บทที่ 236 สามอันดับแรก

“หิวไหม? ไปกินข้าวกันเถิด”

ถังหลี่คิดว่าเด็ก ๆ ไม่ได้กินอะไรมาทั้งวันก็รู้สึกเป็นห่วง ที่จริงแล้วไม่จำเป็นต้องถามเลย

หญิงสาวพาพวกเขาไปยังร้านอาหารมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในเหอตง ถังหลี่สั่งอาหารที่ไม่มันมากมาสองสามอย่าง สุขภาพของเด็ก ๆ ตอนนี้สำคัญที่สุด ดังนั้นต้องไม่กินอาหารที่ทำร้ายกระเพาะของพวกเขา

จั๋วชูเองก็ตามมาด้วยเช่นกัน เด็กหนุ่มข่มอารมณ์ของตัวเองไว้ ถังหลี่ เว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยนั้นใส่ใจความรู้สึกของเขาตลอดเวลา จั๋วชูไม่รู้สึกอึดอัดเพียงแต่เขารู้สึกสะเทือนใจเล็กน้อย เขาจดจำเรื่องราวในครั้งนี้ไว้ในหัวใจของเขาเช่นเดิม

หลังจากที่ถังหลี่พาเด็ก ๆ ไปกินข้าว พวกเขาเดินกลับโรงเตี๊ยมเพื่อพักผ่อนให้เด็ก ๆ พักผ่อนอย่างเต็มที่ หลังจากการสอบรอบแรกผ่านไปต้าเป่ามีความประหม่าน้อยลง ผ่อนคลายมากขึ้น

เด็กทั้งสามเรียนอยู่ในชั้นเรียนเดียวกัน พวกเขาพูดคุยแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับบทกวีและปรัชญาของเต๋า บทสนทนาเป็นไปอย่างมีชีวิตชีวา เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนทั้งหมดรู้สึกง่วงจึงเข้านอนพร้อมกัน

วันที่สองของการสอบก็มาถึง

ในเช้าวันรุ่งขึ้นถังหลี่เตรียมซาลาเปาไว้ให้เด็ก ๆ เหมือนเช่นเคย นางกำชับไม่ให้พวกเขากินอาหารกลางวันที่สนามสอบจัดให้ ทำให้วันที่สองนั้นผ่านไปได้อย่างราบรื่น

แล้ววันที่สามก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลังจากสอบรอบสุดท้ายแล้ว ทั้งสามถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี พวกเขารู้สึกผ่อนคลายมากเป็นพิเศษ ถังหลี่ตัดสินใจพาเด็ก ๆ ไปเดินเที่ยวพักผ่อนรอบ ๆ เมืองเหอตง ส่วนจั๋วชูนั้นปฏิเสธหญิงสาวไป

ฮูหยินเว่ยดีกับเขามาก จนทำให้จั๋วชูรู้สึกละอายใจ

เด็กหนุ่มกลับไปยังโรงเตี๊ยม ทิ้งจดหมายไว้ฉบับหนึ่ง จั๋วชูหอบกล่องตำราเก่า ๆ ที่เขาลงมือซ่อมในช่วงสองวันที่ผ่านมาก่อนจะมุ่งหน้ากลับบ้าน

ถังหลี่พาเด็ก ๆ ไปเที่ยวในตลาดของเมืองเหอตง ตลาดแห่งนี้มีชีวิตชีวามาก พี่ใหญ่ทั้งสองคนแบ่งงานกันทันที โดยที่ต้าเป่าจับตาดูซานเป่าไว้ และสวี่เจวี๋ยจับตาดูเอ้อร์เป่า ท่ามกลางฝูงชนมากมาย จู่ ๆ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

“น้องสาว!” เจ้าเด็กอ้วนที่กำลังซื้อของอยู่ เมื่อเห็นร่างเล็ก ๆ น่ารัก ตาของเขาเปล่งประกายแวววาว เด็กชายรีบวิ่งมาหาซานเป่าราวกับลูกบอลที่กำลังกลิ้ง

“น้องสาว!” เด็กชายอ้วนตื่นเต้นมาก เขาเหมือนลูกหมาอ้วนตัวเล็ก ๆ ที่เห็นซาลาเปาไส้เนื้อ

เขากล้าดีอย่างไรจึงมาเรียกน้องสาวของต้าเป่า?

ต้าเป่ายืนอยู่ด้านหน้าของซานเป่าอย่างระแวง เด็กหนุ่มหลุบตามองลงไปที่เด็กชายอ้วน อีกฝ่ายก็เงยหน้าขึ้นมาสบตาของต้าเป่าเช่นกัน เด็กหนุ่มที่มักจะอ่อนโยนเสมอ ตอนนี้ดวงตาของเขาวาวโรจน์อย่างน่ากลัว เด็กอ้วนเม้มปากแน่นก่อนจะวิ่งหนีไป ‘โฮ…ฮือ ฮือ’

นี่เป็นช่วงเหตุการณ์สั้น ๆ เท่านั้น จึงไม่มีใครสนใจหรือจดจำในเรื่องนี้

หลังจากที่ครอบครัวสกุลเว่ยซื้อของเสร็จพวกเขาก็เดินทางกลับไปยังโรงเตี๊ยม ถังหลี่เห็นจดหมายที่จั๋วชูทิ้งไว้ นางไม่ได้สนใจมากนัก เด็กหนุ่มผู้นี้มีนิสัยขี้เกรงใจไม่อยากสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น ดังนั้น ปล่อยเขาไปเถอะ ถังหลี่หวังว่าจั๋วชูจะเดินทางกลับด้วยความปลอดภัย

ฉินเหวินซวนไม่ค่อยมีความสุขนัก เขาและเด็กสองคนไม่ได้สอบห้องเดียวกัน ที่จริงแล้วฉินเหวินซวนไม่ได้สนใจเด็กสองคนนั้นมากนัก ในสายตาของเขาแล้วเด็กพวกนั้นเหมือนกุ้งหอยตัวเล็ก ๆ ที่แค่สร้างความรำคาญจนทำให้เขาอดสั่งสอนพวกมันไปไม่ได้ แต่เมื่อเขาเข้าห้องสอบจึงได้เห็นว่าเด็กสองคนนั้นรวมถึงคนแซ่จั๋วยังอยู่รอดปลอดภัยดี ใบหน้าเขาถึงกับมืดครึ้มน่าเกลียดขึ้นมาในทันที แม้แต่เหล่าสุนัขรับใช้ข้างกายของเขายังพากันหวาดกลัว รีบเข้ามาประจบเขาทันที

“พี่ฉิน พี่อย่าสนใจพวกเขาเลย ต่อให้พวกเขาสอบจนเสร็จแต่ผลสอบพวกเขาก็เอาชนะพี่ไม่ได้อยู่ดี!”

“ใช่แล้ว สามอันดับท้ายต้องตกเป็นของพวกเขาแน่นอน พี่ฉินอีกไม่กี่วันชื่อของพี่จะไม่ได้รู้จักแค่ในเหอตงเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงมณฑลชิงเหออีกด้วย บรรดาบัณฑิตในเมืองเหอตงเมื่อได้ยินชื่อพี่ พวกเขาต้องคิดว่าพี่เป็นความหวังที่สดใสอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นแล้ว พี่ฉินอย่าลืมพวกข้าเล่า”

เฉียนลู่เป็นสุนัขรับใช้ที่ประจบเก่งและสอพลอเป็นที่สุด ทำให้ฉินเหวินซวนชอบเขามากเมื่อได้ยินเฉียนลู่พูดเช่นนั้น ฉินเหวินซวนจึงรู้สึกดีขึ้น

“พี่เป็นผู้มีพรสวรรค์ที่เก่งที่สุด พี่จะได้อันดับหนึ่งอย่างแน่นอน อย่าไปสนใจพวกปลาเน่ากุ้งเน่าพวกนั้นเลย มันไม่คู่ควร”

“ใช่แล้ว พวกมันไม่คู่ควรเลย” ฉินเหวินซวนยิ้ม

ยังมีเวลาเหลืออีกสี่วันก่อนจะประกาศผล ฉินเหวินซวนอดทนรอได้อยู่แล้ว

……

ถังหลี่กับเด็ก ๆ ยังอยู่ในเมืองเหอตงเพื่อรอการประกาศผลสอบ หญิงสาวใจร้อนมาก ในตอนแรกนางคิดว่าจะได้รู้ผลเลย ตอนนี้เลยได้แต่นั่งรอและฆ่าเวลาด้วยการไปเดินเล่นเท่านั้น

สี่วันผ่านไปในพริบตา

วันประกาศผลสอบ

ประตูของสำนักศึกษาเหอตงเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย มีทั้งเด็ก ๆ และผู้ปกครอง ใบหน้าของทุกคนมีความประหม่าแฝงอยู่

ถังหลี่เองก็เช่นกัน นางจับมือเด็ก ๆ ไว้

แม้ว่าต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยจะมั่นใจในการสอบ แต่พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะประหม่า ทั้งสองจับมือกันแน่น เอ้อร์เป่าและซานเป่ายื่นหัวเข้าไปดูที่หน้าประตูสำนัก ไม่นานนักยามสองคนก็เข้ามา อาจารย์ท่านหนึ่งของเหอตงถือรายชื่อไว้ในมือ

“หลีกทางหน่อย ! หลีกทาง!”

อาจารย์ท่านนั้นมอบรายชื่อให้แก่ผู้คุ้มกันทั้งสอง พวกเขารับมันมาก่อนจะไปติดที่กำแพง ทันทีที่รายชื่อประกาศออกมาพวกเขากรูเข้าไปมุงดูอย่างรวดเร็ว ถังหลี่สายตาดีมากจึงมองเห็นตัวหนังสือบนกระดานได้

อันดับหนึ่ง เว่ยจื่ออั๋ง

อันดับสอง สวี่เจวี๋ย

อันดับสาม จั๋วชู

สามอันดับแรกเป็นชื่อที่ไม่มีใครรู้จักเลย

ฉินเหวินซวนที่ทุกคนเล็งว่าเป็นตัวเต็งตอนนี้ตกมาอยู่ที่ลำดับสี่!

“ใครคือคนที่ได้ที่หนึ่งและสอง ไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน”

“ฉินเหวินซวนอยู่อันดับสี่? เจ้าไม่ได้บอกว่าเขาจะได้ที่หนึ่งหรอกหรือ?”

“ท่านแม่!” ต้าเป่ามีความสุขมาก ตอนนี้คะแนนของเขาอยู่ในลำดับที่หนึ่ง หน้าอกเล็ก ๆ ของเด็กหนุ่มพองขึ้นอย่างมีความสุข

หญิงสาวลูบหัวต้าเป่าเบา ๆ

“ต้าเป่า แม่ภูมิใจในตัวเจ้า”

“สวี่เจวี๋ย!” ต้าเป่ามองไปที่สวี่เจวี๋ยอย่างตื่นเต้น

เด็กหนุ่มยิ้มเล็กน้อย เป็นไปตามคาดต้าเป่ามีพรสวรรค์แบบที่คิดจริง ๆ เมื่อเห็นต้าเป่ามีความสุขเขาเองก็รู้สึกมีความสุขเช่นกัน เด็กหนุ่มต่างสวมกอดกันแน่น ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความสุข แต่ขณะนั้นเดียวกัน บางคนก็ผิดหวัง…

ฉินเหวินซวนมองรายชื่อ ใบหน้าของเขาซีดเหมือนกระดาษ เขามึนงงอย่างบอกไม่ถูก ไม่อยากเชื่อเลย เป็นไปได้อย่างไร?

เด็กสองคนนั้นได้ที่หนึ่งและสองจริง ๆ หรือ?

แล้วนั่น…จั๋วชู?!

สามคนนี้เป็นคนที่ฉินเหวินซวนเกลียดมาก พวกปลาเน่ากุ้งเน่าในสายตาของเขาตอนนี้ได้คืบคลานไปอยู่เหนือศีรษะฉินเหวินซวนแล้ว!

ราวกับมีคนตบหน้าเขา!

ดวงตาของฉินเหวินซวนแดงก่ำ เขาอยากเข้าไปกระชากรายชื่อตรงหน้าออกมาฉีกทิ้ง

“พี่ฉิน เป็นไปได้อย่างไร? เกิดอะไรขึ้นกันแน่?

สุนัขรับใช้ของฉินเหวินซวนเองก็ตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดถึงผลลัพธ์ดังกล่าวอยู่แล้ว เด็กผู้ชายตัวเล็กสองคนนั่นมีความสามารถจริงหรือ?

เป็นไปได้อย่างไร? คนที่มาจากบ้านนอกทุรกันดานเช่นนั้นจะเก่งได้ขนาดนี้ พวกเขายังครองสามอันดับแรกของการสอบ! พวกเขาเป็นลูกหลานเทพเซียนที่ถูกส่งมาทำให้เขาต้องอับอายหรือ?

ไม่อยากเชื่อเลย

“กลับ! กลับบ้านเดี๋ยวนี้!” ฉินเหวินซวนเตะไปที่ขาของสุนัขรับใช้ของตนพวกเขารู้สึกกลัวเหวินซวน จึงก้าวถอยออกไปอยู่ให้ห่าง