ตอนที่ 100: แม่ทัพผู้ปราศจากกองทัพ

ในตอนนี้ กัปตันทีมเจ็ดก็พลันกล่าวคําพูดขึ้นมา “ผมคิดว่าผู้มาใหม่ก็ควรได้รับโอกาสนะครับ ทุกคนเองก็รู้ดีว่าเดิมที่ทีมสองเป็นยังไง แต่ถึงกระนั้น เราก็ยอมเสียทรัพยากรของทีมอื่นไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว เพราะตอนนี้ ทุกทีมต่างก็มีคดีและภารกิจของตัวเองต้องจัดการ แถมที่มห้าเองก็งานล้นมือแล้วด้วย ไหนจะแก๊งพยัคฆ์ขาว ไหนจะแก๊งมังกรฟ้า ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นการดีกว่าหากทีมห้ามุ่งเป้าไปที่แก๊งมังกรฟ้าแค่อย่างเดียว”

หรานจิงพลันตอบกลับ “ฉันไม่มีปัญหาเรื่องระงับคดีของแก๊งพยัคฆ์ขาวหรอกนะ แต่ทําไมต้องเป็นทีมสองด้วยล่ะ?”

หรานจิงพลันกวาดสายตามองกัปตันทีมคนอื่นด้วยความโกรธ เธอรู้สึกราวกับเสี่ยวเฉิงกําลังถูกล่อให้ไปตาย ด้วยเหตุนั้น หรานจิงจึงพยายามหยุดเสียวเฉิงเอาไว้เพื่อไม่ให้เขาเดินเข้าไปในกับดักของอีกฝ่าย

ทันใดนั้น กัปตันทีมสามก็พลันลูบเคราและเผยยิ้ม “ทีมอื่นเองก็คงกําลังยุ่งอยู่เหมือนกัน เพราะฉะนั้น ผมว่าตอนนี้ก็คงเหลือแค่ทีมสองแล้วแหละ”

“เราทุกคนต่างก็รู้ดีว่าทีมสองมีสภาพเป็นยังไง แต่ละทีมเองก็มีสมาชิกทั้งยี่สิบถึงสี่สิบคน และเมื่อมันจําเป็น ทีมอื่นก็ยังสามารถประสานงานกับหน่วยตํารวจพิเศษได้ แต่ทีมสองมีสมาชิกเพียงแค่สิบคนเท่านั้นเองนะคะ! ฉันคิดว่าทุกคนก็น่าจะรู้ถึงการดํารงอยู่ของแก๊งพยัคฆ์ขาวเป็นอย่างดี… ส่งเจ้าหน้าที่สิบคนไปสอบสวนคดีฟอกเงินของแก๊งพยัคฆ์ขาวเนี่ยนะ? ตลกสิ้นดี!” หรานจิงพลันตอบกลับ

“กัปตันหรานจิง… นี่คุณคิดอะไรอยู่กัน? ไม่อยากให้ทีมสองได้ทําคดีใหญ่ ๆ บ้างหรือยังไง? เราทุกคนต่างก็ มีสิ่งที่ต้องทํานะ สรุปแล้วทีมสองไม่จําเป็นต้องทําอะไรเลยหรือยังไงกัน? เราควรกระจายภารกิจและให้โอกาสพวกเขาบ้างสิ” กัปตันคนหนึ่งพลันพูดขึ้น

ผู้บังคับบัญชาพลันทุบแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะทันที ทันใดนั้น ทุกคนก็พลันเงียบกันหมด ไม่นานนัก ผู้บังคับบัญชาก็กล่าวคําพูดออกมา “พวกคุณกําลังทําบ้าอะไรอยู่กัน? ทีมสองไม่มีกัปตันหรือยังไง? พวกคุณรู้เหรอว่าเสี่ยวเฉิงต้องการอะไรก่อนที่จะตัดสินใจแทน?”

ระหว่างจ้องมองทุกคนในห้อง ผู้บังคับบัญชาก็พลันมองไปยังเสี่ยวเฉิงและถามขึ้น “คุณคิดยังไงกับเรื่องนี้ล่ะ?”

ทันทีที่เสี่ยวเฉิงกําลังจะอ้าปากตอบ หรานจิงก็พลันพูดแทรกขึ้นมา “ท่านคะ อย่างน้อยก็ปล่อยให้เขาปรับตัวเข้ากับสมาชิกในทีมก่อนดีไหม? เขายังเป็นเด็กใหม่นะคะ อีกอย่าง บางเรื่องเขาเองก็ไม่รู้เลยด้วยซ้ําว่าต้องจัดการยังไง… อีกอย่าง เขาเองก็เพิ่งได้รับตําแหน่งด้วย ท่านไม่คิดว่ามันจะเป็นการเร่งรัดไปหน่อยเหรอคะที่ปล่อยให้เสียวเฉิงจัดการกับคดียักษ์ใหญ่แบบนี้?”

ทว่า ผู้บังคับบัญชาไม่ได้สนใจคําพูดของหรานจิงเลยแม้แต่น้อย เขาหันไปหาเสี่ยวเฉิงและถามขึ้นอีกครั้ง “คุณคิดว่าไงล่ะ?”

ระหว่างที่เสี่ยวเฉิงสบตากับผู้บังคับบัญชา เขาก็พลันกล่าวคําพูดออกมา “ผมคิดว่าทีมสองจะต้องปิดคดีของแก๊งพยัคฆ์ขาวได้อย่างแน่นอนครับ”

“เสี่ยวเฉิง!” หรานจิงเริ่มรู้สึกประหม่า อันที่จริง แก๊งพยัคฆ์ขาวไม่ใช่เป้าหมายที่เสี่ยวเฉิงจะจัดการได้ง่ายเหมือนแก๊งเต่าดําเลยแม้แต่น้อย เพราะแก๊งพยัคฆ์ขาวไม่ได้ปกครองเพียงแค่ธุรกิจคาสิโนเท่านั้น แต่พวกเขายังมีบริษัทที่ถูกกฎหมายให้บริหารอีกตั้งห้าแห่งอยู่ใจกลางเมืองด้วย อีกทั้งสมาชิกในองค์กรก็มีตั้งห้าพันคน ดังนั้น แม้ว่าเสี่ยวเฉิงจะได้เป็นกัปตันในตอนนี้ แต่ทีมสองมีสมาชิกเพียงแค่สิบคนเท่านั้น พวกเขาจะไม่สามารถจัดการคดีนี้ได้อย่างแน่นอน นอกจากนี้ ทีมสองเองก็ไม่ควรค่าแก่การให้ความสนใจหรือหวาดกลัวเลยด้วยซ้ํา… ไหนจะเรื่องการล่มสลายของแก๊งเต่าดําอีก สามแก๊งที่เหลือจะต้องร่วมมือกันวางแผนฆ่าเสี่ยวเฉิงเป็นแน่!

เสี่ยวเฉิงรู้ดีว่าหรานจึงเป็นห่วงตนเองจริง ๆ แต่ทว่า เสี่ยวเฉิงเองก็คงจะไม่สามารถเมินเฉยต่อภารกิจลอบสังหารของอีกฝ่ายที่โรงพยาบาลได้ สําหรับคราวนี้ เสี่ยวเฉิงจะไม่ปล่อยให้เหตุการณ์ลอบสังหารเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สองแน่ เพราะเขาจะไปตามล่าพวกมันเอง เนื่องจากทั้งสองฝ่ายรับรู้ความตั้งใจและเป้าหมายของกันและกันแล้ว เสี่ยวเฉิงจึงไม่รังเกียจที่จะบุกเข้าไปจัดการกับอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อยไม่ว่าจะเสี่ยงขนาดไหนก็ตาม

“ผู้บังคับบัญชาครับ ผมโอเคกับเรื่องนี้ครับ”ดีมาก งั้นหลังจากนี้ ผมจะให้กัปตันหรานจึงส่งข้อมูลทั้งหมดที่หน่วยห้ารวบรวมมาได้ให้คุณเอง ทันทีที่การประชุมสิ้นสุดลง เมื่อทุกคนก็พลันเก็บเอกสารและออกจากห้องประชุมไปทีละคน ทว่า หรานจิงที่ยืนอยู่ด้านหลังก็พลันจ้องมองไปยังเสี่ยวเฉิง”นายโง่หรือเปล่า? ไม่รู้ตัวเลยหรือยังไงว่ากําลังเดินเข้าไปในกับดักของอีกฝ่ายน่ะ? คนในห้องก็แค่ต้องการจูงจมูกนาย นั่นก็เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่ต้องรู้สึกด้อยกว่า… ทั้งหมดก็เพราะนายสามารถจัดการกับแก๊งเต่าดําได้ด้วยตัวคนเดียว แต่พวกเขากลับทําอะไรแบบนั้นไม่ได้เลย”