ตอนที่ 280 ข้อมูลอดีตสามีของถังหลิง
ตอนที่ 280 ข้อมูลอดีตสามีของถังหลิง
“หลายปีที่ผ่านมาผู้หญิงคนนี้ไปทำอะไรอยู่ในเมืองอื่นกัน? ทำไมพอหล่อนกลับมาหลังจากที่ห่างหายจากพวกเราไปนานถึงดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคนแบบนี้?” น้ำเสียงของผู้เฒ่าเฉินเต็มไปด้วยความผิดหวัง
ถึงอย่างไรนั่นก็คือเด็กหญิงที่พวกเขาเฝ้าดูการเติบโตมาโดยตลอด ทำไมหล่อนถึงกลายเป็นคนน่ากลัวขนาดนี้หลังจากห่างหายกันไปหลายปี?
“หล่อนแต่งงานกับผู้ชายในเมืองอื่นค่ะ” ทันใดนั้นหลินเซี่ยก็โพล่งขึ้น
“ว่าไงนะ?”
ทุกคนในครอบครัวเฉินหันขวับมองเธอเป็นตาเดียว
แม้แต่เฉินเจียวั่งที่ไม่ค่อยชอบฟังอะไรก็ตามที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง ยังมองไปทางเธอ
หลินเซี่ยมองดูพวกเขาแล้วพูดต่อไปว่า “หล่อนแต่งงานกับเศรษฐีคนหนึ่งและให้กำเนิดลูกชาย ต่อมาชายคนนั้นประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนเป็นอัมพาต หล่อนจึงเริ่มเรียกร้องเงินจำนวนมหาศาลจากพวกเขา โดยข่มขู่ว่าจะพรากลูกชายของเขาไปหลังจากหย่าร้าง เพื่อที่จะรักษาสายเลือดเพียงคนเดียวไว้ พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำตามคำขอของหล่อน
“หล่อนหอบเงินจำนวนมากหนีออกมาจากครอบครัวนั้น พอกลับมาที่ไห่เฉิงอีกครั้ง หล่อนเลยกลายเป็นสาวแกร่งที่ประสบความสำเร็จในสายตาของทุกคน”
ทั่วใบหน้าของทุกคนในครอบครัวเฉินแทบจะเขียนข้อความไว้บนหน้าว่าไม่อยากจะเชื่อ
เฉินเจิ้นเจียงมีสีหน้าเคร่งเครียด “เซี่ยเซี่ย เธอไปได้ยินเรื่องนี้มาจากไหน? จะแพร่ข่าวลือเรื่องใหญ่แบบนี้ไม่ได้นะ”
“คุณพ่อ ข่าวที่ฉันไปสืบมาแม่นยำจริง ๆ ค่ะ” หลินเซี่ยหรี่ตาลงแล้วพูดอย่างเย็นชา “เพราะหล่อนพลาดการแต่งงานเป็นสะใภ้ของบ้านตระกูลเฉิน หล่อนจึงวางแผนสมคบคิดปรักปรำฉัน ฉันเองก็ปล่อยให้หล่อนควบคุมฉันไม่ได้ เป็นตายยังไงก็ต้องสู้กลับ ฉันเลยไปตรวจสอบเรื่องส่วนตัวของหล่อนอย่างละเอียดมาเรียบร้อยแล้ว”
เฉินเจียเหอมองหน้าเธอด้วยความตกใจ
ใบหน้าของชายหนุ่มเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม
ภรรยาของเขาทำงานอยู่ในร้านตัดผมตลอดทั้งวัน จะเอาเวลาที่ไหนไปสืบประวัติของถังหลิง?
ถ้าเขาจำไม่ผิด ครั้งแรกที่เธอเข้ามาที่บ้านของพวกเขา และได้ปะทะคารมกับถังหลิง ในระหว่างการสนทนา เธอหยิบยกเอาเรื่องของ ‘เพื่อน’ คนหนึ่งมาพูด จนถังหลิงร้อนตัวและวิ่งหนีไป
หรือว่าเธอรู้ข้อมูลของถังหลิงมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว?
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดข้อสงสัยขึ้นอย่างหนึ่ง ข้อบกพร่องทุกประเภทก็ผุดขึ้นตามมา โจวลี่หรงมองไปทางคุณย่าเฉินและพูดพึมพำว่า “คุณแม่คะ พอเซี่ยเซี่ยพูดแบบนี้แล้ว ฉันเลยลองนึกย้อนดู พบว่าร่างกายของถังหลิงก็ดูไม่เหมือนผู้หญิงที่ยังโสดจริง ๆ ตอนนั้นฉันยังสังเกตเลยว่าสะโพกหล่อนค่อนข้างผายกว่าที่เคยเห็นเมื่อหลายปีก่อน แต่ฉันไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้ จนกระทั่งเซี่ยเซี่ยบอกว่าหล่อนมีลูกแล้ว งั้นนี่ก็น่าจะเป็นเรื่องจริง”
คุณย่าเฉินเห็นด้วย “ใช่แล้ว พอฉันคิดถึงเรื่องนี้ หล่อนดูแตกต่างไปจากเมื่อก่อนจริง ๆ ด้วย”
ผู้เฒ่าเฉินได้ยินแบบนี้ก็คร่ำครวญด้วยความผิดหวังอีกครั้ง “เฮ้อ เหล่าถังดำรงชีวิตอย่างสัตย์ซื่อมาตลอด ลูกชายคนโตของเขาไม่เพียงทุจริตและละเมิดวินัยซึ่งส่งผลเสียหายต่อทั้งครอบครัว ตอนนี้ลูกสาวของเขายังกลายเป็นคนหน้าซื่อใจคดไปอีก ในบรรดาสมาชิกสองชั่วอายุคนของตระกูลถัง เหลือแค่ถังจวิ้นเฟิงเท่านั้นที่ยังมีคุณธรรม”
เขากล่าวอย่างเคร่งขรึมกับเฉินเจียเหอ “เจียเหอ หลานกับจวิ้นเฟิงเป็นสหายพี่น้องที่ดีต่อกัน หลานต้องคอยตักเตือนและให้คำแนะนำเขา บอกให้เขาจดจำคำสอนของปู่อยู่เสมอ ต้องสืบสานจิตวิญญาณอันซื่อสัตย์ของชายชรา อย่าได้เดินหลงทางเด็ดขาด เพราะถ้าเขาหลงเดินทางผิดเมื่อไหร่ ตระกูลถังคงถึงวาระสิ้นสุดกันคราวนี้”
เฉินเจียเหอตอบกลับว่า “ปู่ครับ จวิ้นเฟิงเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เขาเป็นคนเที่ยงตรงและไม่เห็นแก่ตัว เรื่องนี้ไม่น่าจะมีปัญหาครับ”
ผู้เฒ่าเฉินได้ยินก็แสดงท่าทีโล่งใจ “งั้นก็ดีแล้ว”
หลินเซี่ยนั่งอยู่บนโซฟา มองหู่จือที่ขลุกอยู่ในอ้อมแขนของเฉินเจียวั่งและเล่นกับเขา สภาพจิตใจของเฉินเจียวั่งดูเหมือนจะดีขึ้นกว่าเดิมมาก หลินเซี่ยจึงเดินเข้ามาหาเขาแล้วพูดว่า “อีกสองวันเจียงอวี่เฟยก็จะร่วมประกวดในรอบที่สองแล้ว หล่อนอยากชวนนายไปดูเพื่อเป็นกำลังใจให้หล่อน นายจะไปไหม?”
เฉินเจียวั่งยกเปลือกตาขึ้น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “ฉันคงไปไม่ได้”
เมื่อเฉินเจียวั่งพูดแบบนั้น ดวงตาของเขาก็หรี่เล็กลง สีหน้าพลอยมืดมนตามไปด้วย ทำให้หลินเซี่ยรู้สึกกังวลและเป็นทุกข์ เธอพูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย “เพื่อนร่วมชั้นโจวอี้จอมเจ้าเล่ห์ ผ่านมาแค่ไม่กี่วัน พลังนั้นของนายเหือดหายไปไหนหมด? อย่าเอาแต่บ่ายเบี่ยงเลย อวี่เฟยตั้งใจชวนนายไปจริง ๆ นะ ถ้านายไม่ไปหล่อนต้องเสียใจมากแน่”
“ฉันสบายดี”
หลังจากที่เฉินเจียวั่งพูดจบ เขาก็ลุกขึ้นและคิดจะหนีขึ้นไปเก็บตัวที่ชั้นบน
ทุกคนต่างก็รู้สึกได้ว่าหลังจากที่ถูกเสิ่นเสี่ยวเหมยดูถูกเหยียดหยามและด่าทออย่างรุนแรง ภาวะอารมณ์ของเฉินเจียวั่งก็กลับไปสู่สภาพเดิม
โจวลี่หรงพูดกับเฉินเจียวั่งว่า “เจียวั่ง ออกไปสนุกกับพี่สะใภ้และเพื่อนร่วมชั้นของลูกเถอะ อย่าเอาแต่อยู่บ้านตลอดเวลา”
“แม่ ผมยังมีรายงานที่ต้องทำ”
หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็ขึ้นไปชั้นบน ปิดตัวเองจากสังคมภายนอกอีกครั้ง
คุณย่าเฉินมองตามแผ่นหลังอันโดดเดี่ยวของหลานชายคนเล็ก ทันใดนั้นก็นึกถึงภาพที่เสิ่นเสี่ยวเหมยเรียกเฉินเจียวั่งว่าเป็นสัตว์ประหลาดในวันนั้นอย่างบ้าคลั่ง ทันใดนั้นหญิงชราก็โกรธมากจนตัวสั่น อดไม่ได้ที่จะสบถว่า “นังเด็กปีศาจเสิ่นเสี่ยวเหมยนั่นช่างไร้มนุษยธรรมสิ้นดี อยากรู้จริง ๆ ว่าเหล่าเสิ่นอบรมสั่งสอนหล่อนมายังไง ยายแก่อย่างฉันโอบอ้อมอารีต่อทุกคนมาตลอดทั้งชีวิต ไม่เคยพูดจาหยาบคายกับใครเลย แต่พอฉันคิดถึงหน้าเสิ่นเสี่ยวเหมย ฉันก็โกรธมากซะจนอดรนทนไม่ไหว กล้าดียังไงมาทำกับเจียวั่งของเราแบบนี้? ไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะกลับมาร่าเริงเหมือนคนทั่วไป ตอนนี้เขาก็กลับมาเป็นแบบนี้อีกแล้ว”
โจวลี่หรงมองไปที่ร่างของลูกชายคนเล็ก รู้สึกเศร้าใจไม่แพ้กัน
เฉินเจียซิ่งซึ่งนั่งอยู่ที่นั่นหน้าตาบูดบึ้งและเอาแต่เงียบงัน บรรยากาศในครอบครัวตกอยู่ในความเศร้าหมอง
ผู้เฒ่าเฉินพูดกับภรรยาของเขาว่า “เอาล่ะ หยุดพูดได้แล้ว”
หลังจากที่ทุกคนนั่งคุยกันอีกสักพักหนึ่ง สามพ่อแม่ลูกก็วางแผนว่าจะกลับไปนอนที่อาคารพักอาศัยในเขตโรงงานยานยนต์ หลินเซี่ยขึ้นไปชั้นบนเพื่อหาของบางอย่าง จนเผอิญสวนกับเฉินเจียซิ่ง
ขณะที่หลินเซี่ยกำลังจะเข้าไปในห้อง เฉินเจียซิ่งก็เรียกเธอก่อน “หลินเซี่ย รอเดี๋ยว”
หลินเซี่ยหันมองไปทางเขา
เฉินเจียซิ่งมองหน้าเธอ แล้วถามด้วยหน้าตาจริงจัง
“ที่เธอบอกว่าถังหลิงแต่งงานแล้ว เธอมีหลักฐานอะไรบ้าง?”
หลินเซี่ยผายมือออก “ฉันไม่มีหลักฐานอะไรทั้งนั้นแหละ”
“อย่าบอกนะว่าเมื่อกี้เธอแค่พูดไร้สาระโดยที่ไม่มีหลักฐาน?” เฉินเจียซิ่งกัดฟันกรอดขณะมองหน้าหลินเซี่ย เตรียมคิดคำต่อว่าไว้มากมาย
หลินเซี่ยยกริมฝีปากขึ้นเป็นรอยยิ้ม “ฉันไม่มีหลักฐานอะไรก็จริง แต่ฉันรู้ว่าหล่อนเคยแต่งงานที่เมืองไหน”
เมื่อเฉินเจียซิ่งได้ยินแบบนั้น ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายด้วยแสงสลัวราง น้ำเสียงของเขาลึกลับ “บอกฉันหน่อย”
หลินเซี่ยมองเฉินเจียซิ่งด้วยสีหน้าหวาดระแวง นัยน์ตาขยับไหวเล็กน้อย ก่อนจะมองเขาแล้วถามว่า “นายจะอยากรู้ไปทำไม?”
“บอกข้อมูลมาก็พอแล้ว” เฉินเจียซิ่งถามเธอเกี่ยวกับข้อมูลของสามีเก่าถังหลิงด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
“เฉินเจียซิ่ง นายคิดจะทำอะไรกันแน่? หรือนึกแค้นขึ้นมาเมื่อรู้ว่าถังหลิงทำให้นายต้องหย่ากับเสิ่นเสี่ยวเหมย? นายอยากเปลี่ยนใจงั้นเหรอ?”
จู่ ๆ เขาก็อยากรู้ความลับอันดำมืดของถังหลิง เป็นไปได้ไหมว่าลึก ๆ เขาอาจจะยังมีใจเข้าข้างเสิ่นเสี่ยวเหมย แล้วคิดว่าสาเหตุของเรื่องทั้งหมดเป็นฝีมือของถังหลิงแค่คนเดียว?
“ทำไมฉันต้องอยากเปลี่ยนใจ ในที่สุดฉันก็เป็นอิสระแล้ว เธอไม่รู้หรอกว่ามันรู้สึกดีแค่ไหน เรื่องอะไรฉันต้องกลับไปหาหล่อน”
ทันทีที่เขาพูดความในใจออกมาตรง ๆ หลินเซี่ยก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เฉินเจียซิ่งมองเธออีกครั้งแล้วพูดอย่างไม่อดทน “ถ้าเธอไม่ได้กุเรื่องขึ้นมา ก็ให้ข้อมูลของผู้ชายคนนั้นมาดี ๆ เถอะ”
“โอ้”
หลินเซี่ยให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี บอกเฉินเจียซิ่งถึงชื่อและที่อยู่ของอดีตสามีถังหลิงโดยสังเขป
ชาติก่อนของเธอ แม่อดีตสามีของถังหลิงพาชายพิการคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนรถเข็นพร้อมด้วยเด็กชายตัวเล็ก ๆ มาที่ไห่เฉิงเพื่อตามหาถังหลิง
ในเวลานั้นถังหลิงก็เป็นเจ้าของกิจการเหมือนกับชาตินี้ ทั้งเด็กและผู้ใหญ่สามคนแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าซอมซ่อ เดินเตร่มาเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็เจอกับร้านของถังหลิง
ผลก็คือถังหลิงปฏิเสธอย่างไม่ไยดีว่าไม่รู้จักพวกเขา ถึงกับบอกพวกเขาเป็นแค่ขอทานเสียสติที่จ้องจะแบล็กเมล์คนอื่น
ดังนั้น หญิงชราจึงเขียนชื่อและแซ่ของครอบครัวหล่อนออกมาได้อย่างถูกต้อง รวมถึงความน่าอัปยศที่เกิดขึ้นกับพวกเขา สาธยายการกระทำที่ชั่วร้ายของถังหลิงลงบนกระดาษแผ่นใหญ่ จากนั้นก็ร่อนแจกจนเกลื่อนพื้นถนน ก่อนที่ครอบครัวทั้งสามจะกลับมาที่หน้าร้านของถังหลิงอีกครั้ง และเริ่มประจานทุกคนให้รับรู้ถึงความเลวของหล่อน
ตอนนั้นเรื่องค่อนข้างใหญ่โตมากทีเดียว เนื่องจากหลินเซี่ยและเสิ่นอวี้อิ๋งทำงานร่วมกัน แล้วเสิ่นเสี่ยวเหมยก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับถังหลิง ทำให้เธอพลอยรับรู้ข้อมูลมาว่าถังหลิงแต่งงานแล้ว หลังจากสามีของหล่อนกลายเป็นอัมพาต หล่อนก็ทิ้งเขากับลูกชายทันที แล้วหอบเงินจำนวนมากหนีออกมาจากบ้านหลังนั้น ชุบตัวใหม่กลายเป็นสาวโสดผู้แข็งแกร่งในไห่เฉิง
พอเฉินเจียซิ่งได้ข้อมูลเกี่ยวกับครอบครัวของอดีตสามีถังหลิงจากหลินเซี่ยอย่างครบถ้วน เขาก็กลับเข้าห้องตัวเองไป
หลินเซี่ยมองไปยังประตูห้องที่ปิดอยู่ของเฉินเจียซิ่งอย่างนึกสาสมในใจ
ดูเหมือนว่าเฉินเจียซิ่งกำลังจะทำในสิ่งที่เธอวางแผนไว้ว่าจะทำตั้งแต่แรก
ระเบิดลูกนี้ถึงเวลาจุดแล้ว
…
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ยัยถังตายแน่ ตายแน่ยัยถัง เซี่ยเซี่ยไม่ต้องลงมือเองแล้ว มีคนอื่นรอคิดบัญชีกับหล่อนเพียบเลย
ไหหม่า(海馬)