บทที่ 267 กาต้มน้ำ

พลิกชะตาหมอยา

พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว บทที่ 267 กาต้มน้ำ

เฟิ่งชิงหัวนั่งอยู่ข้าง ๆ จ้านเป่ยเซียว ถึงแม้ทั้งสองจะไม่ได้สัมผัสถูกอีกฝ่าย แต่ก็ยังรู้สึกใกล้ชิดกันเป็นอย่างยิ่ง ช่างไม่เหมือนกับความรู้สึกเดิมเลยสักนิด เขาควรจะอยู่ให้ห่างจากนาง และแทบไม่อยากเห็นนางถึงจะถูก

“ท่านอ๋อง ที่นั่งของท่านไม่ได้อยู่ตรงนี้ ทำเช่นนี้ดูจะไม่เหมาะสมนัก” เฟิ่งชิงหัวพูดด้วยท่าทีเย็นชาอย่างยิ่ง

ทว่า ยังไม่ทันที่จ้านเป่ยเซียวจะเอ่ยปากพูด เฟิ่งชิงหัวก็ถูกองค์หญิงเหออานตบเข้าที่ด้านหลังทันที จนร่างกายของนางกระเด็นไปด้านหน้า และพาดตัวอยู่บนโต๊ะเล็ก

องค์หญิงเหออานพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ต่อความไม่เอาถ่าน : “พี่ซีหลัน ทุกคนต่างรู้จักนิสัยของท่านดี ครั้งแรกที่ท่านพบหน้ากับท่านพี่เจ็ด ก็กล้าขอแต่งงานต่อหน้าพระชายาของเขากับบรรดาขุนนางทั้งฝ่ายทหารและพลเรือนแล้ว ตอนนี้ยังจะมัวเหนียมอายอะไรอีก ไม่ง่ายเลยที่ท่านพี่เจ็ดจะยอมนั่งเป็นเพื่อนท่านเพื่อข้า ท่านจะต้องคว้าโอกาสนี้ไว้ให้ได้นะ !”

เฟิ่งชิงหัวอยากจะอธิบาย ว่านางไม่ใช่คนประเภทนั้นจริง ๆ และนางก็ไม่ต้องการโอกาสในครั้งนี้จริง ๆ แต่ทว่า ขณะที่เพิ่งจะอ้าปาก องค์หญิงเหออานก็พูดขึ้นว่า : “ได้ ๆ ๆ ข้ารู้แล้วว่าท่านกำลังคิดอะไรอยู่ ครั้งนี้คิดจะเปลี่ยนไปเดินในเส้นทางของกุลสตรีดูบ้างใช่ไหมล่ะ ? ก็ได้ ๆ ถ้าเช่นนั้นท่านก็จนสงวนท่าทีต่อไป ข้าขอตัวก่อนนะ ไม่รบกวนแล้ว”

พูดจบ องค์หญิงเหอหนานก็เดินกลับไปยังที่นั่งของตนเองพร้อมกับรอยยิ้มที่ประสบความสำเร็จ

เฟิ่งชิงหัวหันมองไปรอบด้าน

เดิมทีรอบด้านมีกระถางดอกไม้คอยปกคลุมอยู่โดยรอบ ทำให้ผู้คนที่นั่งอยู่ในที่ไกล ๆ ไม่อาจมองเห็นพวกเขาได้ แต่เป็นเพราะเสียงตะโกนดังลั่นขององค์หญิงเหออานเมื่อครู่ ทำให้ตอนนี้ทุกคนต่างยืนขึ้นมา และแสร้งทำเป็นพูดคุยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกัน แต่สายตากลับมองตรงมาที่นางกับจ้านเป่ยเซียวอย่างไม่วางตา

ดวงตาทั้งสองข้างของเฟิ่งชิงหัวมองตรงไปด้านหน้า ปากแทบจะไม่ขยับ แต่กลับส่งเสียงออกมาจากลำคอ : “ท่านรีบกลับไปนั่งที่ของตนเองเร็วเข้าสิ”

จ้านเป่ยเซียวนั่งตัวตรงอย่างสง่างามอยู่ภายใต้หน้ากาก โดยไม่หันมองนางแม้แต่น้อย ทำราวกับว่าไม่ได้ยินในสิ่งที่นางพูด

เสียงของเฟิ่งชิงหัวดังขึ้นอีกเล็กน้อย : “ตอนนี้ฐานะของข้าคือองค์หญิงซีหลัน ท่านอย่าเข้าใกล้ข้าขนาดนี้สิ ถึงตอนนั้นหากเสด็จพ่อของท่านสังเกตเห็นเข้าแล้วมีพระราชโองการให้เราสองคนแต่งงานกันจะทำเช่นไร ?”

เฟิ่งชิงหัวยิ่งคิดก็ยิ่งกลัว นางไม่อยากจะคืนไหมสวรรค์ที่คว้ามาอยู่ในมือได้แล้วกลับไปหรอกนะ ดังนั้นนางจึงหันหน้าไป แล้วหรี่ตาที่ดูเต็มไปด้วยอันตรายพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ท่านหูหนวกหรืออย่างไร ?”

ด้วยเหตุนี้จ้านเป่ยเซียวจึงได้หันหน้ามองนาง : “มีอะไร ?”

“เมื่อครู่สิ่งที่ข้าพูดท่านไม่ได้ยินหรืออย่างไร ?”

“เมื่อครู่เจ้าพูดกับข้าอย่างนั้นหรือ ? ทำไมข้าไม่เห็นรู้เรื่องเลย” จ้านเป่ยเซียวแสร้งทำไม่รู้ไม่ชี้

คนผู้นี้ คงเป็นศัตรูตัวฉกาจที่สวรรค์ส่งลงมาจริง ๆ !

มือทั้งสองข้างของเฟิ่งชิงหัวกำหมัดขึ้นมาแน่น อยู่ในท่าทางที่พร้อมจะระเบิดเพราะหมดความอดทน แต่ทว่า ภายใต้สายตาของผู้คนที่กำลังหันมองมาจากที่ไกล ๆ กลับกลายเป็นว่า องค์หญิงซีหลันไม่อาจสงวนท่าทางของกุลสตรีก่อนหน้านี้เอาไว้ได้อีกแล้ว เมื่อพบกับคนที่ตนเองรู้สึกชอบพออยู่ ก็อยากกระโจนเข้าใส่อย่างบ้าคลั่งในทันที

บรรดาขุนนางต่างซุบซิบนินทากันว่า : “องค์หญิงซีหลันผู้นี้คลั่งไคล้ในตัวอ๋องเจ็ดขนาดไหนกัน บทเรียนที่ได้รับในครั้งก่อนยังไม่เพียงพออีกหรือ ?”

“คงเคยเห็นหน้าตาของท่านอ๋องในสมัยก่อนกระมัง อย่างไรเสียท่านอ๋องเจ็ดก็เคยเป็นบุรุษรูปงามแห่งเทียนหลิงของเรานะ”

“ตอนนี้คนที่ข้านึกเป็นห่วงก็คือองค์หญิงซีหลัน ตอนนี้นางพึ่งพาองค์หญิงเหอหนาน จึงสามารถใกล้ชิดกับอ๋องเจ็ดเช่นนี้ได้ แต่ถ้าหากนางกล้าถึงเนื้อถึงตัวกับท่านอ๋องแล้วละก็ เกรงว่าครั้งนี้คงได้ลอยกระเด็นออกไปอย่างง่ายดายแน่นอน”

“ท่านอ๋องเจ็ดคงไม่โกรธถึงขั้นบีบคอนางจนตายหรอกนะ ?”

“เป็นไปได้อย่างมาก”

“เฮ้อ มีชีวิตอยู่ไม่ดีหรืออย่างไร ? ถึงต้องท้าทายในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เช่นนั้น”

“พวกท่านรีบดูเร็วเข้า นางรนหาที่ตายด้วยการพูดคุยกับท่านอ๋องเจ็ดอีกแล้ว”

“ที่แท้ท่าทางของกุลสตรีล้วนเป็นเรื่องเสแสร้งทั้งนั้น”

ครั้งนี้เฟิ่งชิงหัวกำหมัดแน่นแล้วกวัดแกว่งไปมาต่อหน้าจ้านเป่ยเซียว : “จ้านเป่ยเซียว จะให้โอกาสท่านหนึ่งครั้ง ลุกขึ้น แล้วกลับไปยังที่นั่งของท่านเสีย”

จ้านเป่ยเซียวเลิกคิ้ว : “ท่าทางของเจ้าเช่นนี้ เหมือนกับอะไรบางอย่างเสียจริง ๆ”

“อะไร ?”

“กาต้มน้ำร้อนที่อยู่บนเตา” จ้านเป่ยเซียวพูดอธิบายอย่างสงบนิ่ง

เฟิ่งชิงหัวลุกขึ้นดัง “ฟึบ” จ้องมองจ้านเป่ยเซียวตาเขม็ง แล้วชี้นิ้วไปที่เขา จากนั้นจึงพูดขึ้นว่า : “ท่านลองพูดมาอีกทีซิ !”

“ดูสิ ๆ เห็นชัด ๆ ว่าถูกปฏิเสธความรักเสียแล้ว”

“หัวใจของท่านอ๋องเจ็ดทำมาจากก้อนหิน จะไปสนใจเรื่องรักใคร่ระหว่างหญิงชายได้อย่างไร ที่วันนี้ไม่ลงไม้ลงมือกับนางก็เป็นเพราะเห็นแก่หน้าขององค์หญิงเหออานเท่านั้น”

องค์หญิงเหออานที่นั่งอยู่อีกทางด้านหนึ่ง ก็มองเห็นจากที่ไกล ๆ แล้ว จึงรู้สึกร้อนใจเป็นอย่างยิ่ง

องค์หญิงซีหลันผู้นี้ใจร้อนเกินไปแล้ว นี่เพิ่งจะนั่งลง ไม่ควรค่อย ๆ พัฒนาความสัมพันธ์หรอกหรือ ต้องการจะให้ท่านพี่เจ็ดเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อนางไม่ใช่หรือ ทำไมเผลอแป๊บเดียวก็สารภาพรักอีกแล้วล่ะ

จ้านเป่ยเซียวเงยหน้าขึ้น จ้องมองนิ้วมือเรียวยาวของเฟิ่งชิงหัว จากนั้นจึงหันสายตาจากนิ้วมือของนางไปยังดวงตาคู่นั้น แล้วแสยะยิ้มออกมาเล็กน้อยพลางพูดว่า : “ดูสิ เดือดแล้ว”

สมองของเฟิ่งชิงหัวระเบิดทันที จึงกระโจนเข้าใส่จ้านเป่ยเซียวโดยตรง

มารยาทอะไรกัน สงวนท่าทีอะไรกัน จงไปตายเสียเถอะ หากนางทุบตีจ้านเป่ยเซียวอย่างเปิดเผยที่นี่สักครั้ง เช่นนี้คงไม่มีใครคิดว่าองค์หญิงซีหลันอยากแต่งงานกับจ้านเป่ยเซียวอีกแล้ว ยอมเหนื่อยครั้งเดียวจะได้สบายไปตลอด และได้ถือโอกาสระบายความแค้นไปในตัวอีกด้วย

แต่ทว่า ร่างกายของนางยังไม่ทันจะได้กระโจนเข้าไป ก็ถูกคนเข้ามากอดเอาไว้แน่นกลางอากาศทางเสียก่อน

คนที่วิ่งเข้ามาก็คือเหออาน

“พี่ซีหลัน ท่านอย่าทำเช่นนี้สิ ! นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกปฏิเสธเสียหน่อย ท่านอย่าได้รู้สึกโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเช่นนี้ !” องค์หญิงเหออานตะโกนเสียงดัง

“เหออาน เจ้าปล่อยข้านะ เขาปากเสียเกินไปแล้ว ข้าจะชกเข้า !” หมัดทั้งสองข้างของเฟิ่งชิงหัวกวัดแกว่งอยู่กลางอากาศ แรงลมจากหมัดปะทะเข้ากับหน้ากากของจ้านเป่ยเซียว กวาดผ่านขนตาของเขาไป

แววตาของจ้านเป่ยเซียวแฝงไปด้วยความไร้เดียงสา : “ข้าพูดอะไรผิดไป ?”

ขณะที่พูดอยู่นั้น ก็ยกมือขึ้นเท้าคาง มองดูท่าทางของนางในตอนนี้ ด้วยท่าทีไม่รู้ไม่ชี้

“ท่านต่างหากที่เหมือนกับกาต้มน้ำ ! คนในตระกูลของท่านทุกคนล้วนเหมือนกาต้มน้ำ !” เฟิ่งชิงหัวก่นด่าออกมา ตอนนนี้ในหัวของนางปรากฏภาพกาต้มน้ำที่เป็นสนิม และมีควันสีขาวพวยพุ่งออกมาไม่หยุด

กล่าวว่านางนั้นอัปลักษณ์ก็ไม่เป็นไร แต่ห้ามพูดว่านางเหมือนกาต้มน้ำเด็ดขาด !

“ตระกูลของข้าทั้งตระกูล ? หรือไม่ได้หมายรวมถึง” ยังไม่ทันจะพูดคำว่าเจ้าออกมา เฟิ่งชิงหัวก็ตะโกนออกมาเสียงดังทันที : “หุบปาก !”

องค์หญิงเหออานยืนพูดอยู่ข้าง ๆ ว่า : “พี่ซีหลัน ท่านอย่าด่วนเคียดแค้นเพราะความรักเช่นนี้เลย ข้าจะบอกท่านให้นะ ท่านพี่เจ็ดของข้าผู้นี้ปากแข็งแต่ใจอ่อน ไม่แน่ว่าปากอาจพูดว่าท่านไม่ดี แต่ที่จริงในใจอาจรู้สึกชอบท่านมากก็ได้ ? มิเช่นนั้นท่านต่อว่าเขาเช่นนี้ เขาคงจะตัดลิ้นท่านไปนานแล้ว”

เมื่อองค์หญิงเหออานพูดคำพูดนี้จบ ก็รู้สึกตะขิดตะขวงใจอยู่ไม่น้อย และไม่กล้าแม้แต่จะหันมองทั้งสองคน

แต่ทว่า จ้านเป่ยเซียวกับเฟิ่งชิงหัวต่างหน้าถอดสี และตะโกนใส่เหออานเสียงดังว่า

“ใครชอบนางกัน ?”

“ใครชอบเขากัน !”

“เอ่อ อันที่จริงข้าก็แค่พูดออกไปส่ง ๆ เพื่อต้องการปลอบใจเพียงเท่านั้น พวกท่านไม่เห็นต้องตอบโต้อย่างรุนแรงเช่นนี้เลย” องค์หญิงเหออานพูดขึ้นด้วยความอึดอัด

จ้านเป่ยเซียวกลับกวาดสายตามองไปยังเฟิ่งชิงหัวที่กำลังหลบตา เม้มปากเล็กน้อย และไม่หันมองเขาอีก

ส่วนเฟิ่งชิงหัวกลับหันไปพูดกับองค์หญิงเหออานว่า : “องค์หญิง ท่านเองก็เห็นแล้วว่า เขาไม่มีความรู้สึกใดต่อข้า ข้าเองก็ไม่มีความรู้สึกใดต่อเขา ต่อไปไม่ต้องพยายามจับคู่ให้เราทั้งสองแล้ว ต่อให้ข้าต้องแต่งงานกับหมูกับสุนัข ก็ไม่มีวันแต่งงานกับเขาเด็ดขาด !”

องค์หญิงเหออานพูดขึ้นเบา ๆ ว่า : “ข้ารู้ว่าตอนนี้ท่านรู้สึกผิดหวังกับท่านพี่เจ็ดของข้ามาก แต่ท่านจะสาปแช่งตนเองเช่นนี้ไม่ได้นะ”

“ข้า ? สาปแช่งตนเอง ? เมื่อไหร่กัน ?” เฟิ่งชิงหัวรู้สึกแปลกใจ นางกำลังแสดงความมุ่งมั่นอยู่ไม่ใช่หรือ ?