บทที่ 267 ปิดประตูฆ่า

อู๋ซิ่วเอ่ยด้วยความภูมิใจ “สมควรดื่มสักอึกสองอึกจริง ๆ สองสามวันมานี้พวกเจ้าก็ผ่อนคลายกันบ้าง แล้ววันหลังข้าจะพาพวกเจ้าไปฟังเพลงพื้นบ้าน ถือว่าไม่เสียแรงที่ติดตามข้า”

ทหารชั้นผู้น้อยได้ยินดังนั้นก็ยิ้มหน้าบานทันที “ท่านนายกองพูดอะไรเช่นนั้นเล่าขอรับ ประตูเมืองมีท่านคอยปกป้อง ก็เหมือนมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ผู้ใดจะกล้าทำผิดกันเล่าขอรับ”

อู๋ซิ่วได้ยินคำพูดนี้ก็มีความสุขเป็นอย่างมาก แต่เมื่อคิดถึงเรื่องของเผยยวนก่อนหน้านี้ ก็รู้สึกเย็นวาบที่ลำคอขึ้นมา เหตุใดวันนั้นเขาถึงโชคร้ายเพียงนั้น เจอกับเผยยวนตอนที่เขาเฝ้าประตูเมืองพอดี

อีกครั้งก็เป็นตอนที่เขากำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่นี่ และเผยยวนก็พาตัวไท่ซ่างหวงไป

สูด~ หากไท่ซ่างหวงไม่เป็นอะไรก็โชคดีไป แต่หากเกิดเรื่องขึ้นมา ฮ่องเต้จะไม่มาระบายโทสะกับเขาหรอกหรือ?

ชีวิตของเขาต่ำต้อยเพียงนี้ พอให้ฆ่าที่ใดกัน

ขณะที่อู๋ซิ่วกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ก็เห็นควันหนาทึบลอยมาแต่ไกล…

“ข้างนอกมีลมแรงหรือ?”

ทหารชั้นผู้น้อยเองก็ชะโงกตัวออกมา “เปล่านะขอรับ? ไม่มีลม…สวรรค์ เป็นทหารม้าขอรับ! เป็นทหารม้า!”

อู๋ซิ่วรีบลุกขึ้นยืน เมื่อครู่สั่นขาอยู่จึงหยุดไม่ทัน ทำให้เท้าทั้งสองข้างไม่มั่นคงเมื่อลุกขึ้นยืนก็ล้มจนหน้าคะมำทันที เมื่อลุกขึ้นมาได้ก็รีบมองลงไปอย่างรวดเร็ว “เร็วเข้า มีคนมุ่งมาทางประตูเมืองแล้ว ป้องกัน!!”

บัดซบ ดึก ๆ ดื่น ๆ เช่นนี้พวกไม่รู้เรื่องรู้ราวที่ไหนกล้ามาบุกเมืองหลวงกัน คงไม่ใช่พวกกบฏหรอกกระมัง!

ปีนี้เป็นปีชงของเขาหรืออย่างไร!?

อู๋ซิ่วลนลานสั่งให้คนรีบขึ้นมาบนประตูเมือง เมื่อทหารยามขึ้นมาบนกำแพงเมืองโดยพร้อมเพรียงแล้ว จึงใช้แสงตะเกียงใต้ชายคาส่องลงไป จนมองเห็นคนที่บุกมา

“เหมือนจะเป็นกองทัพทหารเกราะเหล็ก…”

“เจ้าดูดี ๆ แล้วหรือยัง!?”

สวมเกราะเหล็กเช่นนั้นจะไม่ใช่ได้อย่างไร!

อู๋ซิ่วขยี้ตาแรง ๆ และเห็นคนด้านล่างควบม้าพุ่งมาทางนี้ “กองทัพทหารเกราะเหล็กได้รับพระราชโองการให้มาปราบโจร เปิดประตูเมืองเร็วเข้า!!”

ปราบโจร จะไปปราบโจรที่ใดกัน? ปราบโจรในเมืองหลวงเนี่ยนะ!?

อู๋ซิ่วรู้สึกเปิดหูเปิดตาจริง ๆ แต่เมื่อเห็นพวกเขามีคนมาไม่มาก แค่พันกว่าคนเท่านั้น คิดดูแล้วหากจะก่อกบฏก็ไม่น่าจะเอาคนมาเพียงเท่านี้

“ท่านนายกอง เราจะเปิดประตูหรือไม่ขอรับ? ในมือของพวกเขาเป็นป้ายคำสั่งจริง ๆ นะขอรับ”

อู๋ซิ่วก็กำลังนึกสงสัย หากนี่เป็นเรื่องโกหกพวกเขาจะทำเช่นไร?

“ยามเฝ้าประตูเมืองจะขัดราชโองการอย่างนั้นหรือ?” น้ำเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาจากด้านล่าง ขาของอู๋ซิ่วพลันอ่อนแรง

แม่จ๋า ข้าบอกแล้วว่าดวงของข้าชงกับเผยยวน ดูสิ สุดท้ายก็พบกันอีกจนได้!

“หย่ง…หย่งกวานโหว เหตุใดดึกดื่น…”

“เปิดประตูเมือง”

อู๋ซิ่วหดหัวกลับมาอย่างเงียบ ๆ ทหารชั้นผู้น้อยจ้องเขม็งมาที่เขา “มองอะไรอีก ไปเปิดประตูสิ เผยยวนจับตาดูอยู่นะ!”

หากเขาไม่ยอมเปิดประตู อย่างมากครึ่งชั่วยามต้องถูกเผยยวนสังหารเป็นแน่ แต่ตอนนี้ยอมเปิดประตูให้ ไม่แน่ว่าเผยยวนอาจจะคิดว่าเขาเชื่อฟังใช้งานง่ายและไว้ชีวิตเขาก็เป็นได้

อู๋ซิ่วให้คนไปเปิดประตูอย่างตัวสั่นงันงก ทว่าเมื่อเขาลงมาจากกำแพงเมือง ทหารม้าก็พุ่งเข้าสู่ถนนจูเชวี่ยเสียแล้ว เวลานี้ทุกอย่างล้วนเงียบสงัด พวกเขาที่รีบควบม้าจากหมู่บ้านตระกูลเฉินมายังเมืองหลวงโดยไม่หยุดพัก ทว่ากลับไม่มีใครสักคนที่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย

วันนี้พวกเขาจะสังหารศัตรูด้วยมือตัวเอง!

บางคนตกใจกับการเคลื่อนไหวนี้แต่ก็ไม่กล้าจุดเทียน ได้แต่กอดปลอบเด็ก ๆ ที่ตกใจจนร้องไห้ไว้ในอ้อมแขนอย่างเงียบ ๆ

อู๋ซิ่วมองดูกองทัพทหารเกราะเหล็กที่ไกลออกไปแล้ว ก็นั่งลงบนพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง

“ท่านนายกองขอรับ? พวกเราจะปิดประตูเมืองหรือไม่ขอรับ?”

“ปิดครึ่งหนึ่งก็แล้วกัน อย่าปิดหมด เผื่อว่าพวกเขาจะกลับออกไป”

“ขอรับ แล้วเมืองหลวงของเรามีโจรภูเขาจริง ๆ หรือขอรับ?”

อู๋ซิ่วหันไปจ้องหน้าเขา ก่อนจะตบหน้าไปหนึ่งที “เจ้าจะไปรู้อะไร ต่อให้ไม่ใช่โจร แต่ถ้าเขาบอกว่าเจ้าเป็นโจร เจ้าก็คือโจร”

เพียงแต่ไม่รู้ว่าโจรนั่นแท้จริงแล้วเป็นใครกันแน่

จากถนนจูเชวี่ยเข้าเมือง กองทัพทหารเกราะเหล็กแบ่งออกเป็นสี่กลุ่ม และมุ่งหน้าไปโจมตีจวนของขุนศึกทั้งสี่

จี้จือฮวนสวมเสื้อคลุมสีดำนั่งอยู่ในอ้อมแขนของเผยยวน และกอดเอวของเขาเอาไว้

“เหนื่อยหรือไม่?” เขาเอ่ยถามเสียงเบา

“ไม่เหนื่อย”

นางมองไปที่ดาบยาวที่เขาสะพายเอาไว้บนหลัง

“นี่คือดาบสังหาร”

“อืม”

“เมื่อครู่ตอนที่เจ้าฆ่าเยี่ยนหงอวิ๋นหล่อมาก” จี้จือฮวนเงยหน้าขึ้น มองเขาด้วยดวงตาเป็นประกาย

“หากชอบ ข้าจะสอนให้เจ้า”

ศิลปะการต่อสู้ของจี้จือฮวนนั้นเรียบง่ายและตรงไปตรงมา ใช้กลวิธีเฉพาะมากกว่าความดุดัน แต่เมื่อพบกับยอดฝีมือกำลังภายในที่แท้จริง นางจะเป็นอันตรายอย่างมาก โชคดีที่ตอนนี้นางอายุยังไม่มาก ค่อย ๆ ฝึกกำลังภายในก็ยังไม่สาย

“อาวุธอะไรเจ้าก็ใช้เป็นหรือ?”

“อืม” เผยยวนกอดนางแน่นขึ้น “ใกล้ถึงแล้ว”

ขุนศึกหลักทั้งสี่เป็นคนสนิทของฮ่องเต้เซี่ยเจิน ดังนั้นจวนที่ได้รับพระราชทานย่อมอยู่ใกล้พระราชวัง เผยยวนเลือกไปตระกูลเยี่ยนเป็นที่แรก

ตระกูลเยี่ยนในเวลานี้ก็หาได้สงบสุขไม่

เยี่ยนฮูหยินกำลังพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงราวกับขนมแป้งม้วน

สองวันก่อนนางได้รับข่าวว่าลูกชายที่ติดตามฮ่องเต้ไปรับไท่ซ่างหวงหมดสติไป เกรงว่าอาจจะถูกวางยาพิษ หากไม่ได้ยาถอนพิษ ทั้งชีวิตนี้จะนอนเป็นผักไม่รับรู้ใด ๆ

วรยุทธ์ของลูกชายนางนับว่าไม่เลว เหตุใดจึงถูกคนลอบทำร้ายได้!

สามีของนางจึงออกเดินทางทันทีหลังจากได้รับข่าว แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดหนังตาของนางกลับกระตุกไม่หยุดตั้งแต่ฟ้ามืด

จนถึงตอนนี้แม้แต่มือก็ยังสั่นเทาไม่หยุด

นางหลับไม่ลงจริง ๆ จึงได้ลุกขึ้น ทว่าทันใดนั้นประตูห้องก็ถูกคนเปิดออก สาวใช้ส่วนตัวคุกเข่าลงบนพื้นด้วยความตื่นตระหนก “ฮูหยิน!! แย่แล้วเจ้าค่ะ มีคนบุกเข้ามาเจ้าค่ะ!”

เยี่ยนฮูหยินขมวดคิ้ว “ผู้ใดกันบังอาจถึงเพียงนี้! กล้าบุกตระกูลเยี่ยน แล้วทหารในจวนเล่า!”

ในจวนตระกูลเยี่ยนมีทหารยามลาดตระเวนอยู่ไม่น้อย บวกกับคนในครอบครัวพี่น้องคนอื่น ๆ ก็อยู่ที่นี่ด้วย ใครกันที่กินดีหมีหัวใจเสือเข้าไป ถึงได้กล้ามาบุกตระกูลเยี่ยนเช่นนี้

เยี่ยนฮูหยินเดินมาที่ประตูด้วยท่าทางดุดัน เห็นนอกเรือนมีแสงไฟลุกโชน จึงตะโกนสั่งให้คนปกป้องภายในเรือนให้ดี ทันใดนั้นก็มีคนพุ่งเข้ามา

“ฮูหยิน แย่แล้วขอรับ นายท่านตายแล้วขอรับ!”

เยี่ยนฮูหยินรู้สึกไร้เรี่ยวแรง “เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”

นางสะบัดมือสาวใช้ที่พยุงนางออก และเดินโซซัดโซเซออกไป

ต่อให้ตายนางก็ไม่เชื่อว่าคนที่ก่อนออกไปยังดี ๆ อยู่ จะตายได้อย่างไรกัน!

แต่เมื่อวิ่งไปถึงลานด้านหน้าและเห็นหัวคนที่แขวนอยู่บนป้ายประตู ก็หน้ามืดและสลบไปทันที

เลือดสด ๆ สาดกระเซ็น ตอนที่กองทัพที่ติดตามตระกูลเยี่ยนออกไปปล้นบ้านของเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ จนเกิดความวุ่นวายไปทั่ว เคยคิดหรือไม่ว่าจะมีวันนี้เกิดขึ้น

ตอนที่พวกเขาทำลายกองทัพทหารเกราะเหล็ก ดูถูกเหยียดหยามพวกเขา เหยียบย่ำพวกเขา เคยคิดหรือไม่ว่าวันนี้จะต้องมาตายด้วยน้ำมือของพวกเขา

เสียงอึกทึกครึกโครมสร้างความตื่นตระหนกให้กับหัวหน้าหน่วยลาดตระเวนที่กำลังลาดตระเวนอยู่ แต่เพราะมีป้ายคำสั่งของราชวงศ์จึงไม่มีใครกล้าพูดอะไร ปล่อยให้ตระกูลเยี่ยนพ่ายแพ้อย่างราบคาบ ชุลมุนวุ่นวายเพียงใดก็ไม่มีทางที่จะมีคนโผล่หน้าออกมาช่วยในเวลานี้อย่างแน่นอน

ค่ายทหารของตระกูลเยี่ยนตั้งอยู่นอกเมืองไกลออกไป ดังนั้นกว่าพวกเขาจะรู้ตัวจะทำอะไรได้อีก

หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนเหลือบมองหัวที่แขวนอยู่บนป้ายชื่อจวน ในใจก็รู้ได้ทันทีว่ากองทัพทหารเกราะเหล็กเริ่มโต้กลับแล้ว

ตอนที่พวกเขาไปจากเมืองหลวงเช่นนั้น ยังคิดว่าเผยยวนจะกลับซีเป่ยไปจัดตั้งกองทัพใหม่ แต่คิดไม่ถึงว่า…ตระกูลเยี่ยนจะต้องมาจบสิ้นเช่นนี้

“ฆ่าคนแล้ว! ช่วยด้วย!”

“พวกเจ้า! พวกเจ้าเป็นใครกัน รู้หรือไม่ว่าตระกูลเยี่ยนคือที่ใด!? รู้หรือไม่ว่าพวกเราเป็นใคร ยังกล้าลงมือกับพวกเราอีกอย่างนั้นหรือ!”

กองทัพทหารเกราะเหล็กทุบกำปั้นลงไปทันที “พวกเจ้าก็เป็นสัตว์เดรัจฉานอย่างไรเล่า!”

.

.

.