ตอนที่ 100: แม่ทัพผู้ปราศจากกองทัพ 2

เสี่ยวเฉิงพลันเก็บของและตอบกลับอย่างใจเย็น “ฉันรู้เรื่องนั้นอยู่แล้วล่ะ เธอเองก็เคยบอกฉันมาก่อนแล้ว สิ่งที่ฉันทําก็เหมือนกับการหักหน้าทีมอื่น แต่สุดท้าย ทุกคนก็ล้วนต้องแข่งขันกันอยู่ดี อีกอย่าง มันก็คงจะเป็นเรื่องปกติแหละที่พวกเขาจะยัดเยียดอะไรแบบนั้นให้ชีวิตก็แบบนี้แหละน่า เพราะถ้าเธอเป็นคนไร้ความสามารถ ไม่ว่าจะไปที่ไหน ก็คงจะไม่มีใครเห็นหัวหรอก และถ้าเธออยากให้คนอื่นเห็นหัวเธอก็ต้องพิสูจน์ความสามารถของตัวเองให้พวกเขาเห็น”

หลังจากนั้น เสี่ยวเฉิงก็เผยยิ้มให้หรานจิง “แต่คราวนี้ ฉันตอบตกลงรับคดีไปจัดการเองก็เพื่อพิสูจน์ให้พวกเขาเห็นถึงความสามารถของฉันยังไงล่ะ!”

หรานจิงพลันถอนหายใจพร้อมกับกล่าวคําพูดอย่างเศร้าใจออกมา “งั้นนายอยากให้ฉันแบ่งคนจากหน่วยห้าไปช่วยทําคดีไหมล่ะ?”

“ไม่เป็นไรหรอก พวกเขาคือทีมของเธอ อีกอย่าง ฉันคิดว่าแก๊งมังกรฟ้าก็คงจะจัดการยากพอ ๆ กับแก๊งพยัคฆ์ขาวนั้นแหละ เพราะแบบนั้น ฉันว่าเธอเองก็ต้องใช้กําลังคนให้มากที่สุดเหมือนกัน” เสี่ยวเฉิงตอบกลับ

ทันทีที่รับรู้ว่าเสี่ยวเฉิงเด็ดเดี่ยวขนาดไหน หรานจิงก็ไม่คิดจะขัดขวางเขาอีกต่อไป เธอพาเสี่ยวเฉิงไปยังห้องทํางานหน่วยห้าพร้อมกับให้สั่งลูกน้องรวบรวมไฟล์คดีทั้งหมดของแก๊งพยัคฆ์ขาวให้กับเสี่ยวเฉิง

หลังจากนั้น เสี่ยวเฉิงก็พลันเดินกลับไปยังห้องทํางานหน่วยสองขนาดยี่สิบตารางเมตรพร้อมกับประกาศกร้าว “ทุกคนฟังทางนี้! คิดว่าตัวเองไม่อะไรทําหรือยังไงกัน? นับต่อจากนี้ไป ทีมสองของเราจะต้องจัดการกับคดีฟอกเงินของแก๊งพยัคฆ์ขาวแทน!”

ทันทีที่เสี่ยวเฉิงพูดจบ สมาชิกในทีมทุกคนก็พลันจ้องมองมายังเสี่ยวเฉิงด้วยความตกใจ

หลี่เชาว์และหวี่กังถึงกับเด้งตัวขึ้นมาจากที่นั่ง ทั้งสองจ้องมองไปยังเสี่ยวเฉิงอย่างไม่เชื่อสายตา “คุณพูดบ้าอะไรน่ะ? หน่วยเราต้องจัดการกับคดีฟอกเงินของแก๊งพยัคฆ์ขาวงั้นเหรอ?”

เสี่ยวเฉิงพยักหน้าและปรบมือ” กระตือรือร้นในการทํางานกันหน่อยพวกเรา! บอกแล้วไงว่าอย่าทําตัวไร้ค่าไร้ประโยชน์!”

ทันใดนั้น ทั้งสิบคนก็แทบจะหัวทิ่มพื้นด้วยความสลดใจ ไม่นานนัก หลี่เชาว์ก็พลันจ้องมองไปยังเสี่ยวเฉิง และตะโกนขึ้นมา “ให้พวกเรากระตือรือร้นในการทํางานเนี่ยนะ? แก๊งพยัคฆ์ขาวเป็นอะไรที่น่ากลัวมากเลยนะ แถมคุณต้องการให้สมาชิกของหน่วยสองแค่สิบคนไปตรวจสอบเนี่ยนะ? สติหลุดไปแล้วหรือเปล่า?”

เสี่ยวเฉิงพลันกระแทกเอกสารลงบนโต๊ะพร้อมกับขึ้นเสียง “ตอนแรกพวกนายบอกเองว่าไม่เคยได้รับโอกาส นี่ไง! ฉันหาโอกาสมาให้พวกนายทุกคนแล้ว อีกอย่าง พวกนายต่างก็เคยพูดเอาไว้ว่าไม่มีทีมไหนกล้าพอที่จะยกคดีให้หน่วยสองจัดการ… งั้นช่วยตอบคําถามฉันหน่อยสิ พวกนายทุกคนกล้าพอที่จะไปตรวจสอบคดีของแก๊งพยัคฆ์ขาวกับฉันไหม? เพราะถ้ากล้า ก็อยู่ต่อ แต่ถ้าปอดแหก ก็ออกไป ฉันจะย้ายคนที่ปอดแหกไปอยู่แผนกอื่นเอง”

ทว่า ทั้งสิบคนก็ไม่ได้คิดที่จะเดินออกไปในตอนนี้ นั่นเป็นเพราะทุกคนกําลังคิดถึงส่วนได้ส่วนเสียในสิ่งที่ต้องทํา แต่ถ้าให้พูดตามตรง ทั้งสิบพลันรู้ดีว่าทีมอื่นก็แค่โยนความผิดให้กับพวกเขาอีกครั้ง ทุกคนต่างรู้ดีว่าแก๊งจตุรเทพถือกําเนิดมานานแล้ว นั่นจึงเป็นเหตุผลที่อีกฝ่ายรู้วิธีหลบซ่อนอยู่ในสังคมที่ชอบด้วยกฎหมายมาอย่าง ยาวนาน ใครจะไปทิ้งหลักฐานการฟอกเงินเอาไว้เบื้องหลังเพื่อให้พวกตํารวจหาเจอกันล่ะ? นอกจากเรื่องความยากในการปิดคดีแล้ว มันยังเป็นภารกิจโคตรอันตรายอีกด้วย อีกสามแก๊งที่เหลือต่างก็เป็นพวกยากจะรับมือ

หวู่กังพลันมองไปยังเอกสารของหน่วยห้า พร้อมกับเผยใบหน้าสุดบูดบึงออกมา “ถ้ามีหลักฐานสักชิ้นหนึ่ง อย่างน้อยเราก็ยังตามรอยและตรวจสอบได้ แต่ตอนนี้ยังไม่เห็นมีความคืบหน้าอะไรเลย พวกเราจะทําอะไรได้ล่ะ? อีกอย่าง สามแก๊งที่เหลือก็บุกเข้าถึงตัวได้โคตรยาก หนึ่งก็เพราะพวกเขามีเส้นสายเป็นพวกผู้บริหารหลักในเมือง เป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะหาหลักฐานอะไรเจอ อีกทั้งหน่วยสองเองก็มีกันแค่สิบคน ผมว่าเราสู้พวกมันไม่ได้หรอกนะ คุณมีแผนอื่นหรืออะไรมาช่วยเสริมหน่อยไหมล่ะ?”

ภายใต้ความคาดหวังของทุกคน เสี่ยวเฉิงเพียงแค่พูดออกมาคําเดียว “ไม่”

ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น สมาชิกในทีมทั้งสิบคนก็แทบอยากคว้านท้องตายในทันที

หวู่กังพลันโยนเอกสารลงบนโต๊ะและเดินออกจากห้องไป

หลังจากนั้น หลี่เชาว์ก็เดินตาม พร้อมด้วยคนอื่นที่เหลือ ท้ายที่สุดแล้ว เสี่ยวเฉิงก็เป็นแค่คนเดียวเท่านั้นที่ยังคงยืนอยู่ในห้องทํางานหน่วยสอง

ทว่า ไม่นานหลังจากนั้น หรานจิงก็พลันปรากฏตัวขึ้นที่ประตู เธอพลันยืนกอดอกและถอนหายใจ “พวกเขาทุกคนต่างก็คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้”

เสี่ยวเฉิงพลันมองไปยังหรานจิงและถามขึ้น “ไปดื่มฉลองกันหน่อยไหม?”

“ฉลองอะไรกัน?” เธอถามกลับ

“วันแรกในการเป็นหัวหน้าของหน่วยสองไง… ไม่ควรค่าแก่การฉลองหน่อยเหรอ?”

หรานจิงพลันเผยยิ้มอย่างขมขื่น “เอาสิ ยังไงก็ยินดีด้วยนะสําหรับวันแรก ท่านแม่ทัพผู้ปราศจากกองทัพ!”

เสี่ยวเฉิงพลันเผยยิ้ม