 3 คนโดนระเบิดจนถูกไฟคอกตายไปในทันที กระทั่งซากก็ไม่เหลือทิ้งไว้ ไม่อาจจิตนาการได้เลยว่าแรงระเบิดที่เกิดขึ้นนี้รุนแรงขนาดไหน!

ที่ตีนเขากิเลนยังมีขั้นราชันดารา 2-3 คนยืนเฝ้าอยู่ เดิมทีพวกเขาเมื่อได้แต่รออยู่ที่นี่ก็ค่อนข้างกระวนกระวายใจ เลยให้ขั้นราชันดาราคนหนึ่งไปตรวจสอบดูเสียหน่อย แต่คิดไม่ถึงว่าขั้นราชันดาราที่ส่งไปตรวจสอบจะตายเพราะหลงเข้าไปในค่ายกลของฉู่เหินซะแล้ว

พอส่งคนไปแล้วไม่ได้ข่าวคราวกลับมา จึงทำให้คนที่เหลือรู้สึกจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว และตอนนี้ที่พวกเขาคิดจะส่งคนไปตรวจสอบอีกคน จู่ ๆ ก็เกิดการระเบิดอันสะเทือนฟ้าสะเทือนดินขึ้นเสียก่อน

แม้ระยะทางจะห่างไกลกันมาก แต่แรงระเบิดก็ทำให้พวกเขาหวาดกลัว จากนั้นพวกเขาก็มองหน้ากันไปมา พวกเขาไม่รู้จริง ๆ ว่าพลังแบบไหนกันที่จะน่ากลัวได้ขนานี้

ตอนนี้โป๋อีกู่และคนอื่น ๆ ก็มาถึงริมฝั่งของเกาะซาถัวแล้ว พวกเขาเตรียมจะลงเรือจู่ ๆ ทั่วทั้งเกาะก็สั่นไหวอย่างรุนแรง ท้องทะเลที่เงียบสงบอยู่ดี ๆ ก็เกิดคลื่นสูงอย่างฉับพลัน ลมแรงพัดกรรโชก ท้องทะเลสั่นไหวไม่หยุด

เดิมทีมหาสมุทรนั้นเงียบสงบ แต่ใครจะคิดว่าอยู่ ๆ มหาสมุทรจะบ้าคลั่งขึ้นมาได้ คลื่นยักษ์สูงเท่ากับยอดตึกสูง ปรากฏการณ์ราวกับวันสิ้นโลกแบบนี้ ทำให้คนบนเรือต่างพากันตกตะลึง

จือซินกำลังครุ่นคิดอย่างหนัก เดิมทีเธอสัมผัสได้ถึงอันตรายบ้างในเกาะแห่งนี้ ด้วยพลังขั้นจักรพรรดิดาราเธอสัมผัสได้ว่าภายในเกาะเกิดการระเบิดครั้งใหญ่ขึ้น แรงระเบิดขนาดนี้แม้แต่เธอที่อยู่ในขั้นจักรพรรดิดาราก็คงถูกไฟครอกตายเป็นแน่

“ดูเหมือนว่าการเดินทางบนเกาะครั้งนี้จะไม่ค่อยราบรื่นเท่าไรแล้วล่ะมั้ง ได้แต่หวังว่าเหล่ากระต่ายน้อย * ทั้งหลายจะรอดจากแรงระเบิดนี้ได้นะ” จือซินพูดออกมา ทว่าตอนที่พูดเธอก็ยังแอบคาดหวังว่าทุกคนจะรอด! หากอยู่ใกล้รัศมีของระเบิดล่ะก็ ไม่ต้องพูดถึงเหล่าลูกศิษย์ทั้งหลายเลย แม้แต่ผู้อาวุโสอย่างเธอก็คงไม่รอด (*คำที่คนอายุเยอะกว่ามักเรียก เด็กผู้ชายอายุน้อยกว่าอย่างเอ็นดู)

“คุณลุงโป๋ ผมสัมผัสได้ว่าอาจารย์มีอัตรายแล้ว ระเบิดนี้เป็นยาของอาจารย์! ผมยังจำปีได้มันคือยาของอาจารย์ มันคือยาระเบิดกลายพันธุ์ ตามที่อาจารย์เคยพูดไว้ ยาระเบิดนี้อานุภาพร้ายกาจยิ่ง ดูเหมือนว่ายานั้นจะเป็นต้นตอของการระเบิดครั้งนี้นะ!”

หลังจากฟังตงโกวจีหยางพูดจบ โป๋อีกู่ก็ขมวดคิ้วเป็นปม เขารีบใช้พลังสัมผัสพื้นที่โดยรอบ เขาพยายามสัมผัสหาลมปราณของฉู่เหินอย่างละเอียดจนรู้ว่าฉู่เหินอยู่ใกล้การระเบิดนั้น ในใจของเขากังวลเป็นที่สุด! แม้เขาจะบอกว่าตัวเองเป็นผู้อารักษ์ขาฉู่เหิน แต่เขาก็คิดว่าฉู่เหินเป็นเหมือนน้องชายคนหนึ่งมาตลอด

ถ้าวันนี้ฉู่เหินต้องตายมาที่นี่จริง ๆ เขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องทำยังไงต่อไปความคิดนี้วนเวียนอยู่ในหัวเขาแต่ไม่นานก็หายไป ฉู่เหินเป็นคนฉลาดมาก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็มักจะหาทางเอาตัวรอดได้เสมอ แม้ว่าการระเบิดครั้งนี้จะรุนแรงมาก แต่ฉู่เหินก็น่าจะยังมีชีวิตรอดอยู่

“พอเรือจอดสนิทแล้วพวกเราจะรีบลงจากเรือทันที” หลังจากออกคำสั่งหนึ่งประโยค เขาก็เดินนำหน้าเข้าเกาะไปโดยทุกคนเดินตามหลังมาติด ๆ!

คนที่จิตใจได้รับความกระทบกระเทือนที่สุดก็คือหัวหน้าทีมมังกร แม้ในเวลาปกติเขาจะปรับตัวให้รับมือได้ทุกสถานการณ์ แต่แรงระเบิดครั้งนี้มันน่ากลัวเกินไป เขาสบตากับคนอื่น ๆ ในทีมทุกคนเองก็คิดแบบนี้เช่นกันการระเบิดครั้งใหญ่ถึงกับทำให้เกิดผลกระทบถึงในมหาสมุทรที่อยู่ไกลออกมาไป ถ้าเป็นจุดศูนย์กลางของการระเบิดล่ะจะรุนแรงขนาดไหนกัน

ถ้าบนเรือไม่มีคนเก่ง ๆ อย่างโป๋อีกู่ น่ากลัวว่าพวกเราแม้แต่ความกล้าจะขึ้นฝั่งก็ยังไม่มี เพราะพลังระดับนี้มันไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะต่อกรได้เลย

พวกเขาทีมมังกรตอนที่ออกทะเล หลายคนไม่ค่อยให้ความร่วมมือกับพวกโป๋อีกู่ ในความคิดของพวกเขาการเดินทางครั้งนี้น่าจะเป็นคนอื่น ๆ มากกว่า เพราะงานตามหาคนไม่น่าจะต้องถึงมือพวกเขาทีมมังกร! แต่ไม่นานความคิดของพวกเขาก็ลอยหายไปดั่งหมอกควัน

พวกเขายังจำได้อย่างชัดเจนว่าตอนที่เพิ่งมาถึงทะเลตงไห่ไม่นาน จู่ ๆ ก็มีนกอินทรีตัวหนึ่งตกลงมายังมหาสมุทรกว้างใหญ่

เดิมทีมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำให้พวกเขาตกใจหรอก แต่การกระทำบ้าดีเดือดของโป๋อีกู่ต่างหากที่ทำให้พวกเขาตกใจ เพราะพวกเขาเห็นโป๋อีกู่แหวกว่ายในทะเลแล้วก็หายไปไกล ไม่นานโป๋อีกู่ก็กลับมาพร้อม นกอินทรี และสาวงาม

โป๋อีกู่ที่ทำอะไรแบบนี้ได้ ทำให้พวกเขาต้องหวาดกลัว! หลังจากสมาชิกทีมมังกรเห็นภาพนี้แล้วทุกคนต่างก็พากันตกตะลึงอ้าปากค้าง จากนั้นเป็นต้นมาพวกเขาถึงได้รู้ว่าตัวเองเป็นแค่สวะ! พวกเขาได้แต่เก็บความหยิ่งผยองของตัวเองเอาไว้ลึก ๆ

ต่อหน้าคนเก่งแบบโป๋อีกู่ การแสดงความหยิ่งผยองออกมานับเป็นแค่ตัวโง่งม ดั่งเช่นวันนี้ที่พวกเขาเดินตามโป๋อีกู่เข้าไปในเกาะ พวกเขาก็เดินตามหลัง โป๋อีกู่ อย่างว่าง่าย เรื่องเกาะต้นไม้ใหญ่* พวกเขารู้ดี พลังอันต่ำต้อยของพวกเขาไม่อาจช่วยเหลือใครได้เลย ได้แต่่ค่อยทำเรื่องต่าง ๆ แทน!

*ติดตามคนที่เก่งกว่า

หลังจากพวกเขาเข้ามายังเกาะก็เดินทางต่อทันที คนที่ยืนอยู่หน้าสุดก็คือโป๋อีกู่กับจือซิน! ตอนนี้ทั้งสองยืนอยู่ด้านหน้าสุดและกำลังขมวดคิ้วเป็นปม เนื่องจากกำลังครุ่นคิดอะไรอย่างหนัก

“ดูเหมือนที่นี่จะมีค่ายกลอะไรขวางอยู่ หากเดินทะเล่อทะล่าเข้าไปไม่รู้ว่าต้องเจอกับอันตรายอะไรบ้าง” จือซินพูดกับโป๋อีกู่ขณะขมวดคิ้วแน่น

โป๋อีกู่พยักหน้ารับเบา ๆ ตอนนี้เขากำลังร้อนรน ตอนที่เพิ่งมาถึงที่นี่เขาก็พบว่าด้านหน้าเกาะมีค่ายกลอยู่มากมายกำลังขวางกั้นทางเข้าทางออกของทุกคนเอาไว้ จริง ๆ แล้วค่ายกลแค่นี้ไม่มีทางทำให้เขาสั่นไหวได้เลย แต่ค่ายกลตรงหน้านี้ยิ่งมองเขาก็ยิ่งคุ้นตา สุดท้ายเขาก็นึกออกว่ามันคืออะไร

ค่ายกลอันนี้มันเหมือนกับที่บ้านฉู่เหินไม่มีผิด แต่เมื่อเอามาเปรียบเทียบกันแล้ว ค่ายกลอันนี้ออกจะอันตรายกว่ามาก ส่วนค่ายกลที่บ้านแม้จะเดินผิดทางก็ยังไม่โดนโจมตี มันแค่ทำให้หลงทางอยู่ในนั้น

แต่ค่ายตรงหน้านี้ต่างกัน ถ้าเดินผิดหนึ่งก้าวก็จะถูกค่ายกลนี้โจมตีอย่างโหดเหี้ยมทันทีอาจเรียกได้ว่ามันเป็นค่ายกลที่บ้านเวอร์ชั่นอัพเกรดแล้ว พอคิดได้แบบนี้โป๋อีกู่ก็ยิ้มออกมา ถ้าเขาเดาไม่ผิดค่ายกลนี้ต้องเป็นฉู่เหินที่สร้างมันขึ้นมาอย่างแน่นอน

ดูจากค่ายกลตรงทางเข้าของเกาะ แสดงว่าฉู่เหินกำลังเตรียมใช้ที่นี่เป็นเหมือนปิดประตูตีแมว* แบบนี้ก็ไม่ต้องกลัวว่าฉู่เหินจะเป็นอันตรายแล้ว! แต่โป๋อีกู่ไม่รู้เลยว่าเหตุผลที่ฉู่เหินสร้างค่ายกลแห่งนี้ขึ้นก็แค่จะดักโจมตีตอนที่เขาหนีออกมาเท่านั้น ไม่ได้มีแผนการอะไรเลย

แต่สุดท้ายค่ายกลหน้าเกาะก็จัดการคนได้หลายกลุ่มจริง ๆ อย่างน้อยที่สุดก็ทำให้ลูกศิษย์ของขุมอำนาจใหญ่ทั้ง 3 กลุ่มต้องบาดเจ็บล้มตายไปหลายคน ถ้าไม่อย่างงั้นตอนที่พวกมันจู่โจมนิกายกิเลนพวกมันคงมีคนมากกว่านี้!