บทที่ 237 โกง

เมื่อเห็นผลคะแนนสอบเซี่ยนชื่อถังหลี่พาเด็ก ๆ ไปโรงน้ำชาเพื่อเก็บเงินค่าพนัน บรรยากาศภายในโรงน้ำชากำลังวุ่นวายเกี่ยวกับผลการสอบในครั้งนี้ด้วย

“ข้าไม่คิดมาก่อนเลยว่าเมืองเหยาสุ่ยจะเป็นเมืองเสือหมอบมังกรซ่อน สามอันดับแรกในการสอบมาจากเมืองเหยาสุ่ย!”

“สำนักหงเหวินเป็นสำนักศึกษาที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ ได้ครองทั้งสามอันดับเลย!”

“สำนักศึกษาแห่งนี้ออกจะเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!

“ใช่!”

“สำนักศึกษาแห่งนั้นยอดเยี่ยมมาก! ศิษย์ของพวกเขาเก่งกาจจริง ๆ ข้าไม่เคยคิดเลยว่าที่แห่งนั้นจะมีเด็กหนุ่มมากพรสวรรค์ซุกซ่อนอยู่”

เมื่อได้ยินเสียงบทสนทนาเหล่านั้นต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยอดไม่ได้ที่จะภูมิใจและเชิดหน้าขึ้น

“พี่ใหญ่ของข้ากับพี่สวี่เจวี๋ยอยู่ในอันดับต้นของการสอบ” เอ้อร์เป่ากล่าว

ทันทีที่สิ้นสุดเสียงของเขา สายตาหลายสิบคู่ล้วนจับจ้องมาที่ครอบครัวสกุลเว่ยทันที พวกเขามองไปที่เด็กหนุ่มทั้งสองคน นี่คือเว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยหรือ? พวกเขายังเด็กมาก อายุเพียงแค่นี้ยังมีความสามารถเพียงนี้? ในภายหน้าหากเติบใหญ่ จะมิทะยานขึ้นสู่ฟ้าได้เลยหรือ?

ถังหลี่เดินไปที่โต๊ะต้อนรับ

“เถ้าแก่ ข้ามารับเงินพนัน วันก่อนข้าพนันว่าอันดับที่สูงสุดคือเว่ยจื่ออั๋งกับสวี่เจวี๋ย..”

เถ้าแก่โรงน้ำชาหยิบสมุดบันทึกออกมาตรวจสอบ ก่อนจะฉีกยิ้มให้นาง

“ใช่แล้ว!”

หลังจากที่พูดจบเขาหยิบเงินจำนวนหนึ่งพันตำลึงออกมาจากตู้ก่อนจะให้ถังหลี่ด้วยท่าทางเป็นมิตร เด็กที่มากพรสวรรค์ทั้งสองคนนี้ภายหน้าต้องเป็นใหญ่แน่นอน ดังนั้นเขาจึงให้ความเคารพต่อมารดาของพวกเขาเป็นเรื่องสมควรแล้ว

“ฮูหยิน ท่านทำข้าประหลาดใจมาก ท่านมีบุตรที่มีความสามารถถึงสองคน” เถ้าแก่โรงน้ำชากล่าวก่อนจะยกนิ้วให้แก่ถังหลี่

ไม่เพียงแค่มีความสามารถเท่านั้น ทั้งสองยังเป็นถึงเสนาบดีที่มีชื่อในภายหน้าอีกด้วย

ถังหลี่อารมณ์ดีมากนางหยิบเงินยี่สิบตำลึงออกมาจากถุงเงินก่อนจะส่งให้เถ้าแก่

“เถ้าแก่นี่เป็นเงินสำหรับเลี้ยงน้ำชาทุกคนในร้านวันนี้” หญิงสาวพูดพลางกวาดตามองทุกคน

“วันนี้ขอเชิญพวกท่านดื่มชาให้อิ่มหนำเถอะ”

ทั้งร้านเกิดความโกลาหลทันที

“เรามาดื่มชาให้ผู้ชนะดีกว่า!”

“แม่นางคนนี้ไม่ธรรมดาเลย แม้ว่าเมืองเหยาสุ่ยจะเล็กแต่ก็มีผู้คนยอดเยี่ยมมากมาย”

“ฮ่าฮ่าฮ่า วันนี้น้ำชารสดีเป็นพิเศษเลยนะ!”

“เถ้าแก่ ข้ามารับเงินพนันของข้า” หลูหลิงเดินเข้าเพื่อทวงเงินพนันเช่นกัน

เขานำเงินสองตำลึงพนันไปพร้อมกับถังหลี่ในวันนั้น แต่ไม่คิดว่าจะได้เงินเดิมพันกลับถึงสิบแปดตำลึง! มันคุ้มกว่าการขายบันทึกเล่มเล็กเสียอีก!

เว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยคือเทพเจ้าแห่งความร่ำรวยของเขาจริง ๆ!

……

ฉินเหวินซวนกลับไปที่จวนสกุลฉินด้วยความงุนงง ทันทีที่เขากลับไปถึงชายหนุ่มเห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังรอเขาอยู่ ทุกคนมีอารมณ์ที่แตกต่างกันไป บางคนมีสีหน้าผิดหวัง บางคนก็มีท่าทีเย้ยหยันเขา

“โอ้… ‘ผู้ชนะ’ ของพวกเรากลับมาแล้ว”

“ผู้ชนะแบบไหนกัน ถึงได้ไม่ติดสามอันดับแรกเลย ในตอนแรกบอกข้าว่าจะคว้าเอาที่หนึ่งมาให้ได้ แต่กลายเป็นแค่อันดับที่สี่ แล้วยังชอบมาดูถูกจุนเอ๋อร์ของข้า ทั้งที่ไม่ได้ดีไปกว่าเขาเท่าไร”

“ข้าคิดว่าสกุลฉินของเรามีสร้างบัณฑิตชั้นยอดได้แล้วดูผลลัพธ์สิ?”

“เหล่าซานอย่าพูดแบบนั้นสิ ที่มณฑลเหอตงมีจำนวนคนมากเท่าไร? เหวินซวนเก่งเป็นอันดับสี่ก็ดีกว่าลูกของเจ้าที่ได้เป็นอันดับสี่จากท้ายแถว มันห่างกันเยอะอยู่นะ”

ฉินเหวินซวนรู้สึกอับอายมากเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น ฉินเฉียนบิดาของเขายิ่งมีหน้าตาบิดเบี้ยวน่าเกลียดมากขึ้น

เขาเรียกญาติมาทั้งตระกูลเพื่ออวดว่าลูกชายของเขามีความสามารถเก่งกาจเพียงใด กลายเป็นว่าตอนนี้ได้แค่อันดับสี่! เขาขายหน้าเหลือเกิน

“มากับข้า” ฉินเฉียนพูดกับบุตรชายก่อนจะเดินเข้าไปข้างใน ฉินเหวินซวนก้มหน้าเดินตามบิดาเข้าไปทันที ทันทีที่เข้าไปในห้อง เขาปิดประตู ก่อนที่จะตบหน้าบุตรชายฉาดใหญ่

“ลูกเนรคุณ! ทำข้าขายหน้า!”

“ข้อสอบไม่ได้ยากเหตุใดเจ้าถึงทำไม่ได้?”

“ไอ้ลูกไร้ประโยชน์ ไม่ได้เรื่อง!”

ฉินเฉียนโกรธมาก เขาตบหน้าของฉินเหวินซวนหลายครั้งติดกัน บุตรชายผู้นี้คือความภาคภูมิใจของเขา แต่ดันได้อันดับสี่ในการสอบ!

ฉินเหวินซวนเองก็อับอายมาก ตั้งแต่เกิดมา เขาเป็นความภาคภูมิใจของครอบครัวเสมอ บิดาของเขามักจะพูดกับเขาอย่างอ่อนโยน แต่ครั้งนี้บิดากลับตีเขา! ฉินเหวินซวนถูกบิดาตีจนแทบจะหมดสติ

ฮูหยินฉินวิ่งมาขวางลูกชายไว้ ฉินเฉียนจึงได้ชะงักมือ

“ท่านพี่ อย่าตีลูกเลย อาจมีเรื่องผิดพลาดก็เป็นได้

ข้าไม่เชื่อว่าเหวินซวนจะทำข้อสอบได้ที่สี่!”

ฮูหยินฉินพูดกับสามี

“ท่านพ่อ ข้าไม่ผิด พวกมันขี้โกง!” ฉินเหวินซวนตะโกนสุดเสียง

เขาไม่เชื่อว่าเด็กที่มาจากเมืองเล็ก ๆ เช่นนั้นจะเอาชนะเขาได้! โกง…ใช่แล้วคนพวกนั้นโกงแน่นอน!

“โกง? หมายความว่าอย่างไร? บอกข้ามาให้ชัด”

“ท่านพ่อ สามอันดับแรกในการสอบครั้งนี้เป็นศิษย์จากสำนักหงเหวินที่อยู่ในเมืองเหยาสุ่ยซึ่งไม่มีใครสอบได้มาหลายปีแล้ว เป็นไปได้อย่างไรที่จะมีลูกศิษย์เก่งกาจเช่นนี้ในครั้งเดียว! มันไม่เกินจริงไปหน่อยหรือ?”

ฉินเหวินซวนรีบพูดขึ้นทันที ฉินเฉียนเองได้ฟังก็รู้สึกแปลกใจเช่นกัน

“ถึงอย่างนั้น เจ้าก็ไม่สามารถกล่าวหาว่าใครโกงได้!” ฉินเฉียนเตือนลูกชาย

“เฉียนลู่กับเว่ยจื่ออั๋งสอบห้องเดียวกัน ข้าเห็นเว่ยจื่ออั๋งแอบดูของบางอย่างที่ซ่อนไว้ในตัว เขาต้องโกงแน่!” ฉินเหวินซวนพูดอย่างอย่างหนักแน่น!

“ศิษย์ของหงเหวินต้องมีแนวข้อสอบมาก่อนหน้านี้แน่นอน”

“ท่านพี่ ท่านเองก็รู้จักเหวินซวนดี เขาฉลาดเฉลียวมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยโกหก เป็นเด็กดี มาตลอด ถ้าเด็กพวกนั้นเก่งจริงเหตุใดจึงไม่เคยได้ยินชื่อพวกเขามาก่อน? ท่านไม่คิดว่ามันแปลกหรือ?” ฮูหยินฉินรีบพูด

ฉินเฉียนขมวดคิ้ว

“ข้าจะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างรอบคอบ หากเป็นเรื่องจริงข้าจะไม่มีวันยอมให้ลูกของข้าโดนโกงเช่นนี้!” ฉินเฉียนกล่าว

สวรรค์!

ตอนนี้เขาหวังว่าคนทั้งสามนั้นจะโกงข้อสอบจริง ๆ ฉินเฉียนวิ่งเต้นถามไถ่เรื่องนี้ทันที

นายท่านฉินมีความสัมพันธ์ที่ดีกับอาจารย์ของสำนักศึกษาเหอตง หลังจากสืบไม่นานก็พบว่าอาจารย์กัวของหงเหวิน และเขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน! นอกจากนี้ทั้งสองติดต่อกันอยู่เสมอ ฉินเฉียนเรียกเฉียนลู่มาถามอีกครั้งว่าเขาเห็นเว่ยจื่ออั๋งโกงข้อสอบจริงหรือไม่?

“ข้าเห็นเว่ยจื่ออั๋งมองไปรอบ ๆ ก่อนจะดึงอะไรบางอย่างออกมาจากแขนเสื้อ ในตอนนั้นข้าไม่คิดว่าเว่ยจื่ออั๋งจะโกงข้อสอบเลยไม่ได้สนใจอะไรมานัก แต่เมื่อยิ่งคิดเกี่ยวกับมัน ก็ยิ่งแปลกขึ้นเรื่อย ๆ” เฉียนลู่กล่าว

เห็นได้ชัดว่าตัวของเฉียนลู่เองก็คิดเห็นตรงกับฉินเหวินซวน แปลว่าเรื่องที่ทั้งสองพูดเป็นความจริง

“ดีนัก!อาจารย์กัวผู้นี้ช่างกล้าหาญเสียจริง ลอบขโมยข้อสอบไปก่อนล่วงหน้าเช่นนี้” ฉินเฉียนกล่าวหาทันที

ข้อสันนิฐานครั้งนี้เป็นไปได้มากเพราะไม่มีใครในหงเหวินผ่านการทดสอบมาเป็นเวลาห้าปีแล้ว หากในปีนี้สำนักหงเหวินมีเด็กสอบตก สำนักหงเหวินจะต้องโดนยุบ นั่นเป็นเหตุผลที่อาจารย์กัวลงมือทำเช่นนี้ ช่างอุกอาจเกินไปแล้ว ด้วยวิธีนี้เขาทำให้เด็กจากสำนักหงเหวินติดสามอันดับแรก และทำให้ลูกชายเขาตกลงมาเป็นอันดับสี่ ยิ่งคิดฉินเฉียนยิ่งโกรธมากขึ้น

“เฉียนลู่ ไปศาลาว่าการกับข้า” ฉินเฉียนพูด

“ศาลาว่าการหรือ?” เฉิยนลู่มีท่าทีลังเล

“ใช่”

ฉินเฉียนไม่ได้สังเกตท่าทางของเขา นายท่านฉินรีบหันหลังเดินไปทำให้เฉียนลู่ไม่มีทางเลือก เขาพาเฉียนลู่ไปยังศาลาว่าการเพื่อพบกับใต้เท้าจู ผู้ซึ่งมีอำนาจมากที่สุดในที่ว่าการ

เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก ฉินเฉียนจึงไปหาใต้เท้าจูโดยตรง

ใต้เท้าจูเกือบทำผิดในเรื่องโจรภูเขาจากครั้งที่แล้ว หลังจากนั้นไม่นานเมื่อใต้เท้าเหวินเขียนจดหมายหนึ่งฉบับมาเตือนเขา ใต้เท้าจูจึงขยันมากขึ้นไม่กล้าที่จะเพิกเฉยกับเรื่องร้องทุกข์อีกต่อไป

เมื่อได้ยินว่าในการสอบเซี่ยนชื่อครั้งนี้มีการโกงเกิดขึ้น เขารู้สึกกลัวมากจนรีบไปหาฉินเฉียนทันที

“อะไรนะ? เจ้าบอกว่ามีคนโกงข้อสอบเซี่ยนชื่อหรือ?” ใต้เท้าจูตกตะลึง

การสอบเซี่ยนชื่อในครั้งนี้เป็นเรื่องสำคัญของเมืองเหอตง หากมีอะไรผิดพลาดล่ะก็ ใต้เท้าเหวินจะต้องให้เขารับผิดชอบเรื่องนี้แน่นอน!