บทที่ 266 แจ้งเกิดนักแสดง

พลิกชะตาหมอยา

พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว บทที่ 266 แจ้งเกิดนักแสดง

เหลียนซินพูดขึ้นด้วยความลังเล : “เช่นนั้น ทำไมพระองค์ถึงไม่ทรงสังหารหม่อมฉัน ไม่กลัวว่าข้าจะเล่าทุกอย่างให้องค์ชายใหญ่ฟังหรือ ?”

“ทุกอย่างอะไรกัน ? เจ้าไม่ได้รู้ฐานะของข้าเสียหน่อย อย่างมากเจ้าก็รู้เพียงว่าข้ามีความเกี่ยวข้องกับหมอเทวดา อีกทั้งข้าดูคนออกอย่างแม่นยำ เจ้าเป็นคนฉลาด รู้จักการเอาตัวรอดเป็นยอดดี ข้าไม่เคยมาที่นี่ และเจ้าเองก็ไม่รู้จักข้า”

เหลียนซินเป็นหญิงสาวที่ฉลาดเฉลียวจริง ๆ เมื่อได้ยินเช่นนี้ก็รีบคารวะแล้วพูดว่า : “สองวันมานี้หม่อมฉันอยู่ข้างกายองค์หญิงตลอดเวลา ไม่พบความผิดปกติใด ๆ เลยสักนิด”

เฟิ่งชิงหัวพยักหน้า : “เช่นนั้นก็ไปเถอะ งานเลี้ยงกำลังจะเริ่มแล้ว อีกเดี๋ยวคนและเรื่องที่มีความเกี่ยวข้องกับองค์หญิงซีหลัน ให้เจ้าแอบบอกข้า จะได้ไม่เกิดข้อผิดพลาดขึ้น”

“เพคะ” เหลียนซินขานรับ

งานเลี้ยงครั้งนี้เป็นงานเลี้ยงกลางแจ้ง โดยจัดขึ้นภายในสวนเฉาฮั๋ว

เนื่องจากเป็นช่วงที่ดอกไม้ผลิดอก ที่นั่งในงานเลี้ยงทั้งหมด ใช้กระถางดอกไม้ในการจัดแบ่งเป็นชั้น ๆ แต่ละแถวถูกจัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ เมื่อมองจากที่ไกล ๆ ราวกับยืนอยู่ท่ามกลางหมู่ดอกไม้

เฟิ่งชิงหัวมองหาที่นั่งของตนเองแล้วนั่งลง ท่าทางของนางดูเรียบร้อยเป็นอย่างยิ่ง

เพิ่งจะนั่งลงได้ไม่นานนัก ก็มีคนวิ่งเข้ามาจากด้านนอกตำหนักใหญ่ คนผู้นั้นคือองค์หญิงเหออาน นางวิ่งตรงเข้ามาอยู่ข้าง ๆ เฟิ่งชิงหัวอย่างร่าเริง

“พี่ซีหลัน” องค์หญิงเหออานวิ่งตรงเข้ามาอย่างสนิทสนมเป็นพิเศษและคล้องแขนเฟิ่งชิงหัวเอาไว้ ทำให้นางรู้สึกทำตัวไม่ถูก

อย่างไรเสีย เหออานผู้นี่ก็สร้างความวุ่นวายให้กับนางไม่น้อย จนทำให้นางต้องรู้สึกปวดหัวอยู่เรื่อย

แต่ตอนนี้เมื่อยังอยู่ในฐานะของซีหลัน นางจึงต้องจำใจฝืนยิ้มออกมาโดยไม่มีทางเลือก : “องค์หญิงมาแล้วหรือ”

เมื่อองค์หญิงเหออานได้ยินดังนั้นสีหน้าของนางกลับแข็งทื่อ

เฟิ่งชิงหัวสังเกตเห็นถึงความผิดปกติทางอารมณ์ของนางได้ในทันที ในสมองจึงคิดหาวิธีแก้ไขสถานการณ์ แต่ยังไม่ทันคิดออกว่าจะเอาใจองค์หญิงตัวร้ายผู้นี้อย่างไรดี กลับเห็นองค์หญิงเหออานมีดวงตาแดงก่ำ และแสดงสีหน้าเหมือนกำลังจะร้องไห้ออกมา

“องค์หญิง ท่านเป็นอะไรไป ท่านมีเรื่องใดรีบบอกข้าเร็วเข้า อย่าร้องไห้เช่นนี้สิ”

องค์หญิงเหออานพูดอย่างทุกข์ใจ : “พี่ซีหลัน ท่านยังนึกโทษข้าอยู่ในใจใช่หรือไม่ โทษที่ข้ารู้ทั้งรู้ว่าท่านชอบพอท่านพี่เจ็ดของข้า แต่กลับยังสนิทสนมกับเจียงหยูหวันเช่นนั้น”

“เปล่านะ เจ้าอย่าคิดมากสิ”

“พี่ซีหลัน ข้าสำนึกผิดแล้ว ข้าคิดไม่ถึงเลยว่า เจียงหยูหวันจะเป็นคนเช่นนั้น นางกล้าเหยียบเรือสองแคม หลอกลวงความรู้สึกของพี่ชายทั้งสองของข้า ซ้ำยังหลอกใช้ข้าเพื่อให้บรรลุเป้าหมายอีก ช่างเลวทรามต่ำช้าเสียจริง ๆ”

“ข้าไม่ได้ถือสาเลยสักนิด เจ้าอย่าคิดมากเลยนะ”

“พี่ซีหลัน ข้าไตร่ตรองดีแล้ว ต่อไปท่านจะเป็นสนิทที่สุดของข้า ข้าจะต้องช่วยเหลือท่านอย่างแน่นอน ให้ท่านกับท่านพี่เจ็ดได้อยู่ร่วมกันอย่างราบรื่น คนอย่างท่านพี่เจ็ดของข้า มีเพียงท่านคนเดียวเท่านั้นที่คู่ควร” เหออานให้คำมั่นอย่างจริงใจ

รอยยิ้มของเฟิ่งชิงหัวหยุดชะงักทันที : “ไม่ต้องหรอกนะ ข้าคิดได้แล้วว่า ท่านพี่เจ็ดของเจ้ามีพระชายาแล้ว ข้าจึงไม่อยากเข้าไปแทรกกลาง”

เฟิ่งชิงหัวยังไม่ทันจะพูดจบ เหลียนซินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็กระแอมเบา ๆ เพื่อเตือนนาง

หางตาของเฟิ่งชิงหัวเหลือบไปเห็นว่า องค์ชายใหญ่กำลังเดินตรงเข้ามาหาพวกนาง จึงจำต้องกลืนคำพูดประโยคหลังกลับลงไป แล้วเปลี่ยนคำพูดเป็นว่า : “ข้าไม่มีทางยอมแพ้แน่นอน !”

องค์หญิงเหออานกุมมือของนางเอาไว้ พร้อมพยักหน้าแล้วพูดว่า : “อืม ท่านวางใจเถอะ ท่านจะต้องกลายเป็นพี่สะใภ้เจ็ดของข้าอย่างแน่นอน ข้าเชื่อมั่นในตัวท่าน !”

เฟิ่งชิงหัวทำได้เพียงพยักหน้า มองเห็นองค์ชายใหญ่เดินอ้อมพวกนางไป ถึงได้รู้สึกโล่งใจขึ้นมา

“องค์หญิง พวกเรานั่งลงเถอะ ยืนอยู่เช่นนี้คงเหนื่อยแย่”

องค์หญิงเหออานหันมองที่นั่งของตนเอง จากนั้นจึงมุ่ยปากแล้วพูดว่า : “ที่นั่งของเราสองคนห่างกันเกินไปแล้ว อีกเดี๋ยวหากข้าอยากพูดคุยกับท่านจะทำเช่นไร ?”

เช่นนั้นก็ดีนะสิ นางไม่อยากพูดคุยกับองค์หญิงที่ทั้งเอาแต่ใจตนเองและจิตใจอ่อนไหวผู้นี้เลยสักนิด

เฟิ่งชิงหัวนึกรังเกียจอยู่ในใจ แต่ต้องปั้นหน้าแสดงความเสียดายแล้วพูดว่า : “เช่นนั้นก็นับว่าน่าเสียดายจริง ๆ อย่างไรเสียข้าจะต้องคิดถึงเจ้าอย่างแน่นอน”

ดวงตาทั้งสองข้างขององค์หญิงเหออานเป็นประกาย : “เช่นนั้นข้าจะหาคนมาสับเปลี่ยนที่นั่ง แล้วนั่งคู่กันกับท่านจะดีไหม ?”

“ไม่ได้ !” เฟิ่งชิงหัวโพล่งออกมาโดยไม่คิด

“พี่ซีหลันไม่อยากนั่งกับข้าหรือ ?”

“เปล่านะ ข้าหมายความว่า เจ้าดูสิ ที่นั่งเหล่านี้ถูกจัดเตรียมเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว หากสับเปลี่ยนตามใจชอบคงดูไม่ดีนัก อีกอย่าง ที่นั่งของเจ้าก็บ่งบอกถึงฐานะของเจ้า คนอื่นคงไม่มีใครกล้าเข้าไปนั่งหรอกนะ” เฟิ่งชิงหัวพูดอธิบาย

องค์หญิงเหออานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็พยักหน้า แสดงออกว่าเห็นด้วยกับเหตุผลนี้

ขณะที่กำลังพูดอยู่นั้น จู่ ๆ ก็เห็นองค์หญิงเหออานมองไปทางด้านหนึ่งแล้วยิ้มออกมา จากนั้นจึงหันมาพูดกับเฟิ่งชิงหัวว่า : “ข้าคิดออกแล้ว”

ขณะที่เฟิ่งชิงหัวกำลังนึกสงสัยอยู่นั้น จู่ ๆ ก็ได้ยินองค์หญิงเหออานตะโกนขึ้นอย่างเปิดเผยเสียงดัง : “ท่านพี่เจ็ด ! ท่านพี่เจ็ด ! รีบมานี่เร็วเข้า ! องค์หญิงซีหลันอยากจะนั่งกับท่าน !”

ทันทีที่องค์หญิงเหออานพูดจบ เฟิ่งชิงหัวก็รู้สึกได้ทันทีว่า สายตาทุกคู่รอบตัวนาง ต่างจับจ้องมายังจุดเดียวกันเหมือนกับแสงของสปอร์ตไลต์สาดแสง “วาบ ๆ” มารวมจุดอยู่ที่ตัวนาง สายตาทุกคู่ต่างแฝงไปด้วยความเย้ยหยัน และเฝ้ารอดูเรื่องสนุก และสายตาจำนวนไม่น้อยเหล่านั้น โดยส่วนมากล้วนมาจากหญิงสาว

เฟิ่งชิงหัวยกมือขึ้นปิดหน้า : “องค์หญิง อย่าตะโกนอีกเลย เขาไม่มีทางมาหรอก”

ทว่า เฟิ่งชิงหัวเพิ่งจะพูดจบ จ้านเป่ยเซียวก็มายืนอยู่ต่อหน้าของทั้งสองคนเรียบร้อยแล้ว และพูดอย่างเคร่งขรึมว่า : “มีอะไร ?”

เฟิ่งชิงหัวยิ้มอย่างเก้อเขินแล้วพูดว่า : “ไม่มีอะไรหรอกเพคะ ท่านอ๋องเจ็ดกลับไปนั่งที่เถิด งานเลี้ยงกำลังจะเริ่มแล้ว”

เหออานยื่นมือออกไปดึงแขนเสื้อของจ้านเป่ยเซียวเอาไว้ทันที : “ท่านพี่เจ็ด ทำไมวันนี้ท่านเสด็จมาคนเดียวล่ะเพคะ ผู้หญิงคนนั้นไปไหนเสียล่ะ ?”

จ้านเป่ยเซียวเลิกคิ้ว แล้วหันมองเฟิ่งชิงหัว จากนั้นก็พูดเบา ๆ ว่า : “ออกไปเที่ยวเล่นเสียแล้ว ยังไม่อยากกลับจวนน่ะ”

เฟิ่งชิงหัวจ้องเขาตาเขม็ง เพราะขี้เกียจจะสนใจเขา จึงรีบนั่งลงประจำที่ทันที

เหออานกลับไม่อาจรับรู้ถึงความหมายอันลึกซึ้งที่แฝงอยู่ในคำพูดประโยคนี้ เมื่อได้ยินดังนั้น จึงทำเพียงพูดขึ้นอย่างดูถูก : “ผู้หญิงคนนี้ ข้าเห็นก็รู้แล้วว่าใช้ไม่ได้ ปล่อยให้ท่านพี่เจ็ดมาร่วมงานเลี้ยงเพียงคนเดียว ช่างไม่กังวลใจเลยจริง ๆ ว่าท่านจะถูกผู้หญิงคนอื่นแย่งไป”

หากเป็นเมื่อก่อน จ้านเป่ยเซียวคงไม่คิดสนทนาปัญหานี้กับเหออาน ทว่าตอนนี้ กลับเห็นเขาพยักหน้าและพูดขึ้นย่างจริงจัง ซึ่งนับว่าเห็นได้น้อยนัก : “นั่นนะสิ ใช้ไม่ได้เลยสักนิด”

เหออานได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกเพียงว่าท่านพี่เจ็ดของตนเอง อย่างน้อยก็คงเริ่มรังเกียจหญิงที่อยู่ในจวนผู้นั้นขึ้นมาบ้างแล้ว และก็ยิ่งรู้สึกว่าองค์หญิงซีหลันต่างหากที่ยืนเคียงคู่ท่านพี่เจ็ดของตนเองจึงจะดูเหมาะสม ดังนั้นจึงยิ้มแล้วพูดว่า : “ท่านพี่เจ็ด นอกจากข้าแล้ว เมื่อองค์หญิงซีหลันอยู่ในวังก็ไม่มีเพื่อนสนิทคนอื่นอีก แต่อีกเดี๋ยวข้าต้องไปอยู่เป็นเพื่อนเสด็จย่า ท่านนั่งลงข้าง ๆ ช่วยดูแลองค์หญิงซีหลันแทนข้าหน่อยสิ”

จ้านเป่ยเซียวขมวดคิ้ว และแสร้งพูดขึ้นว่า : “ทำไมเจ้าไม่ดูแลเองล่ะ”

เหออานพูดจาออดอ้อนขึ้นทันที : “ท่านพี่เจ็ด ท่านดีกับเหออานที่สุด ท่านก็ทำเสียว่าเห็นแก่หน้าของเหออาน จึงคอยอยู่เป็นเพื่อนองค์หญิงซีหลัน ข้ารับรองว่า นางไม่มีทางลวนลามท่านอย่างแน่นอน”

จ้านเป่ยเซียวเลิกคิ้วแล้วหันมองเฟิ่งชิงหัว จากนั้นจึงพูดขึ้นด้วยความรำคาญ : “เอาชนะเจ้าไม่ได้เลยจริง ๆ”

ขณะที่พูด ก็เดินตรงไปด้านหน้า แล้วนั่งลงข้าง ๆ เฟิ่งชิงหัว โดยที่ทั้งสองใช้โต๊ะร่วมกัน

เฟิ่งชิงหัว : “……”

นางรู้สึกว่า เมื่อครู่นางได้เป็นพยานในการแจ้งเกิดนักแสดงแล้ว

เดิมทีองค์หญิงเหออานคิดจะให้ท่านพี่เจ็ดของตนเองนั้น นั่งลงที่โต๊ะตัวข้าง ๆ แต่เมื่อเห็นเขา “ชิงลงมือด้วยตัวเอง” เช่นนี้ ก็นึกตื้นตันอยู่ในใจ

ท่านพี่เจ็ดช่างเอ็นดูนางจริง ๆ เพื่อนางแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าจะยอมอยู่เป็นเพื่อนองค์หญิงซีหลัน โดยนั่งร่วมโต๊ะตัวเดียวกันเช่นนี้