บทที่ 266 สังหารสุนัข
ค่ายพักแรม
ฮ่องเต้เซี่ยเจินโยนสาส์นไปไว้ด้านข้าง ก่อนจะมองเจียงเต๋อแล้วเอ่ยขึ้นมา “กี่ชั่วยามแล้ว?”
ฟ้าใกล้จะมืดแล้ว!
เจียงเต๋อเองก็จนปัญญา “ใกล้จะหมดยามโหย่ว*แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
* ยามโหย่ว (酉时) หมายถึงเวลา 17.00 น. – 19.00 น.
ฮ่องเต้เซี่ยเจินมองออกไป เป็นเช่นนั้นจริง ๆ
วันนี้ร่างกายของเขาดีขึ้นเล็กน้อยแล้ว จึงฝืนตัวเองไปคารวะไท่ซ่างหวง เพราะอย่างไรเสียนอนอยู่นี่ เมื่อหลับตาลงก็เห็นแต่ใบหน้าที่โชกไปด้วยเลือดของเซี่ยอวี้ เขาจะนอนหลับได้อย่างไรกัน
หลังจากเหล่าขุนนางเก่าได้ช่วยเกลี้ยกล่อม ทำให้หานเหล่ยได้รับการปล่อยตัวกลับมาแล้ว คิดว่าไท่ซ่างหวงก็คงไม่ดุด่าเขาแรง ๆ อีก
ทว่าเขานั่งก้นยังไม่ทันร้อน กองทัพทหารเกราะเหล็กกลุ่มหนึ่งก็เฮโลกันขึ้นหลังม้า ทำให้เขาตกใจคิดว่าพวกเขากำลังจะคิดกบฏ
สุดท้ายกลับบอกว่าจะไปปราบโจรอย่างนั้นหรือ?
อยู่ดี ๆ จะไปปราบโจรอะไรกัน พวกโจรถูกขุนศึกทั้งสี่ปราบปรามหมดไปตั้งนานแล้วไม่ใช่หรือ? ต้องไปทำเรื่องอะไรที่บอกใครไม่ได้เป็นแน่
แต่ฮ่องเต้เซี่ยเจินไม่สามารถพูดออกไปได้ เพราะอย่างไรเสียตอนนี้ก็อยู่ต่อหน้าไท่ซ่างหวง
ดูสิ นี่มันกี่โมงกี่ยามกันแล้ว คนที่ออกไปต่างก็หายไปหมด
“เผยยวนยังไม่กลับมาหรือ?”
“ยังพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาททรงรออีกหน่อยเถอะพ่ะย่ะค่ะ บางทีโจรที่ไปปราบอาจจะอยู่ไกลก็ได้พ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้เซี่ยเจินเม้มริมฝีปากและนั่งลง “ไปจับตาดูสิ คาดว่าเยี่ยนหงอวิ๋นก็คงใกล้จะถึงแล้ว”
คนที่ตระกูลเยี่ยนส่งมาคราวนี้ล้วนเป็นเด็กทั้งสิ้น สุดท้ายกลับถูกเผยยวนวางยาจนหมดสติไปเช่นนี้ เมื่อฮ่องเต้เซี่ยเจินคิดถึงทหารองครักษ์ที่อยู่ข้างนอกเหล่านั้น ในใจก็ยังรู้สึกกลัวอยู่เล็กน้อย
…
ส่วนเยี่ยนหงอวิ๋นนั่น ขณะนี้กำลังเดินทางมาหมู่บ้านตระกูลเฉิน
ข้างหน้าคือตำบลฉาซู่ เมื่อเขาเห็นว่าท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว จึงเตรียมที่จะเข้าไปในตำบลเพื่อหาโรงเตี๊ยมสำหรับพักผ่อนก่อน
ขณะที่เยี่ยนหงอวิ๋นเห็นซุ้มประตูของตำบลฉาซู่ เขาก็สังเกตเห็นว่าบนถนนหลวงตรงหน้ามีคนมาดักรออยู่
คนหนึ่งคนกับม้าหนึ่งตัว ในชุดสีดำสง่างาม ไอสังหารที่ตึงเครียดกลุ่มหนึ่งแผ่ไปทั่วบริเวณ สายลมยามเย็นพัดผ่านทรายและก้อนหินบนพื้น เยี่ยนหงอวิ๋นหรี่ตาเรียวยาวลงเล็กน้อยเพื่อพิจารณาดูคนผู้นั้น
องครักษ์ที่อยู่ด้านหลังเยี่ยนหงอวิ๋นต่างก็มองหน้ากัน พลางชักอาวุธในมือออกมาอย่างช้า ๆ แสงจันทร์เย็นวาบพาดผ่านคมดาบ ทำให้มองเห็นใบหน้าของคนผู้นั้นได้อย่างชัดเจน
เยี่ยนหงอวิ๋นดวงตาเบิกโพลง จากนั้นก็กำดาบยาวในมือเอาไว้แน่น ก่อนจะเอ่ยคำสองคำลอดไรฟันออกมา “เผยยวน”
ความจริงแล้วเยี่ยนหงอวิ๋นไม่ได้เกลียดเผยยวน ถึงขนาดชื่นชมชายหนุ่มตรงหน้าผู้นี้ด้วยซ้ำไป ถ้าตระกูลเยี่ยนมีลูกชายเช่นเขาจะไม่กลายเป็นขุนศึกอันดับหนึ่งได้อย่างไรกัน
น่าเสียดายที่เผยยวนมีนิสัยเหมือนเผยเกอ และขัดแย้งกับพวกเขามาโดยตลอด
เมื่อถูกกำหนดให้เป็นศัตรู ก็ไม่มีโอกาสที่จะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไปได้
เยี่ยนหงอวิ๋นจ้องมองเขา ก่อนจะเอ่ยเย้ยหยันออกมา “ทำไม? วันนี้เจ้าอยากรนหาที่ตายด้วยตัวเองเลยอย่างนั้นหรือ?”
ข่าวที่ว่าเผยยวนยังไม่ตายและพากองทัพทหารเกราะเหล็กที่แปรพักตร์หนีไป คนทั้งในและนอกเมืองหลวงต่างก็รู้ดี หากเผยยวนเจียมเนื้อเจียมตัว ตระกูลเยี่ยนก็คงไม่ไล่ล่าเขาเช่นนี้ น่าเสียดายที่คนหนุ่มดื้อรั้น แค่นี้ก็ทนไม่ไหวจนคิดจะสู้กับฮ่องเต้แล้ว
เผยยวนมองดาบยาวในมือของเขา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา
เยี่ยนหงอวิ๋นหัวเราะเสียงเย็นออกมา ก่อนจะลูบดาบในมือ “ดาบยาวของเจ้าช่างเหมาะมือข้าเป็นอย่างมาก แต่น่าเสียดายที่ม้าศึกของเจ้าไม่ได้เรื่อง ยอมพเนจรระเหเร่ร่อนไปกับเจ้า”
จ้านอิ่งส่งเสียงร้องดังขึ้นมาทันที ม้าศึกของเยี่ยนหงอวิ๋นจึงคิดจะก้าวถอยทันที แต่กลับถูกเยี่ยนหงอวิ๋นดึงเอาไว้ พลางชี้ดาบมายังเผยยวน “เผยยวน เจ้ากล้าประมือกับข้าหรือไม่?”
ทันทีที่เขาพูดจบเผยยวนซึ่งนั่งอยู่บนหลังม้าก็พุ่งตัวเข้ามาหาเขาและเป็นฝ่ายโจมตีก่อน ตอนนี้ลูกศรขึ้นสายแล้ว จำต้องยิงออกไป
เยี่ยนหงอวิ๋นหมุนดาบยาวในมือโดยใช้กำลังภายในหนึ่งรอบ เพียงแค่คิดว่าเผยยวนกำลังจะตายด้วยอาวุธที่เคยเป็นของเผยยวนเอง ด้วยน้ำมือของเยี่ยนหงอวิ๋นผู้นี้ เขาก็รู้สึกถึงความอิ่มเอมใจโดยไม่มีเหตุผลแล้ว
เดิมควรเป็นเช่นนี้ ก็ย่อมต้องเป็นเช่นนี้! ตระกูลเผยนับเป็นตัวอะไรกัน!
แม้ว่าเยี่ยนหงอวิ๋นจะเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ แต่จู่ ๆ เผยยวนกลับหายตัวไปในอากาศ ความเร็วเมื่อครู่เร็วมากจนเขาต้องใช้เวลาพักหนึ่งในการตอบสนอง ขณะนี้ประสาทสัมผัสของเยี่ยนหงอวิ๋นตึงเครียดขึ้นทันที กลัวว่าเผยยวนจะใช้กลอุบายอะไร
ขณะที่เยี่ยนหงอวิ๋นนั่งอยู่บนหลังม้า แผ่ไอสังหารอันรุนแรงออกมา ท่าทางชั่วร้ายเป็นอย่างมาก ด้านหลังก็มีลมกรรโชกแรงพัดมา เยี่ยนหงอวิ๋นที่ถือดาบหมุนกายตอบโต้ทันที
เคร้ง!
อาวุธกระทบกันจนเกิดเสียงดังลั่น เยี่ยนหงอวิ๋นถูกเผยยวนเล่นงานจนทำให้ล่าถอยไปหลายก้าว ก่อนจะพลิกตัวลงจากหลังม้า หากไม่ใช่เพราะใช้ดาบปักลงบนพื้นเพื่อค้ำยันเอาไว้ ก็ไม่แน่ใจว่าจะมีสภาพสะบักสะบอมเพียงใด
เยี่ยนหงอวิ๋นรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมา วรยุทธ์ของเผยยวนน่ากลัวเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน!?
ก่อนที่เผยยวนจะถูกพิษโลหิตเขายังสามารถสู้ได้ แม้จะไม่รู้ผลแพ้ชนะ แต่ไม่มีทางที่จะต้านไม่ได้แม้กระบวนท่าเดียวเช่นนี้แน่
ทว่าเผยยวนกลับไม่ให้โอกาสเขาได้พักหายใจแม้แต่น้อย หลังจากเยี่ยนหงอวิ๋นปัดป้องอยู่สองครั้ง ดาบยาวก็หลุดจากมือร่วงลงสู่พื้น
การโจมตีเช่นนี้ไม่ต่างจากการทำลายล้างแต่อย่างใด! เยี่ยนหงอวิ๋นเป็นคนอวดดีมาแต่ไหนแต่ไร คิดว่าวิชาดาบของตระกูลเยี่ยนไม่เป็นรองตระกูลเผย แต่กลับถูกเด็กเหลือขออย่างเผยยวนเล่นงานได้
คราวนี้เขาไม่สนใจวิชาดาบหรืออาวุธใด ๆ อีก และต่อสู้กับเผยยวนด้วยมือเปล่า
การเคลื่อนไหวทั้งหมดของเผยยวนเป็นไปอย่างสบาย ๆ ถึงขนาดไม่ได้ใช้พละกำลังทั้งหมดของเขาเลยด้วยซ้ำ แต่กระบวนท่าที่เขาใช้กลับเลือกโจมตีจุดตาย ทุกกระบวนท่าล้วนอันตรายถึงชีวิต แข็งแรงและทรงพลัง แฝงอานุภาพประดุจอสนีบาต
สีหน้าเช่นนี้ของเขายิ่งทำให้เยี่ยนหงอวิ๋นโมโหมากขึ้น แต่น่าเสียดายที่ไม่ว่าเยี่ยนหงอวิ๋นจะโจมตีเช่นไร ความเร็วของเผยยวนก็เร็วเกินกว่าที่เขาจะรับมือได้ ไม่รู้ว่าที่ผ่านมาเจ้าเด็กคนนี้ถูกวางยาพิษหรือได้พบกับยอดฝีมือมากันแน่
“เล่นสนุกกันพอแล้ว เยี่ยนหงอวิ๋น วันตายของเจ้ามาถึงแล้ว!” ขณะที่ลมหายใจของเยี่ยนหงอวิ๋นกำลังติดขัด เผยยวนก็ซัดฝ่ามือลงไปที่หัวของเขา ก่อนจะบิดหนึ่งทีและหักคอของเขาในทันใด
เยี่ยนหงอวิ๋นดวงตาเบิกโพลง ใบหน้าบิดเบี้ยว ตายอย่างไม่เต็มใจ ราวกับไม่อยากเชื่อว่าตนเองจะตายด้วยน้ำมือของเผยยวน
ร่างของเยี่ยนหงอวิ๋นล้มลงอย่างแรง เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วพื้น ไหลนองไปตามพื้นดิน องครักษ์ของตระกูลเยี่ยนกลับไม่มีใครกล้าที่จะก้าวไปข้างหน้าเพื่อเก็บศพของเจ้านาย
เผยยวนใช้ปลายเท้าสะกิดเล็กน้อย ดาบยาวที่อยู่บนพื้นก็ลอยขึ้นมาอยู่ในฝ่ามือของเขาแล้ว
ดาบยาวเล่มนี้เผยเกอทิ้งไว้ให้เขา ด้านบนสลักคำว่า ‘สังหาร’ เอาไว้ คิดไม่ถึงว่าวันหนึ่งดาบนี้จะใช้สังหารคนต้าจิ้น
หลังจากที่เขาสลบไป ดาบเล่มนี้ก็หายไปด้วย ที่แท้ก็ถูกเยี่ยนหงอวิ๋นเอาไปนี่เอง
“สหายเก่า ข้ากลับมาแล้ว”
ราวกับว่ารับรู้ถึงการกลับมาของเจ้านาย ทันทีที่เผยยวนยกดาบสังหารขึ้น ก็มีแสงเปล่งประกายและส่งเสียงวิ้งออกมา
จ้านอิ่งวิ่งมาที่ด้านหลังของเผยยวน จากนั้นก็เอาหัวเกยที่บ่าของเผยยวนอย่างสนิทสนม พลางเตะร่างของเยี่ยนหงอวิ๋นจนกระเด็นออกไป
เผยยวนมองหัวของเยี่ยนหงอวิ๋นที่อยู่ในมือเล็กน้อย “ออกเดินทาง”
องครักษ์ของตระกูลเยี่ยนยังไม่รู้ว่าเขาคุยกับใคร แต่หลังจากที่เผยยวนสั่งการเสร็จ พวกเขาจึงเห็นกองทัพทหารเกราะเหล็กที่หายไปจำนวนมากอยู่ทางด้านหลัง
…
ประตูเมืองหลวง
นายกองประตูเมืองอู๋ซิ่วหาวออกมา พลางเอาถั่วลิสงยัดปากตัวเองหนึ่งเม็ด
นายทหารตัวเล็ก ๆ ที่อยู่ข้าง ๆ เห็นเขาเขย่าขาเสียงดัง ก็รีบรินเหล้าให้เขาจนเต็ม “ท่านนายกอง ท่านดื่มอีกหน่อยเถอะขอรับ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่คนเบื้องบนจะไม่อยู่เช่นนี้”
ก็ใช่น่ะสิ ฝ่าบาทไปรับไท่ซ่างหวงด้วยตัวเอง หลายวันมานี้เรียกได้ว่าสบายอย่างมาก ก่อนหน้านี้เขาปล่อยให้เผยยวนเข้าเมืองหลวง ยังดีที่รักษาตำแหน่งเอาไว้ได้ นี่เท่ากับรอดจากหายนะมาได้ จะไม่มีเรื่องดีตามมาหรอกหรือ?
.
.
.