บทที่ 231 ฝันร้ายที่สะบัดไม่หลุด

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 231 ฝันร้ายที่สะบัดไม่หลุด

นางตะลึงงัน……

เจ็บ!

เจ็บมาก!

เจ็บจนไม่อยากจะมีชีวิตอีกต่อไป……

แต่ว่า ความเจ็บปวดในใจนั้นครอบคลุมความเจ็บปวดที่ท้องไปโดยสิ้นเชิง กระทั่งทำให้นางเริ่มรู้สึกชา

หยดน้ำตาใสๆไหลออกมาจากหางตา จากนั้นก็ไหลผ่านแก้มไปอย่างช้าๆ แล้วหยดลงบนเสื้อคลุม

“เย่……แจ๋หยิ่ง นับว่าท่านเหี้ยมโหด ข้าหลานเยาเยาชีวิตนี้ตายด้วยน้ำมือท่าน ถือว่าข้าตา……บอด หากย้อนกลับไปได้……”

พูดยังไม่ทันจบ ลำคอมีรสคาวแกมหวาน จากนั้นเลือดก็ทะลักออกมาจากมุมปากทั้งสองข้าง

ดวงตาของเย่แจ๋หยิ่งปรากฏถึงความไม่ปกติที่สังเกตไม่ได้ออกมา

เขาพูดตัดบทนาง พูดทีละคำทีละคำ : “มีเพียงชาตินี้ ไม่มีย้อนกลับ”

พูดจบก็ชักดาบที่แทงอยู่ตรงท้องของหลานเยาเยาออก จากนั้นก็ผลัก ผลักนางลงเหวไปทันที

มือที่เขาถือดาบอยู่นั้นกำดาบไว้แน่น ยิ่งกำก็ยิ่งแน่น ราวกับว่าจะบีบดาบให้หักเป็นเสี่ยงๆ……

“เห็นเจ้าเป็นเช่นนี้ ในฐานะอาจารย์ก็วางใจแล้ว!”

เสียงทุ้มต่ำลึกลับของราชครูใหญ่ดังขึ้น ทันใดนั้น เพียงแค่ได้ยินเสียงเขาก็หันกลับมา พูดกับคนที่อยู่ด้านหลัง

“ฆ่าคนที่แพร่ข่าวว่าอ๋องเย่กำลังมีความรักซะ!”

องครักษ์กล้าตายที่ติดตามอยู่ด้านหลังราชครูใหญ่ผู้หนึ่งคุกเข่าลงข้างหนึ่ง ตอบรับด้วยการยกมือประสานกัน : “ขอรับ!”

องครักษ์กล้าตายรับคำสั่งแล้วจากไป

ราชครูใหญ่เดินไปด้านหน้า มองไปยังก้นบึ้งของหน้าผาที่ไม่ได้สูงเท่าไหร่หนัก มีศพสี่ศพที่นอนอยู่กลางทุ่งทะเลดอกกระดูกขาว แล้วพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้

“กองทัพทหารเตรียมพร้อมแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องใช้วิชาการควบคุมพิษกู่แล้ว ไปเถอะ!”

เย่แจ๋หยิ่ง “อืม” ออกมาเบาเบาคำหนึ่ง ราชครูใหญ่ก็หมุนตัวกลับเข้าไปยังถ้ำอันลึกลับ

เมื่อราชครูใหญ่จากไป!

“ฟู่……”

เลือดทะลักออกจากปากของเย่แจ๋หยิ่ง ทันใดนั้นดวงตาแดงก่ำก็มีน้ำตาเลือดไหลออกมาหยดหนึ่ง

เขามองดูหลานเยาเยาที่นอนอยู่กลางทะเลดอกไม้ด้วยความเศร้า มองดูบาดแผลที่ท้องของนาง มองดูตาทั้งสองที่ปิดสนิทของนาง ริมฝีปากบางๆของเขาเปิดขึ้นเล็กน้อย :

“รอข้า!”

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ หลานเยาเยารู้สึกราวกับว่ามีคนเขย่าร่างกายของนางอย่างแรง

“เยาเยา ฟื้นสิฟื้น เจ้ารีบฟื้นขึ้นมา…….”

“เจ้าจะตายไม่ได้ เจ้ารีบฟื้นขึ้นมาให้ข้าเร็วเข้า……”

“ชีวิตชาตินี้ของเจ้ายังใช้ไม่หมด ไม่ต้องคิดถึงว่าจะมีชาติหน้า เยาเยา……”

น้ำเสียงที่ดึงดูด ร้องเรียกอยู่ข้างหูด้วยความเจ็บปวด

ดวงตาที่สลัวของนางค่อยๆเปิดขึ้น พบว่าตัวเองตกอยู่ในที่ที่เป็นสีแดงแสบตาไปหมด ข้างกายไม่มีคนสักคน มีเพียงกลิ่นหอมของดอกไม้อบอวลไปทั่ว ที่โชยมาแตะจมูกของนาง

นี่คือที่ไหน?

หรือว่านางยังไม่ตายงั้นหรือ?

ทำไมจึงไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด?

ไม่ถูก กลิ่นหอมของดอกไม้นี้นางคุ้นเคยดีที่สุดแล้ว เป็นกลิ่นของดอกกระดูกขาว

ดูแล้ว นางยังคงอยู่กลางทะเลดอกไม้

แต่เพียงชั่วพริบตา นางก็ปรากฏตัวอยู่ตรงใจกลางทะเลดอกไม้ หนอนพิษกู่จิ้นที่คลานออกมาจากดอกกระดูกขาวสีแดงก็เจาะเข้าไปในร่างกายของนาง นางก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดแม้แต่น้อย

ดวงตาเพ่งมองจดจ้องไปยังสีขาวที่อยู่ด้านหน้า

นั่นคือดอกไม้ที่พิเศษที่สุดในทะเลดอกไม้

มันเป็นสีขาว……

เป็นสีขาวบริสุทธิ์ไร้ที่ติเช่นนั้น……

ในทุ่งดอกกระดูกขาวสีแดงมากมายเหล่านี้ เพียงแวบเดียวก็สามารถมองเห็นสีขาวขุ่น!

“เป็นดอกกระดูกขาว ในที่สุดก็หาเจอแล้ว”

ขณะเดียวกันกับตอนที่นางรู้สึกดีใจนั้นก็ปนไปด้วยความเจ็บปวดที่ไม่สามารถลบออกไปได้……

นางเอื้อมมือไปเด็กดอกกระดูกขาว แล้วซุกไว้ในอ้อมอกอย่างแนบแน่น

แต่สีหน้าที่ดูสับสน นางกลับมายืนอยู่หน้าทุ่งทะเลดอกกระดูกขาวสีแดงเพลิงอันกว้างใหญ่อีกครั้ง

มองดูอีกสามคนที่นอนอยู่ข้างๆเท้า จากนั้นก็หันไปกลับมองทะเลดอกไม้ที่กำลังมอดไหม้ มุมปากยกขึ้นเผยรอยยิ้มที่สุดแสนจะเย็นยะเยือกอย่างหาที่เทียบไม่ได้อีก

เผา……

เผาทุกสิ่งทุกอย่างไปให้ข้า……

ทันใดนั้น!

ในทะเลเพลิงที่ถูกไฟโหมไหม้ ปรากฏร่างของคนผู้หนึ่งขึ้นรางๆ เขายื่นมือมาให้นาง ร้องเรียกนาง

“เยาเยา เยาเยา เยาเยา……”

ทันใดนั้น หลานเยาเยาก็ลืมตาขึ้น ลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว

เหลือบมองดูทุกสิ่งที่คุ้นเคยรอบๆ นางถอนหายใจออกมาอย่างหนัก จากนั้นเช็ดเหงื่อเย็นๆตรงหน้าผากด้วยผ้า

เดิมทีแล้วก็อยู่ในห้องของตัวเอง!

ผ่านไปหนึ่งปีแล้ว

สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในหุบเขาจิ้น ก็เหมือนดั่งฝันร้าย เมื่อถึงเวลากลางคืนก็ครอบงำนางไว้

แต่ทว่า!

ทุกสิ่งทุกอย่างที่เห็นในความฝันขาดๆหายไม่ได้ต่อเนื่อง นางปะติดปะต่อไม่ได้

“เป็นอะไร ฝันร้ายอีกแล้วหรือ?”

น้ำเสียงที่เจ้าเล่ห์และยั่วยวน จู่ๆก็ดังขึ้นในห้อง

หลานเยาเยาเหลือบมองไปด้านข้าง ชำเลืองมองไปยังเจ้าของเสียงแวบหนึ่ง และพูดอย่างช่วยไม่ได้ :

“ข้าจะบอกให้นะเจ้าของเรือ! กลางดึกเช่นนี้เจ้าเข้าห้องส่วนตัวของหญิงสาว คิดจะก่อเรื่องเช่นไร?”

ไม่ผิด!

ตอนนี้นางอยู่บนทะเล อยู่ในเรือแห่งความสิ้นหวังของหานแส

หนึ่งปีก่อน กลางทะเลดอกกระดูกขาวหานแสไม่ได้ตาย ขณะเดียวกันก็ยังมีจื่อซีและจื่อเฟิงที่ยังไม่ตายเช่นกัน

เวลานั้นหลังจากที่นางฟื้นขึ้นมา เพราะว่ามีน้ำปรโลก และยังมีกรุ๊ปเลือด A3ในตัวเองอีก ดังนั้นถึงแม้ว่าจะโดนกู่จิ้นเจาะเข้ามาในร่างกาย นางจึงไม่ได้กลายเป็นคนโดนมนต์ดำ

เมื่อนางปีนมาถึงใจกลางทะเลดอกไม้ หาดอกกระดูกขาวสีขาวเจอแล้วนั้น จื่อซีและจื่อเฟิงได้กลายเป็นคนโดนมนต์ดำไปแล้ว และหานแสยังคงเหลือสติสัมปชัญญะอยู่บ้าง

เป็นเขาที่ควบคุมจื่นซีและจื่อเฟิงเอาไว้ นางถึงมีเวลาคิดปรุงยาถอนพิษ

เพียงแต่……

ยาถอนพิษนี้มีความผิดพลาดเล็กน้อย

นั่นก็คือ หลังจากกินยาจะมีผลข้างเคียงตามมา และแต่ละคนกินก็จะมีผลข้างเคียงที่ไม่เหมือนกัน

แต่ ที่สุดแล้วก็สามารถถอนพิษกู่จิ้นได้หมด ไม่ใช่หรือ?

สุดท้ายนางพบว่าด้านล่างของทะเลดอกกระดูกขาวมีแร่ธาตุสีขาวมากมาย ดังนั้นนางจึงวางเพลิง เผากู่จิ้นที่ราชครูใหญ่เฝ้าทะนุถนอมเลี้ยงมาด้วยความตั้งใจเป็นเวลาหลายปีอย่างราบคาบ

หลังจากนั้นได้ยินว่า ในเวลานั้นราชครูใหญ่กำลังใช้วิชาพิษกู่จิ้น ซึ่งหลังจากที่นางได้วางเพลิงเผาทะเลดอกไม้ ทำลายแผนการของเขา ทำให้เขาก็โดนผลสะท้อนกลับ เกือบตาย

น่าเสียดาย……

สุดท้ายก็ไม่ตาย!

แต่หลังจากนั้นก็หายตัวไปอีกครั้ง

“ไม่ใช่แค่ครั้งแรกแล้ว ข้าเคยชินแล้ว”

คำพูดของหานแสไม่เร็วแล้วก็ไม่ช้า ลูบผมสีขาว แล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ผลข้างเคียงที่เจ้าพูดจะหายได้เมื่อใด?”

ได้ยินดังนั้น!

หลานเยาเยานวดที่ขมับ

ผลข้างเคียงของหานแสค่อนข้างน่ากลัว ก็คือการนอนไม่หลับ ไม่ว่าจะเป็นตอนกลางวันหรือกลางคืน เขาก็จะกระปรี้กระเปร่าเสมอ มีพลังและสดชื่น

นี่ไม่……

มาก่อกวนนางทุกๆคืน พยายามมาหานางเพื่อจะคุยเพียงเรื่องไร้สาระ

จากนั้นเมื่อเวลานานไป ที่ควรพูดก็พูดแล้ว ที่ไม่ควรพูดก็พูดไปหมดแล้ว เขาจึงทำได้เพียงหาเรื่องที่ไร้ขอบเขตมาพูด ก่อกวนนางทั้งวันทั้งคืนไม่สิ้นสุด

จนนางอยากจะบ้าตาย!

แต่ก็ไม่มีหนทางอื่นนี่!

ตอนนี้นางเป็นสมาชิกผู้หนึ่งของเรือแห่งความสิ้นหวัง อยู่ในระดับเดียวกันกับซาหมั่นเฉิงพวกเขา

ดังนั้น!

ตอนนี้ หานแสเขาคือหัวหน้าใหญ่สุด

“เหอะเหอะ เรื่องนี้นั้น! ไม่รีบไม่รีบ เจ้านั้นโดนพิษกู่จิ้นมาตั้งแต่เด็ก ผลข้างเคียงก็จะต้องนานกว่าแน่นอน

ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าของเรือ เจ้าไม่ต้องมาถามข้าทุกสามวันห้าวัน ข้าขี้เกียจจะอธิบายแล้ว”

หลานเยาเยาถอนหายใจเฮือกหนึ่ง มือสองข้างค้ำคางอันไว้อย่างช่วยไม่ได้

จบกัน!

คืนนี้ไม่ต้องหวังว่าจะได้นอนแล้ว

เป็นไปตามคาด

“นี่ก็ยืดยาวมาเป็นปีแล้ว ยังไม่ดีขึ้น แล้วข้ายังพบว่า ผลข้างเคียงนี้ยิ่งร้ายแรงขึ้นเรื่อยๆ วันนี้เจ้าจำเป็นต้องอธิบายให้ข้าฟังดีๆ ไม่งั้นก็อย่าคิดว่าจะได้นอน”

หลานเยาเยาแสร้งยิ้ม “หึ” ออกมาหนึ่งคำ

นางจะสามารถอธิบายอย่างชัดเจนได้หรือ?

ถึงแม้ว่านางจะอธิบายอย่างละเอียดชัดเจน เขาก็ยังคงหาหัวข้ออื่นมาคุยกับนางต่ออยู่ดี

“หลานเยาเยา เจ้าหันหน้ามามองข้า อย่าคิดว่าเจ้าหันหน้าไปแล้ว ข้าจะไม่รู้ว่าเจ้ากำลังนอน เจ้าอธิบายข้ามาก่อนว่าเรื่องผลข้างเคียงมันเป็นยังไงกันแน่?”