ตอนที่ 189 คิดเสียว่าข้าทนดูไม่ได้

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว

ตอนที่ 189 คิดเสียว่าข้าทนดูไม่ได้

ไท่จื่อเฟยเห็นสีหน้าประหลาดใจของอวี้ชิงลั่ว จึงกระซิบถาม “เกิดอะไรขึ้นใช่หรือไม่?”

“อ๋อ ไม่มีอะไร” อวี้ชิงลั่วแย้มยิ้ม โบกมือสั่งให้พ่อบ้านออกไป “เจ้าบอกไปว่าท่านอ๋องไม่อยู่ หากมีธุระอะไรรอให้ท่านอ๋องกลับมาถึงค่อยคุย”

“ขอรับ” พ่อบ้านหยางพยักหน้าและถอยออกไปอีกครั้ง

ภายในห้องกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง ไท่จื่อเฟยเห็นสายตาของอวี้ชิงลั่วที่กำลังครุ่นคิด นางได้ยินมาว่าข้างกายของท่านอ๋องซิวมีแม่นางคนหนึ่ง ทั้งยังเป็นเพราะนางที่ทำให้ท่านอ๋องยอมกินยาพิษเพื่อใช้ชีวิตสาบานต่อนางว่าจะรักเดียวใจเดียวนับจากนี้

นางรู้สึกสงสัยและอิจฉาเกี่ยวกับสตรีผู้นี้อย่างมาก ท่านอ๋องซิวช่างแตกต่างจากรัชทายาท เดิมทีเขาเป็นคนเย็นชาเฉยเมยมาก ไม่เคยใส่ใจกับเรื่องใด ๆ บุรุษเช่นนี้หากทำดีกับสตรีสักคนหนึ่งจริง ๆ เช่นนั้นเขาก็คงพูดจริงทำจริง และจริงจังกับนางอย่างมาก

ไท่จื่อเฟยเคยคิดว่าสตรีที่ทำให้ท่านอ๋องซิวยืมกลืนยาพิษอย่างเต็มใจหน้าตาเป็นเช่นไร ทว่าสิ่งที่นางคาดเดาได้มากที่สุด คงเป็นสตรีตัวน้อยที่น่าสงสารและจำเป็นต้องได้รับการปกป้อง ทว่าตอนนี้ดูเหมือนว่าจะแตกต่างจากที่นางจินตนาการไว้อย่างสิ้นเชิง

นางคิดว่า คาดว่าคงมีแค่สตรีที่มีพลังและนิสัยแตกต่างจากคนอื่นเช่นนี้ จึงจะคู่ควรกับท่านอ๋องซิว

“แม่นาง นี่ก็สายแล้ว วันนี้รบกวนเวลาของท่านไปไม่น้อย ในเมื่อได้รู้ว่าหลานเฉิงสบายดี เช่นนั้นข้าเองก็เบาใจ ข้าคงต้องกลับตำหนักแล้ว” ไท่จื่อเฟยลูบข้อมือตัวเอง นางรู้สึกได้ว่าหลังจากอวี้ชิงลั่วทายาและพันผ้าพันแผลให้นางอย่างชำนาญ ความเจ็บปวดก็ค่อย ๆ หายไป ร่างกายก็รู้สึกผ่อนคลายและสบายตัวมากขึ้นด้วย

รัชทายาทกลับไปแล้ว ทั้งยังกลับไปพร้อมกับความโกรธด้วย นางมิอาจอยู่ที่นี่ต่อไปได้

อวี้ชิงลั่วสั่งให้เยว่ซินช่วยประคองนางให้ลุกขึ้น ก่อนจะเรียกพ่อบ้านให้ไปเตรียมรถม้าให้ไท่จื่อเฟย

แต่เมื่อเห็นเงาของไท่จื่อเฟยที่กำลังเดินกระเผลกและนึกถึงความชั่วร้ายของรัชทายาท อวี้ชิงลั่วก็นึกถึงช่วงเวลาที่ตนเองถูกอวี๋จั้วหลินกำจัดอย่างไร้ความปรานีเมื่อหกปีก่อน รัชทายาทและอวี๋จั้วหลินจิตใจโหดเหี้ยมเหมือนกัน ช่างมีความคล้ายคลึงกันจนน่าทึ่งจริง ๆ

“ไท่จื่อเฟย” ตอนที่อีกฝ่ายเดินไปถึงประตู อวี้ชิงลั่วก็ทนไม่ไหวจึงเรียกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ส่งสัญญาณไปยังเยว่ซินให้ประคองไท่จื่อเฟยนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ข้าง ๆ

ใบหน้าของไท่จื่อเฟยเต็มไปด้วยความสงสัย หันมามองนางด้วยความประหลาดใจ “แม่นางอวี้ยังมีธุระอะไรหรือ?”

อวี้ชิงลั่วรินน้ำให้นางหนึ่งแก้ว ลากเก้าอี้มานั่งตรงหน้านาง นิ้วมมือเคาะลงบนโต๊ะเบา ๆ มุมปากกระตุกเป็นเส้นโค้งเล็ก ๆ แย้มยิ้มทว่ากลับไม่ได้มาจากก้นบึ้งของหัวใจ “ไท่จื่อเฟยคิดว่าเย่หลานเฉิงสบายดีจริง ๆ หรือ?”

“แม่นางอวี้หมายความว่าอย่างไร?” ไท่จื่อเฟยขมวดคิ้ว สีหน้าดูจริงจังขึ้นเล็กน้อย

“ข้าบอกกับท่านแบบนี้ก็แล้วกัน หากไม่ใช่เพราะจู่ ๆ ฝ่าบาทก็นึกถึงเย่หลานเฉิงขึ้นมา บางทีผ่านไปอีกปีครึ่ง เขาอาจไม่มีชีวิตรอด”

ไท่จื่อเฟยตกตะลึง มือทั้งสองข้างกำกระโปรงไว้แน่น ลมหายใจก็เริ่มยุ่งเหยิง

“เย่หลานเฉิงได้รับพิษ เป็นยาพิษที่ค่อย ๆ ออกฤทธิ์ และเขาก็ได้รับพิษมาสักระยะหนึ่งแล้ว” อวี้ชิงลั่วโบกมือ กดตัวของไท่จื่อเฟยที่กำลังทำท่าลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางตื่นตระหนกให้กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้ง กล่าวต่อไปว่า “เย่หลานเฉิงอยู่ในวังเพียงลำพัง ไม่มีใครให้เขาพึ่งพิง ต่อให้ชีวิตของเขาจะย่ำแย่ไปสักหน่อยมันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ถึงอย่างไรเขาก็ยังมีชีวิตรอดไปจนถึงร้อยปีได้ แต่เย่หลานเฉิงเป็นบุตรชายของรัชทายาท ไม่ว่าจะมีคนเห็นความสำคัญของเด็กคนนั้นหรือไม่ ไม่ว่าภายภาคหน้ารัชทายาทจะเป็นเช่นไร จากสถานะบุตรชายของรัชทายาทที่เขามี แค่นี้ก็เพียงพอที่จะกลายเป็นเสี้ยนหนามแทงใจของใครบางคนได้แล้ว เหตุผลนี้ ไท่จื่อเฟยก็น่าจะทราบดี”

“ไท่จื่อเฟยหวังว่าเขาจะปลอดภัย แต่ท่านดูเอาเถิด ต่อให้ไม่มีใครนึกถึงหรือกล่าวถึงเขา เขาก็มิอาจใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยได้อยู่ดี บางทีเขาอาจตายโดยไม่รู้ตัวด้วยด้วยซ้ำ แม้แต่คนที่จะช่วยตามหาตัวคนร้ายเพื่อให้ความเป็นธรรมกับเขาก็ยังไม่มี”

มือของไท่จื่อเฟยสั่นระริก ถูกต้อง บุตรชายของรัชทายาท ต่อให้ในภายภาคหน้ารัชทายาทจะมิอาจสืบราชบัลลังก์ได้ แต่ตอนนี้เขาก็ยังเป็นรัชทายาท

อวี้ชิงลั่วรับน้ำที่เยว่ซินยื่นมาให้ จิบเบา ๆ หนึ่งคำ “ไท่จื่อเฟยก็น่าจะทราบดี เย่หลานเฉิงเกิดมาในราชวงศ์ มีหลายสิ่งที่มิอาจทำตามใจตนได้ หากเขายังอยากมีชีวิตรอดต่อไปภายในสภาพแวดล้อมเช่นนั้น ก็ต้องทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น ตอนที่เขายังไม่แข็งแกร่งมากพอ ก็ต้องหาที่พึ่งพาที่มีความแข็งแกร่งสักคนคอยปกป้องเขา ก่อนหน้านี้มีฮองเฮาและไทเฮา ส่วนตอนนี้เล่า? ตอนนี้เย่หลานเฉิงมีใครให้พึ่งพิงได้บ้าง? รัชทายาทหรือ?”

ไท่จื่อเฟยส่ายหน้า กล้ามเนื้อเกร็งไปทั้งหน้า ตอนนี้รัชทายาทสนใจแต่จ้าวผิง เขาลืมไปตั้งนานแล้วว่ายังมีลูกชายคนนี้อีกคน

อวี้ชิงลั่วทราบถึงความคิดภายในใจของนาง “ตอนนี้คนที่เขาสามารถพึ่งพิงได้มีแค่ไม่กี่คน ฝ่าบาทก็ถือว่าเป็นคนหนึ่งแล้ว แต่ถึงอย่างไรฝ่าบาทและเย่หลานเฉิงก็ไม่ได้เข้ากันได้เป็นอย่างดีขนาดนั้น ยังไม่ถึงจุดที่พระองค์จะยอมเพิกเฉยทุกสิ่งเพื่อเขา ภายในอาณาจักรเฟิงชางรวมถึงใต้หล้านี้ มีเพียงคนเดียวที่จะทำเพื่อเย่หลานเฉิงได้อย่างแท้จริงโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด นั่นก็คือตัวของไท่จื่อเฟยเอง เส้นทางหลังจากนี้ของเย่หลานเฉิงจะราบรื่นหรือไม่ ขึ้นอยู่กับสถานะของไท่จื่อเฟยหลังจากนี้แล้ว หากแม้แต่ตอนนี้ไท่จื่อเฟยก็มิอาจรั้งตำแหน่งนี้ไว้ได้ จนทำให้ตนเองตกอยู่ในอันตราย เช่นนั้นก็คงไม่มีใครที่จะปกป้องเย่หลานเฉิงได้อย่างสุดหัวใจอีกแล้ว”

ไท่จื่อเฟยเงยหน้าขึ้นทันที นางจ้องมองอวี้ชิงลั่ว ในสมองมีคำพูดของอวี้ชิงลั่ววนเวียนอยู่ในนั้นอย่างไม่หยุดครั้งแล้วครั้งเล่า โจมตีอยู่ในสมองของนางจนแอบวิงเวียน หลังจากผ่านการวิงเวียน มันกลับเปลี่ยนเป็นชัดเจนมากยิ่งขึ้น

อวี้ชิงลั่วพูดถึงตรงนี้ นางก็ไม่คิดจะรั้งอีกฝ่ายไว้อีกแล้ว “เยว่ซิน ประคองไท่จื่อเฟยออกจากจวนด้วย”

“เจ้าค่ะ” เยว่ซินก้าวเท้าไปด้านหน้า ช่วยประคองไท่จื่อเฟยให้ลุกขึ้นยืนอย่างระมัดระวัง

หลังจากก้าวเท้าเดินไปได้ไม่กี่ก้าว จู่ ๆ ไท่จื่อเฟยก็หันกลับมา แย้มยิ้มด้วยรอยยิ้มที่สดใสให้อวี้ชิงลั่ว “แม่นางอวี้ฉลาดปราดเปรื่องจริง ๆ ท่านอ๋องซิวมีภรรยาเช่นนี้ สามีคงไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว?”

“แค่ก…” อวี้ชิงลั่วเกือบไม่ได้กลืนน้ำชาลงคอ ใบหน้าแดงระเรื่อ สีหน้าก็ดูเจื่อนจืดยิ่ง

นางไม่ใช่ภรรยาของเย่ซิวตู๋สักหน่อย ไม่ใช่ ๆ ๆ

“แต่แม่นางอวี้ เราสองคนเพิ่งรู้จักกันวันนี้ เหตุใดท่านถึงได้เตือนข้าถึงขั้นนี้?”

อวี้ชิงลั่วไม่คิดจะคุยกับนางแล้ว เมื่อครู่นางถึงขั้นสะอึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเพราะคำพูดประโยคนั้นของอีกฝ่าย จึงรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก ด้วยเหตุนี้จึงตอบกลับไปแบบลวก ๆ ว่า “คิดเสียว่าข้าทนเห็นการกระทำของอนุชายาคนนั้นไม่ไหว จึงใช้ประโยชน์จากท่านเพื่อจัดการนางก็แล้วกัน”

นางเชื่อว่าหากไท่จื่อเฟยคิดจะรักษาตำแหน่งเช่นนี้ไว้ สิ่งแรกที่นางต้องทำหลังจากกลับไปก็คือจัดการกับจ้าวผิง

ไท่จื่อเฟยยิ้ม นางรู้สึกดีต่ออวี้ชิงลั่วอย่างมาก นางไม่ได้พูดอะไรมากกว่านั้นและเดินตามเยว่ซินออกจากห้องไป

มุมปากของอวี้ชิงลั่วยกขึ้น จิบน้ำอีกหนึ่งคำและสะบัดศีรษะ จึงสะบัดคำพูดเมื่อครู่ที่วนเวียนอยู่ในหัวของนางออกไปได้

เพียงแต่ วินาทีต่อมา จู่ ๆ ข้างหูของนางก็มีคำพูดนี้ดังก้องขึ้นอีกครั้ง

“มีภรรยาเช่นนี้ สามีคงไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว”

อวี้ชิงลั่วถึงกับตกตะลึง รีบหันหน้าไปมอง จึงพบว่าด้านบนคานบ้านมีเงาหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนนั้นอย่างมั่นคง

……………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

นังขนมผิงเตรียมโดนไท่จื่อเฟยจัดการได้เลย กระตุกหนวดเสือแม่ลูกอ่อนเข้าแล้ว

ท่านอ๋องซิวจับตามองอยู่บนคานมาตลอดเลยหรือเปล่าคะ

ไหหม่า(海馬)