ตอนที่ 356 ผู้ดูแลวางมือ

หลังจากเขียนใบสั่งยาให้ ฉินหลิวซีก็เปลี่ยนห้องเพื่อฝังเข็มให้ฮูหยินชิว ทั้งยังถามความยินยอมของนางและชิวหยวนไว่ ทำได้เพียงพาวั่งชวนติดตามเข้าไปเฝ้าสังเกตการฝังเข็มอยู่ข้างๆ ให้เถิงเจาที่เป็นผู้ชายรออยู่ด้านนอก

ฮูหยินชิวอายุปูนนี้ แม้เผชิญหน้ากับฉินหลิวซีที่เป็นนักพรตน้อย อีกฝ่ายใบหน้าจริงจัง ไม่มีสีหน้ามากตัณหาแม้เพียงนิด เป็นบุคลิกของหมอโดยสิ้นเชิง กลับเป็นตนเองที่เขินอาย

ฉินหลิวซีเห็นนางเขินอายก็ครุ่นคิดชั่วครู่ จึงเอ่ย “ฮูหยินท่านไม่ต้องกระอักกระอ่วน สิ่งที่ท่านมีข้าก็มี”

“อะไรนะ”

ฉินหลิวซียิ้มบาง เอ่ย “ข้าเป็นนักพรตหญิง”

ฮูหยินชิวตกในจนแทบตกจากเตียง มองพิจารณาฉินหลิวซีหนึ่งรอบ “สตรี สตรีหรือเจ้าคะ”

ฉินหลิวซีพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม เอ่ย “รูปลักษณ์ของข้ายากที่จะแยกแยะบุรุษสตรี อีกทั้งยังม้วนมวยผมตลอดเวลา จึงยากที่คนจะแยกได้”

“แต่ว่าเหล่าเฉียนไม่เคยบอกว่าท่านคือนักพรตหญิง”

“ข้าไม่ตั้งใจปิดบัง ทว่าก็ไม่ได้แนะนำเพศของตน แน่นอนว่าเขาไม่รู้ ข้าเพียงเห็นว่าฮูหยินท่านกระอักกระอ่วน จึงได้เอ่ยบอกเช่นนั้น” ฉินหลิวซีเอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง “ส่วนการแต่งกายเป็นบุรุษ สะดวกต่อการทำงานและการรักษา ท่านเองก็รู้ สตรีเป็นหมอ ไหนเลยจะสะดวกเช่นบุรุษ”

ไม่ว่าจะทำอะไร ยุคสมัยนี้ก็มักมีข้อกังขาสำหรับผู้หญิง มีกฎมากมายผูกติดเป็นดั่งโซ่ตรวน เอ่ยว่าจนปัญญา ทว่าก็เป็นบรรยากาศของยุคสมัยที่บุรุษเป็นใหญ่กว่าสตรี

ฮูหยินชิวกลับเอ่ย “แต่สำหรับสตรีแล้ว มาหาหมอหญิงสะดวกและสบายใจกว่าหมอที่เป็นบุรุษ”

อย่างไรก็มีหลายอย่างที่สตรีอายที่จะเอ่ย แม้กระทั่งการตรวจร่างกายก็ไม่สะดวกนัก เช่นนี้เมื่อต้องการตรวจโรคให้แม่นยำ กลับยากขึ้นไปอีก จำต้องบวกการคาดเดาเข้าไปด้วยแล้ว

ฉินหลิวซีเห็นด้วย “ดังนั้นข้าจึงพาศิษย์มาเพียงผู้เดียว”

นางลูบศรีษะของวั่งชวน เอ่ย “หากเจ้าช่วยเหลือสตรีมากมายบนโลกใบนี้ด้วยตัวตนของหมอหญิงได้ ก็นับเป็นบุญกุศลยิ่งใหญ่ ดังนั้นอาจารย์หวังว่าเจ้าจะร่ำเรียนวิชาแพทย์ในเบญจศาสตร์แห่งเต๋าให้ลุล่วง”

เพราะบุรุษสตรีแบ่งแยกกันชัดเจน ต่อให้ผู้เป็นหมอจะมีจิตใจดุจบิดามารดา ปากจะบอกว่าในสายตาไม่แบ่งแยกบุรุษสตรี ก็ยังคงมีสตรีมากมายที่เขินอายทำตัวไม่ถูกพลาดการรักษาดีๆ

ยิ่งไปกว่านั้น เพราะสามีหรือพ่อสามีเคร่งในกฎมากเกินไป ไม่ให้หมอชายทำการรักษาจึงต้องตายจากไป

เรื่องเช่นนี้ นางทำการรักษามาหลายปีย่อมได้ยินมาไม่น้อย

วั่งชวนพยักหน้า ดวงตาเล็กเผยสายตามุ่งมั่นขึ้นมา “ข้าจะเรียนให้เยี่ยมยอดเจ้าค่ะ”

“ดูให้ละเอียด ฟังให้ละเอียด จำให้ละเอียด” ฉินหลิวซีให้ฮูหยินชิวเปิดม้วนเสื้อขึ้น กดเบาๆ ที่บริเวณท้องน้อยของนาง เย็น แข็ง หนาวเหน็บ ให้วั่งชวนได้สัมผัสไปด้วย สอนนางแบ่งแยกจุด

วั่งชวนอายุน้อย บางครั้งอาจยังจำไม่ได้ แต่เพราะอายุยังน้อย มีความยืดหยุ่นได้ดี นางสามารถสอนครั้งแล้วครั้งเล่า รอบแล้วรอบเล่า ค่อยๆ พานางเรียนรู้ไปทีละนิด

ฉินหลิวซีฝังเข็มนี้ ไม่ได้แตกต่างจากการฝังเข็มให้ซ่งหลิ่วมากนัก ล้วนเป็นการกระตุ้นเลือดเพื่อขจัดเลือดคั่ง ดังนั้นนางจึงเลือกการฝังเข็มเชาซานหั่ว ทำให้มดลูกอุ่นขึ้นสลายความเย็น

วิธีฝังเข็มเชาซานหั่วไม่ง่าย หมอหลายคนทั้งชีวิตยังไม่อาจฝึกได้ เพราะฝีมือการลงเข็ม การนวดคลึงยิ่งเป็นทักษะสำคัญของความสำเร็จหรือล้มเหลว หากไม่ได้รับการสืบทอดอย่างแท้จริงและการฝึกฝนอย่างยากลำบาก ก็ไม่สามารถฝึกเข็มไฟออกมาได้

ฮูหยินชิวประหลาดใจครั้งแล้วครั้งเล่า

หนึ่งตกใจที่ฉินหลิวซีอายุน้อย สองตกใจที่นางเป็นสตรี สามตกใจวิชาการแพทย์ที่เยี่ยมยอดของนาง สี่ประหลาดใจที่นางทำหลายอย่างไปพร้อมกันได้

ใช่แล้ว ฉินหลิวซีฝังเข็ม พร้อมกับสอนตำแหน่งจุดต่างๆ กับเด็กหญิงที่ดูยังกินนมอยู่ พร้อมทั้งวิธีลงเข็ม ไม่สนใจว่านางจะฟังรู้เรื่องหรือไม่ ลักษณะท่าทางไม่หยุดชะงักแม้เพียงนิด

ฮูหยินชิวมีชีวิตอยู่มาสี่สิบกว่าปี นับว่ามองเห็นคลื่นลมมาก่อน แต่ก็ยังรู้สึกเปิดหูเปิดตา ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

เด็กอายุเพิ่งเท่าใดกัน สามารถรับศิษย์และสั่งสอนศิษย์ได้แล้ว นางช่างมีความสามารถนี้จริงๆ

ฮูหยินชิวชื่นชม ทันใดนั้นรู้สึกว่าท้องน้อยราวกับมีไฟอุ่นๆ กำลังลุกไหม้ ไม่ร้อนทว่าอุ่นไปทั่ว ทำให้นางถอนหายใจออกมาด้วยความสบายโดยไม่อาจห้ามได้

นี่สบายเกินไปแล้ว

ความรู้สึกที่แตกต่างไปจากเดิม ทำให้ปลายนิ้วฮูหยินชิวสั่นระริก เกิดความรู้สึกเฝ้ารอขึ้นมา

ครั้งนี้อาจจะสมดังปรารถนาก็เป็นได้

หลังดึงเข็มออกฮูหยินชิวรู้สึกสบายไปทั่วทั้งร่าง เอ่ยถาม “ฝังเข็มครั้งนี้แล้วก็พอแล้วหรือ”

“อีกสิบวันหลังจากนี้ ท่านไปที่ตรอกโซ่วสี่ ถนนหงไป๋ เมืองหลี มีร้านร้านหนึ่งชื่อเฟยฉางเต๋า เป็นร้านของข้าเอง ท่านค่อยมาฝังเข็มอีกครั้งก็พอแล้ว”

ฮูหยินชิวเบิกตาโต “ท่านเป็นนักบวชมิใช่หรือ ทำการค้าด้วยหรือ”

“นับว่าเป็นกิจการของบ้านข้า สิ่งที่ทำคือรักษาอาการป่วย กำจัดผีสางสิ่งชั่วร้าย กำไรสองส่วนน้ำมาเป็นเงินทำบุญในอาราม”

ฮูหยินชิวยกมือขึ้น “บุญกุศลยิ่งใหญ่ ข้าจะไปอย่างแน่นอน”

ฉินหลิวซีพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

“เช่นนั้นตัวตนสตรีของท่านอาจารย์ล่ะเจ้าคะ” ฮูหยินชิวลองถาม

ฉินหลิวซีเอ่ย “ไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศออกไป แต่หากมีคนป่วยเป็นสตรีและเขินอาย สามารถบอกได้”

ฮูหยินชิวผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ มีผู้ป่วยสตรีมากมาย มีหมอหญิง ซ้ำยังวิชาการแพทย์โดดเด่น ผู้ใดจะเลือกหมอชายเล่า นั่นจะไม่กระอักกระอ่วนหรือ

กลุ่มคนเดินออกมาจากห้องตรวจ ชิวหยวนไว่รีบเดินเข้ามารับ ถามอาการของฮูหยินชิวด้วยความใส่ใจ

“ข้ารู้สึกดีขึ้นมากแล้ว” หัวคิ้วของฮูหยินชิวคลายออก รู้สึกว่าท้องน้อยอุ่นอย่างรวดเร็ว

ชิวหยวนไว่ดีใจ ควักตั๋วเงินตำลึงปึกใหญ่ยัดใส่มือฉินหลิวซี “นี่คือเงินทำบุญของเราสองสามีภรรยาแก่อารามของท่าน หากสมดังปรารถนา จะมาขอแก้บนต่อหน้าท่านปรมาจารย์อย่างแน่นอน”

ฉินหลิวซีถือตั๋วเงิน ใบหน้าประทับด้วยรอยยิ้ม “ผู้มีเมตตามีกุศลยิ่งใหญ่”

พวกชิวหยวนไว่กลับไปด้วยความยินดี

ตั๋วเงินในมือฉินหลิวซียังไม่ทันหมดความอุ่นร้อนก็ถูกชิงหย่วนเอาไป เหตุผลคือใกล้จะเข้าฤดูหนาวแล้ว เสบียงอาหารของใช้เหล่านั้นไม่เพียงพอ

“ชาติที่แล้วเขาจะต้องเป็นโจรอย่างแน่นอน” ฉินหลิวซีบ่นกับศิษย์ทั้งสอง เอ่ยขึ้นอีก “ใกล้จะเลยบ่ายแล้ว อาจารย์ต้องลงเขา ต้องกลับไปที่ร้านสักหน่อย พวกเจ้าอยู่ที่นี่เชื่อฟังท่านอาจารย์ปู่ ตั้งใจเรียนให้ดี”

เด็กน้อยทั้งสองสีหน้าสลดลง

ฉินหลิวซีเอ่ยกับวั่งชวนอีกครั้ง “สิ่งที่อาจารย์บอกเมื่อครู่ เจ้าฟังไม่เข้าใจไม่เป็นไร ท่องตำแหน่งจุดลมปราณของร่างกายและการไหลเวียนลมปราณเอาไว้ให้ได้ก็พอ ยังมีเพลงน้ำแกงก็ต้องท่อง ไม่เข้าใจไม่เป็นไร ท่องได้คล่องแล้ว ต่อไปค่อยอธิบายอย่างชัดเจนให้เจ้าฟัง เดี๋ยวก็รู้แล้ว”

วั่งชวนตอบรับอย่างหงอยเหงา

ฉินหลิวซีพาพวกเขาไปหานักพรตเฒ่าชื่อหยวน ทิ้งลูกศิษย์เอาไว้ ลงเขาไปอย่างสบายใจ

นักพรตเฒ่าชื่อหยวน “อย่าได้เอาแต่ล่องลอยเช่นอาจารย์พวกเจ้า มาหาอาจารย์ปู่ ข้าจะเทศนาให้พวกเจ้าฟัง”

เขารับเด็กทั้งสองมา พลันรู้สึกว่าแปลกๆ แบบนี้ไยจึงเหมือนสตรีเลี้ยงลูกเล่า

เหอะ เจ้าศิษย์เนรคุณนี่ นี่ไม่ใช่ผู้ดูแลวางมือ[1]หรอกหรือ

ฉินหลิวซีเคาะจมูก ลงเขาไปกับหลี่เฉิง ระหว่างทางยังแวะกินก๋วยเตี๋ยวเปรี้ยวเผ็ดคล่องคอร้านคุ้นเคยหนึ่งถ้วย ก่อนจะตรงดิ่งกลับไปที่ร้าน

ทว่าที่ร้านมีคนขดตัวอยู่ตรงโต๊ะหินหน้าประตู สีหน้าหวาดหลัว เมื่อมองเห็นฉินหลิวซีก็รีบคลานเข้ามาหา “ท่านอาจารย์ ท่านคือท่านอาจารย์ประจำร้านนี้ใช่หรือไม่ ข้าได้ยันต์คุ้มภัยจากร้านของท่าน ท่านอาจารย์ ยันต์นั้นไหม้ไปแล้ว ข้าเกือบตายแล้ว ท่านอาจารย์ท่านต้องช่วยข้านะขอรับ ข้ายอมโขกหัวคำนับท่านแล้ว”

[1]ผู้ดูแลวางมือ ไม่กังวล ไม่ใส่ใจ สบายใจ