ตอนที่ 357 เงินซื้อชีวิต

หลายวันก่อนเซี่ยชงเก็บถุงเงินได้ถุงหนึ่ง เป็นเงินจำนวนไม่น้อย เดิมนึกว่าตนเองโชคดี ใครจะรู้ว่านับตั้งแต่เก็บเงินได้ เขากลับโชคร้ายในทุกๆ วัน แม้แต่เดินในเส้นทางธรรมดาก็ยังล้มลงไปโดยไม่มีสาเหตุ โบราณว่าดื่มน้ำเย็นจนเสียวฟัน

ความโชคร้ายเล็กๆ น้อยๆ ก็ช่างเถิด เมื่อวานนี้ตอนที่เขาเดินผ่านร้านร้านหนึ่ง ยันต์คุ้มภัยที่เขาได้มาจากร้านเฟยฉางเต๋า ปกติแล้วถูกเขาเก็บเอาไว้ตรงหน้าอก อยู่ดีๆ ก็ร้อนขึ้นมา เขารีบหยุดเดินแล้วหยิบมันออกมา ต่อมาพลันมีลูกธนูคมหนึ่งดอกพุ่งออกมาจากร้านนั้น แทบเฉียดปลายจมูกของเขาไป

ลูกธนูปักเข้ากับประตูหน้าร้านฝั่งตรงข้าม ยันต์คุ้มภัยในมือของเขากลับมีไฟลุกขึ้นมา ไหม้สลายกลายเป็นผุยผง

เซี่ยชงมองลูกธนูที่ปลายธนูยังสั่นไหวดอกนั้น จากนั้นมองยันต์คุ้มภัยที่เผาไหม้เป็นผงลอยละล่องไปทั่ว นึกถึงโชคร้ายในช่วงนี้ที่เกิดขึ้นมาไม่ขาด ตะโกนร้องเสียงดังออกมาอย่างอดไม่ได้ วิ่งตรงดิ่งไปยังร้านเฟยฉางเต๋าทันที

หากเขาเดินก้าวไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าว ธนูดอกนั้นก็ปักทะลุเข้าที่ลำคอของเขาแล้ว ตายจนตายไม่ได้อีกแล้ว

เซี่ยชงวิ่งหวาดระแวงมาถึงร้านเฟยฉางเต๋าแต่ร้านกลับปิดอยู่ เขาไม่กล้าไปที่ใด หดตัวอยู่หน้าร้านตลอดทั้งคืน ไม่ง่ายกว่าจะรอจนถึงเวลาร้านเปิด ทว่าท่านอาจารย์ก็ไม่มา เขาก็ยังไม่กล้าไป รออยู่หน้าประตู

ยามนี้ฉินหลิวซีมาแล้ว เซี่ยชงพุ่งตัวเข้าหาน้ำหูน้ำตาไหล ขอร้องฉินหลิวซีให้ช่วยชีวิต

เขาโชคร้ายจนถึงขั้นเลือดตกยางออกแล้ว

ยามเข้ามาในเฟยฉางเต๋า เขายังคงตัวสั่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก หนวดเคราบนใบหน้าไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าโทรมเพียงใด

ฉินหลิวซีเห็นดังนั้นจึงให้เฉินผีมอบยันต์คุ้มภัยให้เขาหนึ่งแผ่น

เซี่ยชงดวงตาวาวขึ้น รีบคว้ากำเอาไว้แน่น มองไปยังฉินหลิวซีอย่างน่าสงสาร กลืนน้ำลายก่อนจะเอ่ย “ท่านอาจารย์ ข้าเจอเรื่องแปลกประหลาดใดหรือ ยันต์ที่ท่านให้ก็ไหม้ไม่เหลือแล้ว หลบลูกธนูแห่งความตายนั่นมาได้ หมายความว่าความซวยหายไปแล้วหรือไม่”

ฉินหลิวซียิ้มเย็น “เจ้ารับเงินซื้อชีวิตของคนอื่นมาแล้ว เจ้าไม่ตาย จะเรียกว่าเงินซื้อชีวิตได้อย่างไร”

“ข้ามิได้รับมา” เซี่ยชงกระโดดขึ้นมา

ฉินหลิวซี “เจ้าบอกว่าเจ้าเก็บเงินได้ถุงหนึ่งมิใช่หรือ”

เซี่ยชงชะงักนิ่ง สีหน้าค่อยๆ ซีดขึ้น เอ่ยตะกุกตะกัก “ข้า ข้าเก็บได้ระหว่างทาง ไหนเลยข้าจะรู้ว่ามันคือเงินซื้อชีวิตเล่า สวรรค์ ท่านอาจารย์ ข้าเก็บมาแล้วจริงๆ หากข้ารู้ ตีให้ตายข้าก็ไม่เก็บขึ้นมาหรอก ท่านอาจารย์ท่านต้องช่วยข้านะขอรับ ที่บ้านข้ายังมีท่านแม่ที่ข้าต้องเลี้ยงไปจนสิ้นชีวิต จะตายไม่ได้นะขอรับ”

เขาเอ่ยและเริ่มร้องไห้ขึ้นมา

เซี่ยชงเป็นคนเสเพล แต่เพราะเติบโตมากับมารดา ความเมตตานี้จึงยังไม่สูญสิ้น กตัญญูต่อนางเช่นกัน

“ไม่ต้องร้องไห้แล้ว” ฉินหลิวซีแคะหูอย่างหงุดหงิด เอ่ย “บุรุษตัวใหญ่ร้องห่มร้องไห้ น่ารำคาญนัก”

เซี่ยชงรีบยกมือปิดปาก น้อยใจยิ่งนัก เขาจะตายอยู่แล้ว ไม่ให้ร้องไห้สักนิดเลยหรืออย่างไร

ฮือๆ

“เงินนั้นใช้หมดแล้วหรือ เก็บได้เมื่อใด ใช้ไปกับที่ใดบ้าง” ฉินหลิวซีเอ่ยถาม

เซี่ยชงกระอักกระอ่วน แต่เพื่อรักษาชีวิตจึงบอกเล่าถึงเงินที่เก็บมาได้ไปจนหมด “นอกจากซื้อเสื้อผ้าผ้าห่มในฤดูหนาวให้ท่านแม่ข้า ซื้อของใช้ในบ้าน ก็ถูกข้าเอาไปพนันแพ้แล้ว”

เฉินผีเอ่ย “ดูชุดเจ้าสวมใส่ก็ไม่นับว่าร่ำรวย มีเงินมากมาย เจ้าไม่รู้จักเอาเงินไปต่อเงิน ก็เอาไปเล่นพนันจนหมดแล้ว แม่เจ้าไม่ตีเจ้าจนขาหักไปเลยเล่า”

เซี่ยชงลูบจมูก “นี่เพราะข้าคิดว่าเก็บเงินได้แล้ว กำลังมีโชคดีเข้ามา ผู้ใดจะรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้เล่า ท่านอาจารย์ เงินถุงเดียว จะซื้อชีวิตข้าได้อย่างไร ดวงวันเกิดข้าก็ไม่เคยเปิดเผยให้ผู้ใด”

“นี่นับว่าเป็นการทดแทนชีวิต คิดว่าคนผู้นั้นคงป่วยหนักอยู่ได้อีกไม่นาน จึงได้ใช้วิชามนต์ดำ เจ้าเก็บได้ ก็เท่ากับเจ้ารับเงินแล้ว ยอมตายแทนอีกฝ่าย ดวงชีวิตเจ้าคืออะไร” ฉินหลิวซีเอ่ยถาม

เซี่ยชงเหงื่อตก รีบบอกดวงวันเกิดตนเอง

ฉินหลิวซียกนิ้วขึ้นมาคำนวณ เลิกคิ้ว หันมองใบหน้าเขาชัดๆ เอ่ย “นอกจากยันต์คุ้มภัยของข้า เจ้ายังรอดตายอีกหนึ่งครั้ง เป็นเพราะบุญกุศลที่เจ้าทำ”

เซี่ยชงส่งเสียงอ๋าขึ้นมา “บุญกุศลใดหรือขอรับ”

“หลังจากได้เงินนี้มาแล้ว เจ้าทำเรื่องดีๆ อะไร”

เซี่ยชงเอียงศีรษะครุ่นคิด เอ่ยขึ้นมาทันใด “ข้าจ่ายค่ายาให้สองแม่ลูกคู่หนึ่งนับหรือไม่”

มุมปากของฉินหลิวซียกขึ้น พยักหน้า

เซี่ยชงสูดหายใจ รีบเอ่ย “วันนั้นข้าเก็บเงินได้ กำลังจะไปบ่อนพนัน ตอนที่เดินผ่านตรอกสือชุ่น เห็นสตรีผู้หนึ่งกำลังอุ้มเด็กน้อยป่วยใกล้ตายนั่งคุกเข่าอยู่หน้าประตูโรงหมอ พวกเขาไม่มีเงินจ่ายค่ายาสิบสองหยวน ข้าหัวร้อนขึ้นมาจึงช่วยจ่ายให้”

หลังจากนั้น เดิมเขากำลังจะไปโรงพนันแต่เกิดนึกถึงมารดาชราขึ้นมา จึงรีบกลับไปซื้อของส่งไปที่บ้าน จากนั้นค่อยไปโรงพนัน ไม่คิดว่าจะแพ้พนันจนเกลี้ยง ตอนนั้นยังรู้สึกเสียดายค่ายาสิบสองหยวนอยู่เลย

“นี่คือบุญกุศลที่เจ้าสะสมเอาไว้ เป็นความเมตตาชั่วครู่ของเจ้า ช่วยชีวิตของเจ้าเอาไว้” ฉินหลิวซีเอ่ย “ถ้าหากวันนั้นเจ้าไม่ได้ช่วยสองแม่ลูกคู่นั้น เจ้าก็จะไม่ได้สะสมความดีนี้ ไม่มีทางหลีกเลี่ยงความตายหนึ่งครั้งได้ ยิ่งไม่มีโอกาสได้เจอข้า”

คนตายไปแล้ว มีประโยชน์อะไร

เซี่ยชงนิ่งอึ้งตกใจ เอ่ยพึมพำ “ข้าเพียงเห็นว่าพวกเขาน่าสงสาร ข้าเองก็ถูกมารดาเลี้ยงดูตัวคนเดียวจนเติบใหญ่ มองเห็นพวกเขาแล้วนึกถึงตอนเด็กจึงคิดเข้าไปช่วย แต่ไม่คิดว่า…”

เฉินผีเอ่ยขึ้น “โชคดีเพียงหนึ่งเดียวของเจ้า ก็คือการกระทำที่มีเมตตาของเจ้า ดังนั้นต่อไปต้องสะสมคุณความดีให้มาก”

เซี่ยชงเม้มริมฝีปาก

ฉินหลิวซีเอ่ย “ถุงที่ใส่เงินนั้นอยู่ที่ใด เจ้าทิ้งไปแล้วหรือไม่” ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

เซี่ยชงส่ายศีรษะ คลำบนตัว หยิบผ้าออกมาจากแขนเสื้อ ยื่นไปให้ เอ่ยด้วยรอยยิ้มเขินอาย “ข้าเห็นว่าถุงนี้ยังใหม่ เอากลับไปให้ท่านแม่ปะใช้ได้”

เฉินผีกลอกตา “เจ้ากตัญญูเพียงนี้ ไยจึงไม่เอาเงินให้แม่เจ้าเก็บเล่า”

เซี่ยชงยิ้มเก้อเขิน

ฉินหลิวซีรับมา เอ่ย “นี่คือผ้าไว้ทุกข์ เจ้าดูไม่ออกหรือ”

เซี่ยชงเบิกตาโต

ฉินหลิวซีคลี่ผ้าออกเรียบๆ เห็นว่าในผ้ามียันต์ที่ถูกเขียนด้วยเลือด ดูไม่เป็นมงคลอย่างยิ่ง

ตอนเซี่ยชงเก็บเงินมา เปิดออกเห็นก้อนเงินหลายก้อน อีกทั้งตั๋วเงินที่ถูกมัดด้วยด้ายแดงก็แกะออกทันใด เก็บเงินไว้ในถุง ไม่ได้ตรวจดูอะไรมากมาย ตอนนี้เห็นยันต์นี้ แผ่นหลังเย็นวูบ ขมับมีเหงื่อซึมออกมา

“นายท่าน นี่คือเลือดอะไรหรือขอรับ ไม่เหมือนชาดเลยขอรับ” เฉินผีเองก็ดูด้วย

ฉินหลิวซีเอ่ย “คงจะเป็นเลือดแมวดำ”

แมวดำไม่เป็นมงคล เอามาเขียนยันต์มนต์ดำเช่นนี้เหมาะสมยิ่งแล้ว

“ท่านอาจารย์ เงินซื้อชีวิตนี้ข้าใช้ไปหมดแล้ว มนต์นี้ยังจะลบล้างได้หรือไม่ ท่านต้องช่วยชีวิตข้านะ” เซี่ยชงถูมือพลางเอ่ย “ท่านแม่มีข้าเป็นลูกชายคนเดียวแล้ว ต้องอาศัยข้าดูแลยามแก่เฒ่า”

ฉินหลิวซีปลายตามองไป เอ่ย “มนต์นี้ทำลายได้ แต่เจ้าเองก็รู้ ร้านของข้าเปิดมาเพื่อทำการค้า ทำการค้าขาย ซื้อหนึ่งขายหนึ่ง”

นางโยนผ้าไว้ทุกข์โยนทิ้งไปบนโต๊ะ เอ่ย “ขอเพียงยี่สิบตำลึงเงิน ข้าก็จะช่วยเจ้า ต้องเป็นเงินที่เจ้าหามาอย่างถูกต้องด้วย”