ตอนที่ 190 กลัวหรือไม่

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว

ตอนที่ 190 กลัวหรือไม่?

อวี้ชิงลั่วกำนิ้วเข้าหากันเล็กน้อย ยิ้มเยาะกล่าวว่า “เป็นถึงอ๋องซิว แต่มาทำเรื่องลักเล็กขโมยน้อย แอบซ่อนตัวอยู่บนคานบ้านเพื่อฟังคนอื่นสนทนาตั้งแต่เมื่อไรกัน?”

เย่ซิวตู๋เลิกคิ้ว แตะปลายเท้าเบา ๆ ร่อนกายลงตรงหน้าอวี้ชิงลั่วอย่างเนิบช้า มุมปากของเขาแฝงรอยยิ้มขณะจ้องมองอวี้ชิงลั่วด้วยดวงตาเป็นประกาย ปากยังคงพึมพำประโยคนั้น “มีภรรยาเช่นนี้ สามีคงไม่ต้องการอะไรอีก คำพูดนี้ของไท่จื่อเฟย พูดได้เหมาะสมมาก”

ทั้งสองคนอยู่ใกล้กันมากเสียจนอวี้ชิงลั่วรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่ส่งมาจากเขา นางจึงเม้มปากถอยไปด้านหลังหนึ่งก้าว แค่นเสียงจากลำคออย่างเย็นชา “ไท่จื่อเฟยก็แค่พูดเล่นเท่านั้น ท่านจะคิดเป็นจริงเป็นจังไปเพื่ออะไรกัน? ท่านขึ้นไปซ่อนตัวอยู่ด้านบนนั้นตั้งแต่เมื่อไรกัน แอบฟังมานานขนาดไหนแล้ว?”

“ก็ไม่นานหรอก ได้ยินพวกเจ้าคุยกันตั้งแต่ต้นจนจบแค่นั้นเอง”

อวี้ชิงลั่วมุมปากกระตุกวูบ ตั้งแต่ต้นจนจบ? นี่ยังไม่เรียกว่านานอีกหรือ?

“ในเมื่อกลับมาเร็วขนาดนั้น ก็น่าจะรู้เรื่องที่เมื่อครู่อวี๋จั้วหลินมาหาถึงที่แล้วสินะ?” เมื่อครู่ที่พ่อบ้านกระซิบข้างหูนาง ก็เพื่อแจ้งให้ทราบเรื่องที่อวี๋จั้วหลินมาถึงที่นี่เพื่อเข้าพบท่านอ๋อง

ดูเหมือนว่าคนคนนี้คงคิดจะไต่เต้าจากเย่ซิวตู๋จริง ๆ ตอนนี้ถึงได้วิ่งแจ้นมาถึงตำหนักอ๋อง

เย่ซิวตู๋ไม่ได้สนใจ ยกเสื้อคลุมขึ้นและนั่งลงบนตำแหน่งที่นางเพิ่งนั่งเมื่อครู่ ทั้งยังยกแก้วน้ำชาที่นางเพิ่งดื่มขึ้นมาจิบเบา ๆ

อวี้ชิงลั่วถึงกับเดือดดาล คนคนนี้ตาบอดหรือมือพิการกันแน่? แก้วน้ำที่วางอยู่บนโต๊ะก็มีตั้งเยอะแยะ น้ำในกาน้ำก็ยังอุ่นอยู่ เหตุใดถึงได้มาดื่มน้ำในแก้วที่นางเคยดื่มด้วย?

เย่ซิวตู๋ไม่สนใจสีหน้าของนาง สตรีผู้นี้ทำใจฆ่าเขาไม่ลงหรอก

“อวี๋จั้วหลินมา แต่ก็แค่มาบอกข้าเกี่ยวกับการประลองอีกไม่กี่วันหลังจากนี้ก็เท่านั้น เขาเองก็ถือว่ามีความอดทนพอตัว ทั้ง ๆ ที่เมื่อสองวันก่อนก็เจอเจ้าแล้ว ทว่ากลับรอจนกระทั่งวันนี้ถึงมาบอกข้าถึงเรือนว่าเจอแม่นางคนนั้นที่จะทำการประลองกับหมอเสิ่นแล้ว เจ้าว่า นี่คงเป็นการทำอย่างสุดความสามารถใช่หรือไม่?”

อวี้ชิงลั่วแค่นเสียงเย็นหนึ่งเสียง “เขาก็แค่อยากประจบประแจงต่อหน้าท่าน ตอนนี้เขาถูกลดตำแหน่งแล้ว เสนาบดีฝั่งขวาก็เล่นงานเขา เขาก็ต้องหาที่พึ่งพาให้ตนเองสักคน ท่านนี่โชคดีจริง ๆ ที่ได้รับความนิยมชมชอบจากเขา”

ในคำพูดของนางแฝงความเย้ยหยันอย่างชัดเจนจนเย่ซิวตู๋ถึงกับหัวเราะออกมา จู่ ๆ เขาก็ลุกขึ้นและดึงมือนางพลางกล่าวว่า “ไปเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปดูอะไรสนุก ๆ”

อวี้ชิงลั่วถูกเขาดึงจนถลาไปด้านหน้าหลายก้าว คิ้วขมวดเข้าหากัน นางคิดจะสะบัดแต่ก็ถูกเขาบีบไว้จนแน่น จึงไม่สามารถหลุดพ้นจากอีกฝ่ายได้ “ท่านปล่อยมือข้าก่อน ไปดูเรื่องสนุกก็ไปดูสิ เหตุใดต้องมาลากข้า…ว้าย…”

เสียงของอวี้ชิงลั่วยังกล่าวไม่จบ เย่ซิวตู๋ก็ปล่อยมือนางจริง ๆ จากนั้นก็ใช้มือโอบรอบเอวของนางอย่างรวดเร็ว ขาทั้งสองข้างเตะเบา ๆ ร่างของทั้งคู่ก็ลอยขึ้นไปอยู่บนกำแพงตำหนักอ๋อง ก่อนจะหายไปในซอยด้านหลังตำหนักอย่างรวดเร็ว

อวี้ชิงลั่วก็คิดไว้อยู่แล้วเชียว ทักษะวิชาตัวเบาเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจที่สุด นางทำไม่ได้ แต่เย่ซิวตู๋ก็ยังชอบใช้วิธีนี้เพื่อพานาง…บิน

ทั้งคู่เคลื่อนตัวไปพร้อมกัน อวี้ชิงลั่วได้ยินเสียงลมที่พัดอยู่ข้างหู แม้จะรู้สึกไม่พอใจที่ถูกเขาโอบกอดเช่นนี้ ทว่าเพื่อความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของตนเอง นางจึง…โอบรอบคอของเขาไว้แน่น ๆ

เหนือศีรษะมีเสียงหัวเราะดังขึ้นเบา ๆ เสียงหัวเราะที่มีความสุขนั้นทำให้อวี้ชิงลั่วถึงกับขบฟันแน่นพร้อมกับยื่นมือไปหยิกเนื้อข้างเอวของอีกฝ่ายและออกแรงบิดแรง ๆ หนึ่งครั้ง

น่าเสียดายที่คนคนนี้มีกล้ามเนื้อแข็งเกินไป นางออกแรงทั้งหมดที่มีก็ยังไม่เห็นเขาขมวดคิ้ว แต่กลับทำให้อีกฝ่ายมีความสุขมากยิ่งขึ้น

“ถึงแล้ว”

ผ่านไปครู่หนึ่ง เสียงลมข้างหูก็หยุดลง ขาทั้งสองข้างลงมาเหยียบสถานที่จริงแล้ว อวี้ชิงลั่วชะงัก ก่อนจะชะโงกหน้าออกมาจากอ้อมกอดของอีกฝ่าย

ตอนที่นางเพิ่งจะถอยห่างจากเขาหนึ่งก้าว กลับค้นพบว่าสถานที่ที่ยืนอยู่ตอนนี้ยังคงเป็นหลังคา ทั้งยัง…เป็นหลังคาที่แคบมากด้วย

อวี้ชิงลั่วเงยหน้าถลึงตาใส่เขา เอ่ยถามว่า “ท่านพาข้ามาทำอะไรที่นี่?”

“เจ้าดูด้านล่างสิ”

เอวของนางยังถูกเขาโอบไว้ ด้วยท่าทางระมัดระวังป้องกันไม่ให้นางตกลงไปด้านล่าง

อวี้ชิงลั่วเชิดปลายจมูกเล็กน้อย ก่อนจะชะโงกหน้ามองลงไปด้านล่าง ครั้นได้เห็นก็พบว่าสถานที่แห่งนี้คุ้นตามาก ตรงปากซอยที่อยู่ด้านล่างคือโรงหมอซิงเซิ่งที่นางและจินหลิวหลีเคยสร้างความวุ่นวายครั้งก่อนมิใช่หรือ?

พูดเช่นนี้ ใต้เท้าที่นางยืนอยู่ก็คือหลังคาของโรงเตี๊ยมเยว่หมิง?

อวี้ชิงลั่วหันมามองเย่ซิวตู๋ด้วยความประหลาดใจ “ท่านพาข้ามาทำอะไรที่นี่?”

เย่ซิวตู๋ไม่ตอบ กลับแสดงท่าทางลึกซึ้งอย่างมิอาจคาดเดาได้ หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง จู่ ๆ เขาก็อุ้มนางและกระโดดลงไปด้านล่าง ร่างของพวกเขาลดระดับลงอย่างรวดเร็ว ท้ายที่สุดจึงมาแขวนตัวอยู่บนคานที่อยู่ข้าง ๆ

“เจ้าดูสตรีผู้นั้น” เย่ซิวตู๋ยึดร่างของอวี้ชิงลั่วไว้ให้มั่น ก่อนจะชี้ไปที่มุมด้านล่างทางซ้ายมือ

อวี้ชิงลั่วรู้สึกตาพร่าไปชั่วขณะ หลังจากใจเย็นลงแล้ว จึงมองไปตามทิศทางนิ้วของเขา

ผู้หญิง? ผู้หญิงคนนั้น…

“ดูคุ้นตาอยู่เหมือนกัน” อวี้ชิงลั่วครุ่นคิด นางน่าจะเคยเห็นสตรีผู้นี้มาก่อน ทว่ากลับอยู่ในความทรงจำที่ไม่ชัดเจน ดูจากท่าทางและการเคลื่อนไหวในการเดิน ดูคล้ายกับเป็นสตรีภายในวัง

อวี้ชิงลั่วเม้มปาก ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมาในทันที “นางข้าหลวงข้างกายเหมิงกุ้ยเฟย”

เย่ซิวตู๋หัวเราะเบา ๆ “นางชื่อเฟยเก๋อ เป็นคนสนิทของเหมิงกุ้ยเฟย เช่นเดียวกับเจี่ยนเซียงที่มีความสามารถด้านวิชาการและวรยุทธ์ ถือว่าเป็นนางข้าหลวงภายในวังที่มีฝีไม้ลายมือ”

“นางไม่อยู่ปรนนิบัติเหมิงกุ้ยเฟยภายในวัง แต่มาทำอะไรที่โรงเตี๊ยมแห่งนี้?” อวี้ชิงลั่วเยาะเย้ยหนึ่งเสียง มีฝีมือ? ฝีมืออะไร? ฝีมือในการทำร้ายคนงั้นหรือ?

“อีกไม่กี่วันก็จะเป็นวันประลองของเจ้ากับหมอเสิ่นแล้ว ในเมื่อเหมิงกุ้ยเฟยให้ความสำคัญกับเขาขนาดนี้ ย่อมไม่มีทางปล่อยให้เขาแพ้จนเสียหน้าในงานประลองที่เป็นช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อเป็นแน่ แม้นางจะคิดว่าทักษะทางการแพทย์ของหมอเสิ่นไม่เลว และมีความเชื่อมั่นในตัวหมอเสิ่น แต่เหมิงกุ้ยเฟยเป็นคนรอบคอบมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเรื่องใดก็ต้องมั่นใจว่าจะไม่ล้มเหลวเป็นอันขาด ดังนั้นก่อนที่จะมีการประลอง นางย่อมทำอะไรบางอย่าง”

ถึงอย่างไรก็เป็นแม่ลูกกันมาหลายปี ต่อให้ไม่ได้เป็นมิตรต่อกัน ทว่านิสัยบางอย่างก็พอจะเข้าใจได้เป็นอย่างดี

อวี้ชิงลั่วหรี่ตาลงเล็กน้อย จ้องมองเฟยเกอที่เดินเข้าด้านในโรงเตี๊ยมที่เต็มไปด้วยความครึกครื้นราวกับไม่ได้ทำอะไร แต่นางกลับหยุดอยู่ข้าง ๆ เสาเป็นระยะ ไม่รู้ว่ากำลังทำสิ่งใด

อวี้ชิงลั่วจ้องมองนาง แต่กลับพบว่าการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายรวดเร็วมาก ราวกับกำลังแปะอะไรบางอย่างไว้บนเสา

เฟยเกอเดินอยู่ในห้องโถงเกือบสองเค่อ ในที่สุดจึงเงยคางขึ้น เดินออกจากโรงเตี๊ยมเยว่หมิงราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ราวกับนางไม่เคยปรากฏตัวขึ้นที่นี่มาก่อน ไม่มีใครสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวเล็ก ๆ นั้นของนางด้วย

“พวกเราจะลงไปหรือไม่?” อวี้ชิงลั่วหันมาถามเย่ซิวตู๋

อีกฝ่ายหัวเราะ “ไม่จำเป็น ช่วงค่ำข้าจะให้เหวินเทียนมาดู” หลังจากชะงักไป จู่ ๆ เขาก็กระซิบถามว่า “การประลองอีกไม่กี่วันต่อจากนี้ ไม่ได้เป็นแค่การประลองเท่านั้น เกรงว่าอาจเจออุบัติเหตุจำนวนมากอย่างคาดไม่ถึงด้วย กลัวหรือไม่?”

“หนานหนานยังไม่กลัวเรื่องพวกนี้เลย” อวี้ชิงลั่วกลอกตาใส่เขา นางรู้สึกได้ว่าช่างเป็นคำถามไร้สาระเสียเหลือเกิน

เย่ซิวตู๋แย้มยิ้ม ไม่กลัวก็ดี ต่อให้กลัวก็ยังมีเขาอยู่ทั้งคน

…………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ท่านอ๋องเล่นอะไรคะเนี่ย แกล้งชิงลั่วนี่มันสนุกมากเหรอคะ

นังกุ้ยเฟยนี่มันเจ้าแผนการจริง ๆ แต่ก็นั่นแหละค่ะ แม่ลูกกันย่อมรู้เท่าทันกัน

ไหหม่า(海馬)