ตอนที่ 233 เป็นผู้ช่วยงานเหมือนกันหมดนี่แหละ
แผนกภาพยนตร์ของสตาร์ไลท์ จึงมีแนวโน้มที่จะพากันปิดปากเงียบโดยอัตโนมัติ ทั้งยังมีความรู้สึกละอายใจอย่างบอกไม่ถูก ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้ทุกคนต่างก็เคยพูดจาแปลกๆ เกี่ยวกับภาพยนตร์ของเซี่ยนอวี๋มาไม่มากก็น้อย
“ใครจะไปคิดล่ะ…”
“คิดไปคิดมา พวกเราสู้มนุษย์ต่างดาวคนหนึ่งไม่ได้เลย”
“ผมยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศดังได้ยังไง ผมดูหนังมาแล้ว…แต่ลูกผมชอบหนังเรื่องนี้มากเหลือเกิน อาจเป็นเพราะผมแก่แล้ว ตามยุคสมัยไม่ทัน”
“ให้เซี่ยนอวี๋ทำหนังเข้าโรงไปเลย แล้วพวกเราไปทำหนังออนไลน์”
“สงสารก็แค่หัวหน้าโจว…หนังเรื่องนี้ถูกหัวหน้าโจวขายไปแล้ว ฉันได้ยินว่าในการประชุมระดับสูงก็ถูกด่าไปยกหนึ่ง”
“ฉันก็ได้ยินมาเหมือนกัน โดนสวดยับตรงนั้นเลย”
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่บริษัทเริ่มเซ็งแล้วเหมือนกัน พวกแกดูแล้วกัน ทำเป็นโพสต์แสดงความยินดี”
“…”
คำพูดนี้ไม่ใช่เรื่องโกหก
เหล่าโจวถูกสวดยับจริงๆ
คนแผนกภาพยนตร์กลุ่มนี้เองก็เริ่มสงสัยในชีวิตแล้ว ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นเรื่องที่ร้ายแรงมากครั้งหนึ่ง
กล่าวให้ชัดก็คือนี่เป็น ‘การตัดสินใจร่วมกันที่ผิดพลาด’ ซึ่งน่าสลดใจครั้งหนึ่ง
แต่การตบตาทั้งภายในและภายนอกหน่วยงานของสตาร์ไลท์ก็แยบยลมากเหลือเกิน
บริษัทรีโพสต์ข้อมูลและบทวิจารณ์ต่างๆ ในช่วงนี้เกี่ยวกับเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศบนบัญชีปู้ลั่วทางการของบริษัท
ง่ายๆ คำเดียว คุยโวอย่างบ้าคลั่ง
แทบจะเหมือนกับการพูดตรงๆ ว่า ‘ดูหนังเรื่องนี้กันหรือยัง? สุดยอดไปเลยใช่ไหมล่ะ เป็นของสตาร์ไลท์เราเองแหละ’
หลังจากนั้นบรรดาไทยมุงซึ่งไม่ได้รู้ข้อเท็จจริงต่างก็เข้ามาป่าวร้องว่า ‘สุดยอด’
ส่วนคนในวงการไม่ได้กินองุ่น จึงไปโพทะนาว่าองุ่นเปรี้ยวซะอย่างนั้น
เมื่อมองจากมุมนี้แล้ว บริษัทยังนับว่าได้กำไรมาไม่น้อย
ส่วนหลินเยวียน…
ช่วงนี้เขาถือเครื่องคิดเลขคำนวณทุกวันว่าตอนนี้ตนได้เงินมาเท่าไหร่แล้ว
ต้องบอกก่อนว่าหลินเยวียนได้คาดการณ์ไว้แล้วว่าเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศจะดังเป็นพลุแตก
แต่ถึงอย่างนั้น ตัวเลขของรายได้จากหนังเรื่องนี้ กลับทำให้หลินเยวียนต้องอึ้งไปเช่นกัน!
รายได้หลายสิบล้านเชียวนะ!
และจากแนวโน้มของกระแสนี้ จะยังมีคนกดเข้าไปดูเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศอย่างต่อเนื่อง และภาพยนตร์เรื่องนี้จะทำเงินได้มากขึ้นเรื่อยๆ!
เขียนนิยาย…
ปล่อยเพลงใหม่…
สอนวาดภาพ…
ลองคิดดูว่ามีอาชีพไหนที่ทำเงินได้เร็วกว่าผลิตภาพยนตร์บ้าง?
การผลิตภาพยนตร์ช่างเป็นความสุขอันหวานล้ำ!
ข้อดีของภาพยนตร์ออนไลน์ ไม่ได้เป็นรองภาพยนตร์ชนโรงเลย!
เพียงแต่มีจุดหนึ่งที่หลินเยวียนอยากแถลงไขกับโลกภายนอก
ในความจริงแล้ว ต้นทุนของเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศนั้นไม่ใช่แค่เก้าล้านหยวน
ไอเทมของระบบที่หลินเยวียนให้นักแสดงใช้ก็มาจากเงินที่เขาควักจ่ายไป แถมราคายังสูงลิบลิ่วอีกด้วย!
แต่ก็เหมือนกับที่ภาษิตโบราณกล่าวไว้…
ต้องหว่านเมล็ดเสียก่อน จึงจะได้ผล
ถ้านักแสดงไม่ใช้ไอเทม สุดท้ายแล้วการแสดงใช้ไม่ได้ ผลลัพธ์ของเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศไม่ดีแบบนี้หรอก
มีเพียงจุดเดียวที่น่าเสียดายก็คือจำนวนผู้ติดตามของเซี่ยนอวี๋นั้นเพิ่มขึ้นมากเกินไป
ถ้านำจำนวนแฟนคลับเหล่านี้ไปเพิ่มให้ฉู่ขวงได้ก็ดีน่ะสิ
หลินเยวียนถึงกับกำลังใคร่ครวญว่าจะใช้บัญชีผู้ใช้ของฉู่ขวงโพสต์ไปว่า…
อันที่จริง ฉู่ขวงเป็นคนเขียนบทภาพยนตร์เรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศ
ความคิดนี้ผ่านมาเพียงแวบเดียว เพราะท้ายที่สุดหลินเยวียนก็ตัดสินใจปล่อยมันไป
ถ้าทำเช่นนี้ โอกาสเสี่ยงที่ตัวตนของเขาจะถูกเปิดเผยจะสูงมาก
ถึงอย่างไรบริษัทก็รู้กันถ้วนหน้าว่าเซี่ยนอวี๋คือเขา และทุกคนรู้ว่าระหว่างกระบวนการถ่ายทำ ตนก็อยู่ที่กองตลอด…
ส่วนเรื่องบทกวีในภาพยนตร์ ที่จริงก็ได้อานิสงส์จากเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศที่ระบบส่งมอบให้เช่นกัน
บทภาพยนตร์นี้ละเอียดมาก ละเอียดจนแม้แต่เขียนบทกวีเหล่านี้เอาไว้ด้วย
โชคดีที่นี่ไม่ใช่จุดที่ไม่สามารถอธิบายได้
เพราะถึงอย่างไร…หากเขียนเนื้อเพลงได้ดี หมายความว่าทักษะด้านวรรณกรรมต้องดีอย่างแน่นอน
ใครจะกล้าปฏิเสธฟางเหวินซาน[1]และคนอื่นๆ ที่เขียนเนื้อร้องทำนองเพลงล่ะว่าไร้ซึ่งความสามารถด้านวรรณกรรมที่ยอดเยี่ยม?
เมื่อมีเงื่อนไขก่อนหน้านี้แล้ว ตัวตนในฐานะเซี่ยนอวี๋ของหลินเยวียนสามารถเขียนบทกวีโบราณเหล่านี้ออกมาได้ ก็สามารถเข้าใจได้
เรื่องนี้สมเหตุสมผล และใช้ตรรกะอธิบายได้
อย่างไรซะ ในอนาคตนามแฝงเซี่ยนอวี๋นี้เพียงแต่โฟกัสไปที่การเขียนเนื้อร้องทำนองเพลง รวมทั้งการเขียนบทก็พอแล้ว
……
เมื่อภาพยนตร์เรื่องนี้เริ่มโด่งดัง ความสำเร็จของมันไม่ใช่ส่งผลต่อคนเพียงคนเดียวแน่นอน
เซี่ยนอวี๋เป็นนักเขียนบทย่อมได้เฉิดฉายอย่างแน่นอน
แต่ทั้งผู้กำกับ นักแสดง และทีมงานฝ่ายผลิตหลักของภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็ได้รับผลประโยชน์อย่างหาที่สิ้นสุดไม่ได้!
คนแรกก็คือนักแสดงนำชายอย่างเฮ่อเซิ่ง
ในฐานะนักแสดงตัวชูโรงของเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศ เฮ่อเซิ่งจึงโด่งดังโดยไม่ทันตั้งตัวหลังจากที่ภาพยนตร์เข้าฉายได้สองสัปดาห์!
โฆษณามายื่นข้อเสนอถึงที่ ไม่ทันไรก็พลอยให้ธรณีประตูของสตาร์ไลท์แทบพัง
เฮ่อเซิ่งเป็นศิลปินของสตาร์ไลท์
แน่นอนว่า ก่อนหน้านี้เขาจัดอยู่ในระดับนักแสดงตัวประกอบในสตาร์ไลท์เท่านั้น
ในตอนนี้ เขากลับกลายเป็นน้องใหม่ไฟแรงของวงการภาพยนตร์ไปแล้ว!
เรื่องนี้ทำให้หัวหน้าผู้จัดการของบริษัทอย่างจ้าวเจวี๋ยปลื้มปริ่มเป็นที่สุด เธอจัดให้เฮ่อเซิ่งไปอยู่ในความดูแลของผู้จัดการฝีมือเยี่ยมคนหนึ่งในทันที
หลังจากบริษัทปรับเปลี่ยน ในปัจจุบันนี้ศิลปินในความดูแลของจ้าวเจวี๋ยจึงมีจากทั้งวงการภาพยนตร์ซีรีส์ และวงการเพลง
ก่อนหน้านี้หลินเยวียนเฟ้นหาและดึงตัวนักร้องหน้าใหม่หลายคนให้กับจ้าวเจวี๋ย
ตอนนี้หลินเยวียนถึงกับเริ่มช่วยจ้าวเจวี๋ยปั้นนักแสดงมากพรสวรรค์ให้กับบริษัทแล้ว!
น่ากลัวจริงๆ!
ถ้าความสำเร็จในครั้งนี้ของหลินเยวียนไม่ใช่ความบังเอิญ ถ้าความสามารถในการเขียนบทของหลินเยวียนนั้นรับประกันได้ เช่นนั้นมูลค่าของเขาต่อบริษัทนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าพ่อเพลงคนอื่นๆ เลย
เผลอๆ อาจสูงกว่าด้วยซ้ำ!
ด้วยนิสัยของประธานกรรมการ เกรงว่าในอนาคต หลินเยวียนคงจะเดินวางก้ามในสตาร์ไลท์ได้อย่างสบายๆ!
พ่อเพลงตัวน้อย?
ไม่ใช่แค่นั้นหรอก…
ก่อนหน้านี้หลินเยวียนอยากถ่ายทำภาพยนตร์ บริษัทก็ปล่อยให้เขาทำ ตอนนั้นทั้งบริษัทลือกันว่าหลินเยวียนเป็นองค์รัชทายาทของสตาร์ไลท์…
เมื่อมองในตอนนี้ คำอธิบายนี้คล้ายกับว่าจะเหมาะสมกว่า ‘พ่อเพลงตัวน้อย’ ซะอีก!
เฮ่อเซิ่งเองก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
บริษัทลงทะเบียนบัญชีผู้ใช้ในปู้ลั่วให้เขา สิ่งแรกที่เขาทำคือกดติดตามเซี่ยนอวี๋ จากนั้นจึงเข้าไปไล่อ่านโพสต์ในปู้ลั่วของเซี่ยนอวี๋และตามกดไลก์ทุกโพสต์…
บางครั้งก็ยังแสดงความคิดเห็น ตัวอย่างเช่น
‘อาจารย์เซี่ยนอวี๋สู้ๆ ครับ!’
‘อาจารย์เซี่ยนอวี๋สุดยอดไปเลยครับผม!’
‘ผมเป็นแฟนคลับตัวยงของอาจารย์เซี่ยนอวี๋ครับ!’
‘…’
โดยส่วนใหญ่แล้วคำพูดประเภทนี้ แสดงให้เห็นว่ามีศรัทธาอย่างแรงกล้า
คนที่มีความรู้สึกเช่นเดียวกับเฮ่อเซิ่ง ก็คืออี้เฉิงกง!
เห็นได้ชัดว่า ขุนเขาลูกใหญ่ที่สุดของถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศก็คือนักเขียนบทอย่างเซี่ยนอวี๋
ภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นผลผลิตจากกองถ่ายซึ่งมี ‘นักเขียนบทเป็นหัวใจสำคัญ’ ตามแบบฉบับ
แต่ถึงอย่างไรอี้เฉิงกงก็เป็นผู้กำกับ!
ต่อให้นักเขียนบทจะเจิดจรัสที่สุด แต่อย่างน้อยเมื่อภาพยนตร์ประสบความสำเร็จ ผู้กำกับก็เป็นผู้ที่มีความดีความชอบสามอันดับแรก!
หากพูดถึงก่อนหน้านี้ อี้เฉิงกงยังรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่ถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศไม่สามารถเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ได้
เมื่อหันมามองอีกครั้งในตอนนี้ ไม่ได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์แล้วยังไงล่ะ!
ภาพยนตร์ออนไลน์มีรายได้จากยอดเข้าชม ไม่ดีหรือยังไง?
สร้างผลงานซึ่งเป็นหมุดหมายสำคัญในการเปลี่ยนแปลงให้กับภาพยนตร์ออนไลน์ เขาไม่เก่งกาจหรือ?
นอกจากนั้น…
เมื่อมีประสบการณ์จากภาพยนตร์เรื่องนี้ ในตอนนี้ต่อให้อี้เฉิงกงอยากให้บริษัทลงทุนให้เขาถ่ายทำภาพยนตร์เข้าฉายในโรงสักเรื่อง บริษัทก็คงไม่ปฏิเสธง่ายๆ
เพราะผ่านประสบการณ์เรื่องนี้ ความสำเร็จสักครั้งก็มีให้เห็นแล้ว!
เมื่อก่อนมีคนวิพากษ์วิจารณ์เซี่ยนอวี๋สารพัด
ตอนนี้น่ากลัวว่าบริษัทคงจะขอให้ตัวแทนหลินสร้างภาพยนตร์อย่างถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศอีกสักเรื่องล่ะมั้ง
จะว่าไปแล้ว
ถึงแม้ว่านอกจากเซี่ยนอวี่แล้ว อี้เฉิงกงจะเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งมองเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศในแง่บวกมากที่สุด ทว่าความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับ ก็ทำให้อี้เฉิงกงตกตะลึงไปเช่นเดียวกัน
อี้เฉิงกงรู้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้อาจโด่งดังได้ แต่ก็นึกไม่ถึงว่าจะโด่งดังถึงขนาดนี้!
……
แน่นอนว่า
ผู้กำกับและนักแสดงนำชายของเรื่องได้รับผลประโยชน์ นักแสดงนำหญิงก็ย่อมไม่ด้อยไปกว่ากัน
ถังปั๋วหู่เลือกชิวเซียง…
ผู้ที่ถูกเลือกก็คือชิวเซียงซึ่งรับบทโดยอวี๋ซีลู่คนนี้เอง!
ในฐานะนักแสดงนำหญิงของภาพยนตร์เรื่องนี้ อวี๋ซีลู่ค่อยๆ ค้นพบว่าการเป็นแจกันดอกไม้ที่คนพูดกัน เดิมทีก็ไม่ได้เลวร้าย!
คนอื่นรับหน้าที่สร้างความขำขัน ส่วนตนรับหน้าที่เป็นคนสวยและเล่นตามน้ำไป…
ทว่าเมื่อเทียบกับอี้เฉิงกงและเฮ่อเซิ่งซึ่งตื่นเต้นดีอกดีใจ อวี๋ซีลู่ขบคิดลงลึกกว่านั้นอีกหนึ่งชั้น
เพราะถึงอย่างไรในวงการนี้ เธอก็มีทั้งคุณสมบัติ และตระหนักได้ถึงความสำคัญของการเกาะขาใหญ่มากกว่าใคร
“ตัวแทนหลินจะถ่ายหนังเรื่องใหม่อีกเมื่อไหร่เหรอ”
“ฉันไปขอบทจากเขาอีกได้ไหมนะ”
“เชื่อว่าตัวแทนหลินคงไม่รังเกียจสมญานามแจกันดอกไม้ของฉันหรอก…”
“ถึงตอนนี้ฉันจะมีงานละครเยอะ แต่ถ้าตัวแทนหลินเรียก ฉันจะรีบเคลียร์คิวให้ตัวแทนหลินทันที…”
ถึงแม้จะมีคนคิดว่า เรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศเป็นผลงานที่พึ่งโชคขนานใหญ่ แต่อวี๋ซีลู่กลับไม่คิดแบบนั้น
ระหว่างถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ เธอแทบจะหลุดหัวเราะลั่นอยู่หลายครั้ง!
เธอยังเห็นกับตาว่าตัวแทนหลินแนะนำเฮ่อเซิ่งจนกลายเป็นยอดฝีมือด้านคอมเมดี!
นั่นทำให้อวี๋ซีลู่มั่นใจเหลือเกินว่าตัวแทนหลินมีคุณสมบัติอย่างแท้จริง!
ในความจริงแล้ว…
ระหว่างกระบวนการถ่ายทำภาพยนตร์ อวี๋ซีลู่ยังแอบไปอ้อร้อตัวแทนหลินด้วย
ผู้ชายชอบผู้หญิงสวยกันทั้งนั้นไม่ใช่หรือไง เธอสวยซะขนาดนี้ มีหนุ่มๆ ในกองแอบมองเธอตั้งเยอะแยะ ไม่แน่ว่าตัวแทนหลินอาจสนใจในตัวเธออยู่บ้างเช่นกัน
แต่น่าเสียดาย ตัวแทนหลินแทบจะไม่ได้ชายตามองเธอเลย
ตัวแทนหลินมองเฮ่อเซิ่งกับอี้เฉิงกงบ่อยกว่ามองเธอซะอีก…
เห็นทีเสน่ห์ของเธอคงจะใช้กับตัวแทนหลินไม่ได้ผล
อวี๋ซีลู่ไม่ได้ถอดใจ เพราะเธอเองก็เพียงลองดูเท่านั้น
มิหนำซ้ำเธอไม่ได้ต้องการใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้เพื่อให้ตนได้งาน เพียงแต่นี่เป็นธรรมชาติอย่างหนึ่ง เธอเพียงแค่อยากเกาะขาตัวแทนหลิน
ถ้าหากขาใหญ่ในกองถ่ายเป็นอี้เฉิงกง อวี๋ซีลู่คงไม่เกิดความคิดเช่นนี้แม้แต่นิดเดียว
เธอยอมไม่ได้งานเพิ่ม แต่จะไม่ยอมให้มีเรื่องเลยเถิดกับอี้เฉิงกงเป็นอันขาด!
“ฉันว่าอีกไม่นานนักแสดงหญิงคนอื่นในบริษัทจะต้องจับจ้องตัวแทนหลิน…แต่ไม่ว่าหลังจากนี้ตัวแทนหลินจะเลือกฉันเป็นนักแสดงนำอีกไหม ฉันก็จะต้องรักษาความสัมพันธ์อันดีกับตัวแทนหลินไว้ให้ได้…”
ทุกวันนี้ นักแสดงหญิงในวงการบันเทิง ก็ต้องมีแผนในใจกันบ้างล่ะน่า
แผนการแบบนี้ ต่อให้เป็นเฮ่อเซิ่งหรืออี้เฉิงกง รวมทั้งทีมงานคนอื่นในภาพยนตร์เรื่องนี้ต่างก็มีกันทั้งนั้น
เพียงแต่ปฏิกิริยาตอบสนองของคนอื่นนั้นช้ากว่าอวี๋ซีลู่เล็กน้อย…
แต่ไม่ว่าการตอบสนองจะเชื่องช้าแค่ไหน ก็ไม่ถึงขั้นลืมไปว่าความสำเร็จของเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศนั้นเริ่มต้นจากใคร
อันที่จริง
หลังจากที่ภาพยนตร์โด่งดัง ทุกคนต่างก็ใช้วิธีของตน ขบคิดว่าจะเข้าใกล้ตัวแทนหลินโดยเร็วที่สุดได้อย่างไร
ทั้งติดตามเอย ทั้งกดไลก์บนปู้ลั่วเอย สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงวิธีพื้นฐานเท่านั้น
เห็นจะเป็นโปรดิวเซอร์ของภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างเสิ่นชิง ที่ในตอนนี้กลับรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ…
ผู้คนรอบตัวเริ่มห้อมล้อมเข้ามาแสดงความยินดีกับเสิ่นชิง บอกว่าเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศนั้นดีขนาดไหน
อย่างไรเสียก็เป็นถึงผู้อำนวยการผลิต เขาจึงได้รับผลประโยชน์มหาศาลจากงานนี้ไปโดยปริยาย
แต่ยิ่งได้รับเสียงชื่นชมมากเท่าไหร่ เสิ่นชิงก็ยิ่งรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ…
จะให้เขาบอกกับทุกคนหรือ ว่าอันที่จริงตนไม่ได้ตั้งความหวังกับเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศนี่เลยสักนิด
ช่างเถอะ เขาไม่กล้าทำหรอก
เสิ่นชิงเองก็ยังต้องรักษาหน้าของตนเองไว้
เรื่องที่น่ายินดีที่สุดในตอนนี้ ก็คือเขาไม่ได้บกพร่องในทัศนคติการทำงาน และไม่ได้ละเลยหน้าที่เพียงเพราะไม่ชอบภาพยนตร์เรื่องนี้
ในท้ายที่สุด ตัวแทนหลินต้องการให้เขาช่วยเจรจาเรื่องภาพยนตร์ออนไลน์ ตนก็ไปจัดการให้แต่โดยดี
เมื่อมองจากมุมนี้ ต่อให้เขาไม่ได้สานสัมพันธ์อันดีกับตัวแทนหลิน แต่อย่างน้อยอีกฝ่ายก็คงไม่ถึงขั้นเกลียดเขาล่ะมั้ง?
เพียงแต่ครั้งหน้า ตัวแทนหลินอาจไม่ร่วมงานกับเขาแล้วก็ได้…
เพราะถึงอย่างไรทีมงานกองถ่ายทั้งหมด รวมไปถึงตนและผู้กำกับ ก็เป็นเพียงผู้ช่วยงานกลุ่มหนึ่งซึ่งทำให้ตัวแทนหลินบรรลุเป้าหมายของตน
ใช่แล้ว เป็นผู้ช่วยงานเหมือนกันหมดนี่แหละ
ในอนาคต เมื่อตัวแทนหลินมีความทะเยอทะยานมากขึ้น เขาจะไม่พึงพอใจกับผู้ช่วยงานเพียงเท่านี้อีกต่อไป
……………………………………………
[1] ฟางเหวินซาน (Vincent Fang) นักแต่งเนื้อร้องทำนองเพลง นักเขียน ผู้กำกับ และนักเขียนบทชาวไต้หวัน