ตอนที่ 281 ถ้าบอกไปได้ดิ้นตายแน่

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 281 ถ้าบอกไปได้ดิ้นตายแน่

ตอนที่ 281 ถ้าบอกไปได้ดิ้นตายแน่

งานวันเกิดผู้เฒ่าเซี่ยตรงกับวันเสาร์ ซึ่งหู่จือไม่ได้ไปโรงเรียน เมื่อได้ยินว่ากำลังจะได้ไปงานเลี้ยง เด็กชายก็ลุกขึ้นมาแต่งตัวตั้งแต่เช้าและกระโดดโลดเต้นไปมา ไม่ต้องพูดเลยว่าเขามีความสุขแค่ไหน

หลินเซี่ยสั่งกระเป๋าบรรจุเสื้อผ้าหรูหราเป็นพิเศษจากห้างสรรพสินค้า เพื่อใช้ใส่เสื้อตัวใหม่ที่เธอตัดเย็บให้กับผู้เฒ่าเซี่ย

ทางด้านเฉินเจียเหอและเซี่ยไห่เองก็เตรียมของขวัญอย่างพิถีพิถัน

เซี่ยไห่ขับรถพาสามพ่อแม่ลูกเฉินเจียเหอและครอบครัวเฉินไปที่บ้านผู้เฒ่าเซี่ย

ผู้เฒ่าเฉินกับผู้เฒ่าเซี่ยเป็นเพื่อนเก่ากัน ซึ่งผู้เฒ่าเซี่ยได้เชิญเขาล่วงหน้าไว้แล้ว วันนี้ผู้เฒ่าเฉินเลยมาร่วมงานด้วย

เมื่อพวกเขามาถึง ก็มีแขกมากมายจนเต็มบ้านแล้ว

ในสายตาของหลินเซี่ย ทุกคนล้วนเป็นคนรู้จัก

เดิมทีเซี่ยตงต้องการจัดงานที่โรงแรม แต่ผู้เฒ่าเซี่ยไม่เห็นด้วย ในฐานะครูที่มีลูกศิษย์มากมาย จึงต้องใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายและประหยัด เขาไม่ลืมว่าตัวเองมีลูกศิษย์อยู่ทุกหนทุกแห่ง

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงไม่อยากเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแก่ลูกศิษย์ลูกหา

ผู้เฒ่าเซี่ยปฏิเสธที่จะสร้างความยุ่งยากทั้งหมด เพราะแขกส่วนใหญ่ที่มาฉลองวันเกิดของเขาล้วนเป็นญาติและเพื่อนฝูง รวมถึงลูกศิษย์บางคนที่ยังติดต่อกับเขาเป็นประจำ

ผู้เฒ่าเซี่ยสวมชุดถังจวง นั่งอย่างสง่างามอยู่บนเก้าอี้ โดยมีเซี่ยหลานและเสิ่นอวี้อิ๋งนั่งอยู่ข้าง ๆ ฉากนี้ให้ความรู้สึกอบอุ่น บ่งบอกถึงครอบครัวที่มีความสุข

ผู้เฒ่าเสิ่นและเสิ่นเสี่ยวเหมยก็อยู่ที่นี่ด้วย

เมื่อเห็นเฉินเจียเหอและหลินเซี่ยพาหู่จือเดินเข้ามา การแสดงออกของตระกูลเสิ่นก็ดูแข็งทื่อทันที

ต่างจากตระกูลเซี่ยที่ยิ้มแย้มยินดีมากเมื่อเห็นเซี่ยไห่มาถึงหน้าประตูบ้าน เซี่ยตงทักทายเขาด้วยรอยยิ้มและสีหน้ายินดี

เซี่ยตงต้องการรับกล่องของขวัญจากมือเซี่ยไห่ แต่เซี่ยไห่กลับหลีกเลี่ยงด้วยท่าทางหยิ่งผยอง

เซี่ยตงชักมือกลับอย่างเก้อเขิน เฉินเจียเหอที่รู้งานดีจึงนำของที่ตัวเองเตรียมมายื่นให้กับมือเซี่ยตงแทน

เมื่อหลินเซี่ยเห็นเซี่ยตง จึงทักทายและเรียกเขาว่าน้า และให้หู่จือเรียกเขาว่าลุงอย่างสุภาพ

ก่อนหน้านี้เธอกลัวว่าตระกูลเสิ่นจะคิดว่าเธอไม่มีความเหมาะสม และคนอื่นจะเข้าใจผิดเกี่ยวกับตัวตนของเธอในฐานะลูกสาวของผู้อำนวยการโรงงาน จึงต้องคำเรียกตามความเคยชินของตัวเองเสียใหม่ กระทั่งกับคุณตาซึ่งเธอสนิทสนมมากที่สุด เธอก็มักจะเรียกเขาว่าผู้เฒ่าเซี่ยอย่างสุภาพและให้ความเคารพ

ตอนแรกเธอคิดจะยอมปล่อยวาง แต่ตระกูลเสิ่นกลับเอาแต่กัดไม่ยอมปล่อย ดังนั้นเธอจึงปฏิเสธที่จะยอมแพ้

วันนี้เธอจะต้องเอาคืนพวกเขาให้ตายกันไปข้าง

เมื่อหลินเซี่ยเรียกเขาว่าน้า เซี่ยตงก็ตอบรับอย่างมีความสุข

ก่อนที่เขาจะมองไปทางเฉินเจียเหอแล้วหยอกล้อว่า “นายก็ควรเรียกฉันเหมือนกับเซี่ยเซี่ยจริงไหม?”

เฉินเจียเหอ “ได้ครับน้า”

เซี่ยตงยืนโซเซทันที “…”

เมื่อเซี่ยไห่เห็นว่าเฉินเจียเหอเชื่อฟังคำพูดของอีกฝ่ายและเอ่ยปากเรียกอย่างนุ่มนวล เมื่ออยู่ต่อหน้าเซี่ยตงจะให้เรียกอย่างไรก็ได้หมด ดวงตาของเขาพลันสว่างวาบ รีบเข้ามาและพูดว่า “ฉันล่ะ แล้วฉันล่ะ”

เขาหันไปหาเฉินเจียเหออย่างคาดหวัง และพูดว่า “นายก็ควรเรียกฉันตามเซี่ยเซี่ยด้วยนะ”

เฉินเจียเหอมองเขาอย่างเฉยเมยและตอบกลับ “ไปไหนก็ไป”

เซี่ยตงมองพวกเขาสักพัก ก่อนมองไปทางเซี่ยไห่อย่างสงสัย “นายหมายความว่าไง? ให้เขาเรียกตามเซี่ยเซี่ย แล้วจะให้เขาเรียกนายว่าอะไร?”

เซี่ยไห่ยืดหลังตรงและลูบเส้นผมที่แต่งทรงด้วยเจลเงาขลับอย่างหรูหรา “ถ้าบอกไปนายได้ดิ้นตายแน่”

เซี่ยตง “อย่ามาพูดให้ปอดแหกไปหน่อยเลย”

เซี่ยไห่เพิกเฉยต่อคำพูดเขา แล้วเดินเข้าไปพร้อมกับของขวัญที่เลือกมาอย่างดี

หลินเซี่ยจับมือหู่จือและพาเดินเข้าไปหาผู้เฒ่าเซี่ยด้วยรอยยิ้ม

เมื่อผู้เฒ่าเซี่ยเห็นพวกเขา เขาก็ยิ้มแย้มแจ่มใสขึ้นมาก หลังจากทักทายเซี่ยไห่แล้วก็โบกมือให้หลินเซี่ยและหู่จือทันที “เซี่ยเซี่ย พาเด็กมานี่เร็ว”

เนื่องจากเขารู้ที่มาที่ไปของหู่จือดี ชายชราคนนี้จึงปฏิบัติต่อหู่จือดีเป็นพิเศษ มอบความเอ็นดูให้อย่างเต็มที่

การปรากฏตัวของเซี่ยเซี่ยกลายเป็นจุดสนใจของทุกคนในงานทันที

ญาติฝั่งตระกูลเสิ่นและตระกูลเซี่ยต่างเห็นการเติบโตของหลินเซี่ยมาตั้งแต่เด็ก จนตอนนี้ตัวตนของเธอเปลี่ยนไปแล้ว เธอก็ยังอุตส่าห์มาร่วมอวยพรวันเกิดให้กับผู้เฒ่าเซี่ย ถือว่ายังพอมีจิตสำนึกอยู่บ้าง

อย่างไรก็ตาม คนที่รู้เรื่องราวทั้งหมดก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปทางผู้เฒ่าเสิ่น เสิ่นเสี่ยวเหมย และคนอื่นด้วยสีหน้าแฝงนัยยะบางอย่าง

สิ่งที่เกิดขึ้นกับตระกูลเสิ่นเมื่อเร็ว ๆ นี้ ถูกเผยแพร่ออกไปภายนอกอย่างกว้างขวาง

แน่นอน เมื่อผู้เฒ่าเสิ่นเห็นหลินเซี่ย สีหน้าของเขาก็มืดมนลงทันที

หลินเซี่ยพาหู่จือเดินเข้าไปหาผู้เฒ่าเซี่ย ทั้งสองอวยพรวันเกิดให้เขาด้วยเสียงดังฟังชัด “สุขสันต์วันเกิดนะคะคุณตา ขอให้คุณมีสุขภาพแข็งแรง อายุยืนนานค่ะ”

หู่จือก็รู้ความเช่นเดียวกัน และเขาก็ไม่มีความตื่นเวทีเลย เขาพูดคำมงคลด้วยน้ำเสียงที่คมชัดว่า “คุณตา ผมขอให้คุณตามีอายุยืนยาวกว่าภูเขาทางใต้ และขอให้มีความสุขเหมือนทะเลตะวันออก”

“เฮ้ ฟังคำอวยพรของเด็กคนนี้ซิ” ผู้เฒ่าเซี่ยยิ้มกว้างพร้อมกับดึงหู่จือเข้ามาในอ้อมแขน

“คุณตา นี่เป็นเสื้อผ้าที่ฉันตั้งใจตัดให้โดยเฉพาะเลยค่ะ ฉันรู้ว่าคุณตาชอบใส่ชุดถังจวง เลยตัดชุดตามไซส์ก่อนหน้านี้ของคุณตา”

หลินเซี่ยหยิบเสื้อถังจวงสีน้ำเงินกรมท่าที่ตัดเองออกมาจากกระเป๋า

เมื่อผู้เฒ่าเซี่ยได้ยินว่าหลินเซี่ยตัดชุดด้วยตัวเอง จึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า

“มา ฉันขอลองใส่หน่อย”

เขาไม่รีรอ รับเสื้อมาแล้วนำมาลองสวมทับเสื้อถังจวงที่ตัวเองสวมอยู่แล้ว

จากนั้นก็ลองยกแขนขึ้นแล้วหมุนตัวกลับไปกลับมา

“ไม่เลวเลย พอดีตัวฉันมาก”

เขามองไปยังหลินเซี่ยด้วยความชื่นชมและเหลือเชื่อ “แม่สาวน้อยคนนี้ เธอเก่งมากจริง ๆ ทำไมฉันถึงไม่เคยรู้มาก่อนว่าเธอมีความสามารถขนาดนี้?”

แตงขมลูกนี้กลับกลายเป็นแตงหวานตั้งแต่เธอออกไปจากตระกูลเสิ่น

เซี่ยหลานและเสิ่นอวี้อิ๋งยืนอยู่ข้างหลังผู้เฒ่าเซี่ย เซี่ยหลานรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นเสื้อฝีมือประณีตที่หลินเซี่ยลงมือตัดเย็บด้วยตัวเอง

ส่วนเสิ่นอวี้อิ๋งกัดริมฝีปาก ร่องรอยของความอิจฉาแวบขึ้นมาในแววตา

พ่อแม่ของหล่อนเอาแต่บอกว่าพวกเขาไม่เคยสอนเรื่องอะไรพวกนี้ให้หลินเซี่ย ถ้าไม่ได้สอน แล้วหล่อนจะมีความสามารถขนาดนี้ได้อย่างไร?

หลินเซี่ยแสดงความโล่งใจเมื่อเห็นว่าเสื้อตัวนี้เข้ากับผู้เฒ่าเซี่ยได้อย่างพอดี

หลินเซี่ยมองผู้เฒ่าเซี่ย ยิ้มแล้วพูดว่า “คุณตา ฉันเปลี่ยนแปลงตัวเองหลังจากแต่งงานค่ะ เป็นเพราะเฉินเจียเหอคอยสอนอะไรให้ฉันมากมาย ตอนนี้ถึงได้มีทักษะรอบด้านไม่เหมือนเมื่อก่อน”

“ฉันจะใส่เสื้อที่เธอเอามาให้เดี๋ยวนี้เลย ฉันชอบใส่ชุดพวกนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว” ผู้เฒ่าเซี่ยลุกขึ้น เดินเข้าไปในบ้านเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า

ทุกคนเห็นว่าผู้เฒ่าเซี่ยชื่นชมหลินเซี่ยอย่างออกหน้าออกตา ถึงขั้นอดใจรอไม่ไหวที่จะสวมเสื้อผ้าที่เธอตัดให้เองกับมือ แววตาของพวกเขาจึงเต็มไปด้วยความสงสัยเมื่อมองไปทางหลินเซี่ย

ทันทีที่ผู้เฒ่าเซี่ยออกไป หลินเซี่ยก็เข้าไปทักทายเซี่ยหลาน แน่นอนว่าวันนี้เธอไม่ได้เรียกเซี่ยหลานว่าหมอเซี่ย แต่เรียกว่า…

“แม่คะ”

เซี่ยหลานตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่ยังคงตอบกลับ “อืม”

หลังจากหลินเซี่ยทักทาย เธอก็เหลือบมองไปทางเสิ่นอวี้อิ๋งราวกับกำลังยั่วยุ

เสิ่นอวี้อิ๋งรักษาท่าทางเป็นดอกบัวขาวแสนบริสุทธิ์และไม่เป็นพิษเป็นกับใครมาโดยตลอด ท่ามกลางสถานการณ์น่าอึดอัดนี้ ต่อให้หล่อนจะไม่มีความสุขแค่ไหน แต่ก็ยังต้องรักษาบุคลิกใจกว้างเอาไว้

หล่อนมองไปทางเสิ่นเสี่ยวเหมยด้วยสีหน้าชวนน่าสงสาร ราวกับจะร้องไห้

แน่นอนว่าเสิ่นเสี่ยวเหมยทนไม่ได้ที่หลานสาวถูกรังแก จึงพูดออกไปว่า “นังคนไร้ยางอาย”

หลินเซี่ยหัวเราะเบา ๆ “ฉันน่ะเหรอไร้ยางอาย? ฉันไร้ยางอายยังไงมิทราบ? เพราะฉันเปิดโปงเรื่องที่เธอเข้าใจผิดว่าเลือดประจำเดือนเป็นเลือดแท้งงั้นเหรอ? หรือเพราะตัวเองถูกครอบครัวสามีถีบหัวส่ง? หรือเป็นเพราะผู้อำนวยการโรงงานลูกพี่ลูกน้องของเธอดันไปกร่างวางอำนาจใส่ชาวบ้าน จนคนในโรงงานไม่พอใจ แล้วเธอก็ถูกไล่ออกหรือเปล่า?”

“แก…”

หลินเซี่ยพูดจาเฉียบคม จนเสิ่นเสี่ยวเหมยไม่มีทางโต้แย้งได้สักประโยค

ท้ายสุดแล้ว ทุกประโยคของหลินเซี่ยล้วนถูกต้องตามจริงทุกอย่าง ทำให้หล่อนไม่สามารถงัดอะไรมาเถียงได้

แขกบางคนเริ่มกระซิบกระซาบเกี่ยวกับเรื่องตั้งท้องจอมปลอมของเสิ่นเสี่ยวเหมยกันแล้ว

ผู้เฒ่าเสิ่นไม่สามารถนิ่งเฉยได้ กลัวว่าหลินเซี่ยจะพูดสิ่งที่ทำให้หลานเสียหน้าอีกครั้ง จึงตำหนิไปว่า “นังเด็กเลว อย่ามาทำตัวก้าวร้าวแถวนี้นะ คนอย่างเธอมันไม่มีการศึกษาด้วยซ้ำ”

“แล้วเสิ่นเสี่ยวเหมยมีการศึกษาดีไปกว่าฉันตรงไหน?” หลินเซี่ยเยาะเย้ย “ผู้เฒ่าเสิ่นคะ ฉันรู้ดีว่าหล่อนเป็นหลานสาวคุณ แต่คนที่ไม่รู้จักคงคิดว่าหล่อนเป็นลูกสาวนอกสมรสของคุณมากกว่า คุณเลี้ยงดูหล่อนมาโดยที่ไม่รู้จักสั่งสอนให้แยกแยะผิดชอบชั่วดี แถมตอนนี้คุณก็ยังปกป้องหล่อนอย่างไร้สมองอีก กลัวว่าหล่อนจะไม่เป็นภาระของสังคมหรือไง? หรือคุณมีความคับแค้นอะไรส่วนตัวกับพ่อแม่ของเสิ่นเสี่ยวเหมยกันแน่?”

“นังปีศาจ ขืนยังพูดเรื่องไร้สาระอีก ฉันจะทุบเธอให้ตายเดี๋ยวนี้แหละ” ผู้เฒ่าเสิ่นยกไม้เท้าขึ้นสูง

เซี่ยไห่และเฉินเจียเหอเดินออกมาปกป้องข้างหน้าเธอพร้อมกัน

แม้แต่เด็กน้อยอย่างหู่จือยังยืนเชิดอก เงยหน้าเล็ก ๆ ขึ้นแล้วพูดด้วยความโกรธ “คุณตาไม่มีสิทธิ์มาทำร้ายแม่ของผมนะ”

สีหน้าของผู้เฒ่าเสิ่นซีดเผือด จากนั้นเขาก็ได้แต่ด่าทอสาปแช่งอีกฝ่าย จนผู้เฒ่าเซี่ยเดินออกมาพอดี

ผู้เฒ่าเซี่ยสวมชุดถังจวงตัวใหม่ แม้เขาจะอายุเจ็ดสิบปีแล้ว แต่ยังมีรูปร่างสมส่วน และมีความสง่างามในแบบฉบับของนักวิชาการ ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าเต็มตื้นยินดี

ผู้เฒ่าเสิ่นไม่มีทางเลือกนอกจากต้องกลั้นหายใจไว้เฮือกใหญ่

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

เซี่ยเซี่ยก็ช่างปั่นไม่แพ้กันนะเนี่ย แถมปั่นได้ถูกจุดด้วย ทำเอาพวกตระกูลเสิ่นเต้นผางกันหมด

ไหหม่า(海馬)