ตอนที่ 205 ไม่เจ้าเล่ห์คดโกง ไม่ใช่พ่อค้า

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 205 ไม่เจ้าเล่ห์คดโกง ไม่ใช่พ่อค้า

หลังได้ยินพนักงานพูดถึงสิ่งที่ลูกค้าหอชุนหลานชี้แนะซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาก็นึกได้อย่างฉับพลัน ! เมื่อตกอยู่ในความยากจนจะต้องหาวิธีเปลี่ยนแปลง พวกเขาแค่ต้องคิดในสิ่งที่ลูกค้าคิด กังวลในสิ่งที่ลูกค้าไม่ชอบ หากทำให้ลูกค้าเหมือนอยู่ในบ้านก็อาจไม่จำเป็นต้องแข่งขันอีกต่อไป !

หลงจู๊รีบชงชาชั้นดีหนึ่งกาแล้วยกไปให้ลูกค้าหอชุนหลานด้วยตนเอง เมื่อเดินเข้ามาเขาก็ทักทายอย่างอบอุ่น “ไอหยา ดูแลไม่ดีแล้ว หวังว่าคุณชายจะให้อภัย…หืม ? ท่านนี้ไม่ใช่นายน้อยเจ้าของร้านขายขนมและผลไม้อบหนิงจี้หรอกหรือ ? แขกเจอตัวยาก แขกที่เจอตัวได้ยากยิ่ง ! ”

ไม่น่าแปลกใจเลยว่าเหตุใดจึงชี้แนะว่าร้านของพวกตนขาดขนมกินตบท้าย กำลังพาการค้ามาเยือนถึงร้านอาหารของตนแล้วสิท่า ! ทว่าขนมร้านตระกูลหนิงมีรูปแบบแปลกใหม่ รสชาติมีเอกลักษณ์ เป็นที่นิยมของสตรีและเด็ก ถ้าร่วมมือกับพวกเขา ร้านอาหารก็ไม่ขาดทุน !

“เถ้าแก่หนิง พวกเราจะคุยเรื่องขนมกันหรือ ? ” ขณะมองหนิงตงเซิ่งแล้ว หลงจู๊ก็คลี่ยิ้มพลางกล่าวอย่างช้า ๆ

หนิงตงเซิ่งสะบัดพัดในมือแล้วเอ่ยอย่างคนใจเย็น “ผู้ที่ให้คำแนะนำคือหลินกู่เหนียงท่านนี้ นางเคยชินกับการกินขนมหลังมื้ออาหาร หลงจู๊ฟางนั่งลงแล้วฟังนางพูดก่อนสิ ความคิดเห็นของลูกค้าย่อมเป็นความจริงที่สุด ! ”

หลงจู๊ฟางแอบมุ่ยปากในใจ พวกเจ้ามาด้วยกัน ถ้อยคำของนางถ้าไม่มีคำชี้แนะและคำบอกใบ้จากเจ้า ข้าจะบิดศีรษะลงมาให้เจ้าเตะเป็นลูกบอลเลย !

อย่างไรก็ตามหลงจู๊ฟางยอมนั่งลง เขาอยากฟังเหลือเกินว่าคนพวกนี้จะเล่นลูกไม้อันใด !

หลินเว่ยเว่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “หลงจู๊ฟาง ขอพูดตามตรงว่าพอเข้ามาในร้านอาหารของท่านแล้ว ข้ามีความไม่พอใจอยู่สามประการ ! ”

แต่หลงจู๊ฟางเชื่อว่าทั้งการตกแต่งของร้าน พนักงานหรือรสชาติของอาหารก็ดีเยี่ยม ไม่อย่างนั้นคงไม่ใช่ร้านอาหารดีที่สุดในอำเภอ

“หลงจู๊ฟางอย่าเพิ่งโกรธ! ฟังข้าพูดก่อน ! ประการแรก พอเข้ามาในร้านแล้วเวลาที่รออาหารค่อนข้างนานแต่มีเพียงชาแค่หนึ่งถ้วยไว้รับรอง ลูกค้าได้เบื่อตายพอดี ! ในเวลานี้สามารถใช้พวกเมล็ดแตงโม ถั่วลิสงหรือเมล็ดคั่วชนิดต่าง ๆ ในจานขนาดเล็กและประกาศให้ลูกค้ารู้ว่านี่เป็นของขวัญจากทางร้าน

ลูกค้าสามารถกินเมล็ดแตงโมระหว่างรออาหารจานหลักและยังสัมผัสได้ถึงบริการที่คำนึงถึงใจลูกค้า เป็นธรรมดาที่จะมีความสุขขึ้นมา ท่านลองคิดตามว่าแค่เมล็ดแตงโมหรือถั่วราคาไม่กี่อีแปะสามารถแลกมาด้วยเสียงชื่นชมจากลูกค้า ท่านคิดว่าคุ้มค่าหรือไม่ ? ” หลินเว่ยเว่ยคลี่ยิ้มขณะมองอีกฝ่ายและย้อนถาม

คุ้ม! เหตุใดจะไม่คุ้ม ? เหตุใดเขาจึงคิดไม่ได้ ? หลงจู๊ฟางแอบกำหมัดในใจ

“ประการที่สองก็คือรสชาติอาหารของร้านท่านไม่เลว มีรสชาติดั้งเดิมและเข้มข้น ทว่าขาดอาหารจานเด็ดที่ดึงดูดใจลูกค้า สิ่งใดเรียกว่าอาหารจานเด็ดน่ะหรือ ? พอมีคนอยากกินอาหารจานนี้ก็ต้องนึกถึงหยวนเค่อหลายเป็นอันดับแรกไงเล่า หากินที่ร้านอื่นไม่ได้หรือจะกล่าวว่าหารสชาติสูตรดั้งเดิมเช่นนี้ไม่ได้ !

ส่วนชื่ออาหารถูกแขวนอยู่ในห้องโถง อาหารกว่าหลายสิบรายการ ไฉนเลยลูกค้าสามารถจดจำได้หมด ? ลูกค้าในห้องอาหารส่วนตัวก็เหมือนพวกเราคือเวลาสั่งอาหารเสียเวลากันจะตายใช่หรือไม่ ? ดังนั้น สิ่งที่ร้านของพวกท่านยังขาดก็คือรายการอาหาร ด้านบนต้องมีชื่ออาหารประเภทต่างๆ ที่มีบริการในวันนี้ ถ้าใส่ภาพลงไปได้ก็จะยิ่งดี ! ”

ผู้ที่สามารถทานอาหารในห้องส่วนตัวได้ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนมีฐานะทั้งสิ้น ทุกครั้งที่สั่งอาหารจำเป็นต้องถามว่ามีอะไรบ้างก็ยุ่งยากจะตาย ไม่สู้ให้พวกเขาดูเอง อยากกินอะไรก็สั่งอันนั้น สะดวกมากจริงหรือไม่ ? ”

เมื่อฟังจบหลงจู๊ฟางก็จมดิ่งสู่ความคิด รายการอาหารทำง่าย หาคนเขียนขึ้นมาแล้วเอาเชือกผูกเข้าด้วยกันก็ได้แล้ว ทว่า…

“อาหารจานเด็ดไม่ใช่เรื่องง่าย อาหารของเรานั้นพวกท่านก็กินกันแล้ว ล้วนเป็นอาหารรสดั้งเดิมของแดนเหนือทั้งสิ้นและชนะในด้านรสชาติเท่านั้น ส่วนอาหารที่มีเอกลักษณ์ในปัจจุบันอย่างกระเพาะแพะลวก ตับหมูผัด…ร้านอาหารใหม่ฝั่งตรงข้ามก็เชิญพ่อครัวมาจากเมืองหลวง นี่ไม่ใช่ข้อได้เปรียบของพวกนั้นแล้วหรือ ! ” หลงจู๊ฟางส่ายหน้าพลางถอนหายใจ

“เรื่องนี้ข้าสามารถให้คำแนะนำท่านได้ ! ” หลินเว่ยเว่ยเอนกายพิงเก้าอี้ ใบหน้าเรียบนิ่ง อีกแค่นิดเดียวก็แทบแย่งพัดของบัณฑิตหนุ่มมาประกอบท่าทางแล้ว ! ทว่านางไม่เหมาะกับการถือพัดเอาเสียเลย ! ดังนั้นนางจึงขาดความรู้สึกแบบที่พวกนักปราชญ์รู้สึกอยู่ !

หลงจู๊ฟางไม่คิดว่านางจะมีคำแนะนำดี ๆ อันใด แต่ด้วยความคิดที่อยากลองฟังเสียหน่อย เขาก็กล่าวว่า “หืม ? ข้าน้อยล้างหูรอฟังแล้วขอรับ ! ”

“อำเภอเป่าชิงมีทำเลที่ตั้งยอดเยี่ยมคือเชื่อมต่อทั้งเหนือและใต้ สามารถเรียกได้ว่าเป็นพื้นที่ซึ่งพ่อค้าแดนเหนือและใต้ห้ามพลาด คนต่างถิ่นที่เข้ามาจะอยากกินสิ่งใดที่สุด ? แน่นอนว่าต้องเป็นของพิเศษประจำท้องถิ่นเช่นอาหารดั้งเดิมของตะวันออกเฉียงเหนือ อาหารจากฟาร์ม…อาหารที่สามารถผสมผสานของพิเศษประจำท้องถิ่น เช่น เห็ดโคน เมล็ดสน เป็นต้น…”

ขณะฟังของที่นางยกตัวอย่างขึ้นมา หลงจู๊ฟางก็ล้มเลิกความคิดดูถูกแล้วถามอย่างเจียมตัว “ข้ารู้ว่าเห็ดโคนสามารถนำมาทำอาหารได้เช่นไก่ตุ๋นกับเห็ด ซี่โครงย่างกับเห็ด แต่เมล็ดสนนี้…ไม่ได้เอาไว้กินเล่นหรือ ? มันนำมาทำอาหารได้ด้วยหรือ ? ”

หลินเว่ยเว่ยแสดงสีหน้าว่าตนผ่านโลกมามาก “ย่อมได้ ! การนำเมล็ดสนมาทำอาหารก็สามารถทำให้รสชาติเข้มข้น สดใหม่มีเอกลักษณ์กว่าเดิม แค่สูตรอาหารจากเมล็ดสนที่ข้ารู้จักก็มีอยู่หลายชนิดแล้ว…”

“หืม ? มีอะไรบ้างช่วยพูดให้ข้าฟังได้หรือไม่ ? ” หลงจู๊ฟางนั่งตัวตรงทันทีและถามด้วยความกระตือรือร้น

หนิงตงเซิ่งจึงกล่าวขึ้นในเวลานี้ “หลงจู๊ฟาง นี่อาจเป็นสูตรอาหารที่สืบทอดกันมาของบ้านนาง ท่านถามเช่นนี้…จะให้ตอบอย่างไร ? ”

จริงสิ ! สำหรับพ่อค้าคนหนึ่งแล้วสูตรอาหารไม่ต่างจากเพลงกระบี่ในยุทธภพที่ล้วนไม่สืบทอดให้คนนอกตระกูล ! เขารีบร้อนถามเช่นนี้จะเสียมารยาทเกินไปแล้ว ! ใบหน้าของหลงจู๊ฟางจึงดูลำบากใจขึ้นมาทันที

หลินเว่ยเว่ยจึงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “บรรพบุรุษของบ้านเราทิ้งสูตรอาหารไว้เล่มหนึ่งจริง ๆ ตำราอาหารนี้เป็นเช่นไรน่ะหรือ ? แค่มองร้านขายขนมและผลไม้อบหนิงจี้ในปัจจุบันก็รู้แล้ว…”

หนิงตงเซิ่งก็ร่วมมือด้วยอย่างให้เกียรติ “ใช่แล้ว ขนมขายดีในร้านของพวกเรา ถ้าไม่ใช่เพราะหลินกู่เหนียงยอมขายสูตรให้ก็เพราะได้เป็นหุ้นส่วนกับหลินกู่เหนียง…นางเสนอสูตร พวกเราร้านขายขนมและผลไม้อบหนิงจี้จึงให้เงินปันผลแก่นาง…”

เรื่องเงินปันผลนั้นตัดใจดีกว่า เพราะความสัมพันธ์เบื้องหลังของหยวนเค่อหลายนี้ อย่าว่าแต่หลงจู๊ฟางจะพูดไม่ได้เลย แม้แต่เจ้าของร้านก็ไม่อาจตัดสินใจเรื่องแบ่งเงินปันผลให้คนอื่นได้เอง หลงจู๊ฟางถอยเพื่อตั้งรับและถามว่า “ไม่ทราบว่าสูตรอาหารของกู่เหนียงขายหรือไม่ ? ”

“สูตรอาหารดั้งเดิมย่อมขายไม่ได้ ข้ากลัวว่าบรรพบุรุษตระกูลหลินจะลุกขึ้นมาบีบคอ แต่ว่า…สูตรอาหารที่ใช้เมล็ดสนเป็นส่วนผสมยังสามารถขายได้ ! เนื่องจากในปีแห่งภัยแล้งเช่นนี้ หากยังอยากมีชีวิตต่อไปก็จะคิดสิ่งใดมากไม่ได้ ! บรรพบุรุษก็คงให้อภัยเช่นกัน ! ” หลินเว่ยเว่ยทำหน้าละอายใจ

มุมปากของหลินจื่อเหยียนกระตุก พี่รองก็เสียจริงเลย บรรพบุรุษตระกูลหลินมีสูตรอาหารที่ไหน ? ตอนที่บิดายังอยู่ แม้แต่ต้มโจ๊กยังไหม้ เกลือกับน้ำตาลแยกไม่ออกแล้วจะมีสูตรอาหารที่ร้ายกาจเช่นนั้นได้อย่างไร ? พี่รองเริ่มหลอกลวงชาวบ้านอีกแล้ว !

เมื่อหลงจู๊ฟางได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจทันที แต่แล้วก็จ้องนางอย่างระมัดระวัง “หืม ? กู่เหนียงยอมขายสูตรให้เราเช่นนั้นหรือ ? สามารถขายได้กี่อย่าง ? เมื่อครู่ท่านเองก็กล่าวแล้วว่าเป็นหมวดหมู่อาหารจากหลัก หากน้อยไป…ย่อมไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง ! ”

ช่างหัวการค้าเสียจริง ! หลินเว่ยเว่ยเลิกคิ้วและเมื่อหลงจู๊ฟางเห็นเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะฉีกยิ้มอย่างเขินอายราวกับคนซื่อสัตย์คนหนึ่ง เป็นอย่างที่คิดว่าไม่เจ้าเล่ห์คดโกง ไม่ใช่พ่อค้า !