บทที่ 230 เจ็บเจียนตาย

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่230 เจ็บเจียนตาย

ในวินาทีสุดท้ายของชีวิต นางก็ยังไม่ลืมเรื่องส่วนผสมยาตัวสุดท้าย

“กลางผืนดอกกระดูกขาวสีแดง มีเพียงดอกสีขาวเพียงดอกเดียว ร้อยปีมันถึงจะขึ้นมาหนึ่งต้น เป็นสิ่งล้ำค่าหายาก แล้วนั่นก็เป็นส่วนผสมของพิษกู่จิ้น”

ไม่ใช่แค่ดอกกระดูกขาวสีขาวดอกเดียวอย่างนั้นเหรอ?

บอกนางไปแล้วจะยังไง?

ก็แค่คนกำลังจะตาย……

ได้ยินดังนั้น!

ตัวของหลานเยาเยาก็สั่นเล็กน้อย นัยน์ตาประกายความเศร้า

ที่แท้ก็เป็นสีขาว

มิน่าหล่ะภาพวาดดอกกระดูกขาวสองหน้าบนหนังสือทำเนียบบรรพชน นางไม่เข้าใจมาตลอดว่ามันหมายความว่าอะไร ตอนนี้ถึงได้รู้ว่า ที่แท้มันก็หมายถึงสีสองสี

เพียงแต่……

ดอกกระดูกขาวสีขาวนั้นมันหายากมาก

อีกทั้งยังเติบโตท่ามกลางหนอนพิษกู่จิ้น ที่เติบโตอยู่ในดอกกระดูกขาวสีแดง

รู้ไปแล้วจะมีประโยชน์อะไร?

ไม่มีทางที่จะเก็บมาได้อยู่แล้ว!

“ในเมื่อเจ้าเลี้ยงหนอนพิษกู่จิ้นมากขนาดนั้น ก็น่าจะสามารถรู้วิชาการควบคุมพิษกู่สิ! เจ้าอยากจะสร้างกองทัพซอมบี้ที่ควบคุมได้ แล้วกลายเป็นประมุขรวมทั้งโลก?”

เสียงของนางเบาลงทุกถ้อยคำเต็มไปด้วยคำดูแคลน

เมื่อสิ้นเสียงหลานเยาเยา

ใบหน้าของราชครูใหญ่ก็แปรเปลี่ยนไป

“จะ เจ้าเป็นใครกันแน่? มาจากไหน? ทำไมถึงรู้เรื่องซอมบี้?”

ซอมบี้……

คำพูดที่ไม่ได้ยินมาตั้งนาน จนเขาแทบจะลืมไปแล้ว

ไม่คิดเลยว่าในโลกใบนี้ จะมีใครอีกคนที่พูดคำๆนี้ออกมา

ฮ่าฮ่า!

ไม่ธรรมดาจริงๆ!

“ดูท่าเจ้าเองก็รู้อยู่แล้ว!”

ราชครูใหญ่คนนี้เป็นคนประเภทเดียวกับนาง

นางบอกแล้วยังไงหล่ะ!

พิษกู่จิ้นโหดเหี้ยมแค่ไหน สามารถควบคุมจิตใจคนได้แค่ไหน ก็ไม่สามารถที่จะทำให้คนกลายเป็นซอมบี้ได้

ที่แท้ก็มีคนพาเชื้อซอมบี้ไปแพร่ที่แผ่นดินใหญ่นี่เอง

พยายามจะควบคุมโลก!

หลานเยาเยายกริมฝีปากขึ้นมา ริมฝีปากบางเอ่ยขึ้นเบาๆ:

“การที่มาบนโลกนี้ เดิมทีก็เป็นโอกาสแต่ไม่ยอมใช้ชีวิตให้มันดีๆ เจ้ากลับทำให้บรรยากาศของที่นี่เลวร้าย ระวัง ทำอะไรก็จะได้อย่างนั้น”

ในเมื่อได้รู้แล้วว่าเขาคือใคร

แล้วก็รู้แล้วด้วยว่ายังไงเสียราชครูใหญ่ก็ไม่มีทางปล่อยให้นางมีชีวิตอยู่ แต่นางก็ไม่ใช่คนที่จะมานั่งรอความตายเฉยๆ

ก็ไม่รู้ว่าประโยคไหนดันไปยั่วยุราชครูใหญ่ ถึงทำให้ราชครูใหญ่กำหมัดแน่น ใบหน้าเคร่งขรึม

“แม่สาวน้อย เจ้ายังรู้น้อยนัก ก็กล้ามาพูดโอ้อวดเช่นนี้ ท่าจะไม่รู้ที่ต่ำที่สูง”

จากนั้น เสียงเขาก็เปลี่ยน “ช่างเถอะ มีชีวิตมาตั้งหลายปีข้าได้มาเจอคนบ้านเดียวกัน ชีวิตนี้ก็ไม่เสียเปล่าแล้วหล่ะ ข้าจะให้มารยาทในการพบกันต่อเจ้าแล้วกัน เพราะเจ้าจะได้ไปเพลิดเพลินในนรกได้”

ทำอะไรก็จะได้อย่างนั้น?

เหอะ!

เขาเคยทุ่มเทกับราชวงศ์เก่ามาตลอดหลายปี ให้ทั้งชีวิต แต่ท้ายที่สุด เขาก็ยังเป็นได้แค่ราชครูใหญ่

มันด้วยเหตุผลอะไรกัน?

เขาไม่สามารถได้ค่าตอบแทนในสิ่งที่เขาควรที่จะได้?

ทำไมเย่นเฉิงเสี้ยนที่ไม่ได้ดีเด่นไปกว่าเขา แต่กลับได้อยู่ในตำแหน่งเฉิงเสี้ยง?

ดังนั้น!

จะอยากรับใช้ราชวงศ์เก่าไปทำไม? สู้ทำลายไปเสียดีกว่า โลกทั้งโลกก็จะได้อยู่ในอำนาจของเขา

พูดจบ ราชครูใหญ่ก็หันหน้าไปมองเย่แจ๋หยิ่งที่ยังคงเย็นชา

“อ๋องเย่ เรื่องที่แม่สาวน้อยคนนี้รู้นั้นมากกว่าท่านเยอะ ท่านคงไม่อาลัยอาวรณ์หรอกจริงมั้ย?

ถึงแม้ว่าเขาจะสามารถฆ่านางได้อย่างง่ายดาย

แต่ว่า!

เขามองออกว่าหลานเยาเยานั้นมีความผูกพันกับอ๋องเย่ ถ้าอย่างนั้นก็ให้อ๋องเย่ฆ่านางด้วยมือของตัวเองดีกว่า

แบบนี้ถึงจะเป็นมารยาทในการพบกันที่ดีที่สุด

“แน่นอน!”

เสียงของเย่แจ๋หยิ่งเย็นชามาก สายตาที่เขามองไปยังหลานเยาเยาอย่างไร้ซึ่งความรู้สึก

“งั้นก็ดี ลงมือด้วยตัวเองซะเถอะ! ให้ข้าผู้เป็นครูได้เห็นว่า ไม่เจอกันมาหลายปี เจ้าได้เติบโตบ้างหรือไม่?

“ครับ!อาจารย์”

คำว่าอาจารย์นั้น ได้พังทลายท่าทางที่แสร้งทำเป็นนิ่งสงบของหลานเยาเยาไปจนหมด

เดิมคิดว่าเย่แจ๋หยิ่งมองนางเป็นเพียงคนแปลกหน้านั้นมันเป็นเหตุจำเป็นต้องจำใจ

นางถึงขนาดรู้สึกว่า ด้วยความฉลาดของเขานั้นควรที่จะรับรู้ถึงแผนร้ายของราชครูใหญ่แห่งราชวงศ์เก่า ดังนั้นนางจึงเลือกกล้ำกลืนความอัปยศอดสู

ตอนนี้ดูท่านางจะคิดผิด

ทั้งยังผิดมากๆเสียด้วย!

เย่แจ๋หยิ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มาโดยตลอด หลอกใช้นางมาโดยตลอด บางทีเขาอาจจะรู้ด้วยว่านางกับราชครูใหญ่มาจากโลกเดียวกัน

ดังนั้น!

เขาจึงค่อยๆหลอกนางมาจนถึงเวลานี้

เหตุเพราะอยากเห็นพวกเขาเข่นฆ่ากันเอง ทั้งยังได้มารู้จักคนบ้านเดียวกัน

แล้วความรู้สึกที่เขาแสดงออกมาแต่ก่อนนั้น……

มันมีความจริงสักเท่าไหร่กัน?

และส่วนไหนที่แสร้งบ้าง?

นางมองเย่แจ๋หยิ่งที่ค่อยๆก้าวมาทางนางทีละก้าวๆ ทุกๆก้าวนำพามาถึงการตัดเยื่อใยและความอาฆาต ทุกๆก้าวนั้นค่อยๆทำลายความหวังสุดท้ายเพียงน้อยนิดของนางไป

“เย่แจ๋หยิ่ง นี่เจ้าต้องการจะฆ่าข้าด้วยตนเองจริงๆอย่างนั้นเหรอ?”

ประโยคนี้ หลานเยาเยาไม่รู้ว่าทำไมถึงพูดออกมา

ตายหน่ะได้ แต่ทำไมต้องให้เขาลงมือฆ่าเองด้วย?

ในสุดท้าย!

สมองของนางว่างเปล่า หัวใจถูกมือใหญ่ทั้งสองข้างคว้าเอาไว้

นั่นทำให้นางแทบจะหายใจไม่ออก

ตายหน่ะไม่ได้กลัวหรอก แต่สิ่งที่กลัวก็คือต้องมาเห็นชายที่ตนเองรัก มาฆ่าตนเองกับตา

มันน่าเศร้ามากจริงๆ!

เย่แจ๋หยิ่งไม่ได้ตอบ แต่ก็ไม่หยุดฝีเท้า ทันทีที่มาถึงตรงหน้าของนาง ก็ใช้มือบีบคอนางอย่างเลือดเย็น อีกทั้งยังกดจุดที่ทำให้นางไม่สามารถที่จะตอบโต้ได้

นั่นทำให้นางขยับตัวไม่ได้

หลานเยาเยาอดไม่ได้ที่จะสงสัย

ในใจของนางเกิดความสิ้นหวังที่ไม่เคยมีมาก่อน……

นางไม่ใช่คนที่มานั่งรอความตาย

นางมีท่าไม้ตาย……

แต่ตอนนี้นางก็ดันขยับร่างกายไม่ได้ คิดอยากจะหยิบระเบิดยาพิษมาใช้ แต่นางก็ตอบโต้อะไรไม่ได้

คิดไม่ถึงว่า……

เขาจะรู้ถึงความคิดของนาง

ดังนั้นจึงกดจุดของนางเอาไว้ก่อน

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง!

น้ำเสียงเยือกเย็นของเย่แจ๋หยิ่งดังขึ้นข้างหู: “เจ้ารู้มากเกินไปแล้ว”

มือที่จับที่คอของหลานเยาเยา มันทั้งแข็งแกร่งรุนแรง และก็ค่อยๆแน่นขึ้นแน่นขึ้น หลานเยาเยาที่ถูกจับไว้จนหมดทางพูดนั้น ใบหน้าของนางจากแดงๆ ก็ค่อยๆกลายเป็นซีดขาว……

จื่อซีนั่งคุกเข่าช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดตรงหน้า เจ้านายของเขา ดูเหมือนจะกลับไปเป็นแบบเดิม เหมือนก่อนที่จะได้พบกับพระชายา

เขาจะทำยังไงดี?

ฝั่งหนึ่งก็เป็นเจ้านายที่เขาไม่อาจจะทรยศได้ตลอดชีวิต……

อีกฝ่ายก็เป็นพระชายาที่เจ้านายให้เขาปกป้องด้วยชีวิต……

ตอนนี้ทั้งสองมาเผชิญหน้ากันแบบนี้ เขาควรที่จะเลือกยังไงดี?

จู่ๆนั่นเอง!

“ชิ้ง………”

ข้างหูก็มีเสียงชักดาบขึ้นมา

นัยน์ตาของจื่อซีฉายเงาคนขึ้นมาคนนึง ซึ่งก็คือเห็นจื่อเฟิงแทงดาบตรงไปยังเจ้านาย

น่าเสียดายที่เจ้านายดูเหมือนจะรู้ว่าจื่อเฟิงจะทำอะไร เขาจึงลงมือจัดการตีจื่อเฟิงตกลงหน้าผาไป

มองเห็นถึงตรงนี้

จื่อซีก็ตกตะลึง

จากนั้นจึงลุกขึ้นชักดาบ ก่อนจะแทงตรงไปยังเย่แจ๋หยิ่งก็โรยผงยาไว้

เย่แจ๋หยิ่งต้องปล่อยมือจากหลานเยาเยาด้วยความจำใจ จากนั้นก็จัดการจื่อซีจนกระอักเลือด ก่อนจะโยนตกลงไปที่หน้าผา

“แค่กแค่กแค่ก……”

หลานเยาเยาต้องหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าไป แต่ด้วยเพราะยังขยับไม่ได้ จึงทำได้เพียงมองจื่อซีและจื่อเฟิงถูกโยนตกหน้าผาไป

ส่วนเย่แจ๋หยิ่งไม่แม้แต่จะกะพริบตาเลยสักนิด

“เย่แจ๋หยิ่ง เจ้ามันโหดร้าย พวกเขาซื่อสัตย์ต่อเจ้ามาก ทำตามคำสั่งอย่างไม่บกพร่อง เจ้ายังทำได้ลง”

เสียงของหลานเยาเยาเกือบจะเป็นคำราม

ดูสิ่งที่อยู่ตรงหน้า นอกจากร่างคนแล้ว ที่เหลืออยู่ก็คือเย่แจ๋หยิ่งที่นางไม่รู้จักเลย นางอยากที่จะควักหัวใจเขาออกมาดูจริงๆว่ามันจะดำขนาดไหน

“คนทรยศต้องตาย!”

เสียงน่าดึงดูด พูดสี่คำออกมาอย่างเย็นชา

เมื่อฟังประโยคนี้ จู่ๆหลานเยาเยาก็หัวเราะขึ้นมา “ฮ่าฮ่าฮ่า……”

“คนทรยศต้องตายอย่างนั้นเหรอ? มันน่าขำชะมัด ทรยศ? พวกเขาไปทรยศเจ้าตอนไหน? คนพวกนี้เป็นคนที่เจ้าส่งมา เป็นคนที่จะเจ้าส่งมาเพื่อปกป้อง……”

ยังพูดไม่ทันจบ

หลานเยาเยาขมวดคิ้ว สีหน้าเจ็บปวด มองดูดาบที่แทงเข้ามาที่ท้อง……