บทที่ 235 ซีตรัส

เจ้าของร้านพิศวง

บทที่ 235 : ซีตรัส

หลินเจี๋ยตื่นเช้าอย่างเคย และกระปรี้กระเปร่าหลังจากได้ทำความดี

ดังคำพูดว่า แผนทั้งวันนั้นมาจากเช้าตรู่ การตื่นจากฝันร้ายนั้นจะนำไปสู่อารมณ์ที่ขุ่นมัวไปทั้งวันอย่างไม่ต้องสงสัย

การถูกความกังวลในความอยู่รอดของตระกูลรุมเร้า ส่งผลให้โดริสฝันว่าตระกูลของเธอพบวิกฤติและทำอะไรไม่ได้

ฝันร้ายเช่นนั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะเพิ่มความกระวนกระวายของเธอ และอาจจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์ได้ด้วย โดริสนั้นเป็นลูกค้าที่สามารถเป็น VIP ได้ และไม่ควรละเลยเธอ

ดังนั้นหลินเจี๋ยจึงใช้อีเธอร์ที่ตัวเองไม่ค่อยได้ใช้เท่าไรนัก แล้วเปลี่ยนฝันร้ายเป็นฝันดี…

พูดตรง ๆ แล้ว การบอกว่ามันคือฝันดีอาจจะเป็นการยกยอเกินไป ทว่ามันคือโศกอนาฏกรรมที่เปลี่ยนไปเป็นเรื่องบ้าบอที่มีความตลกเจือมา อย่างน้อยมันก็คงไม่ไปถมเพิ่มอารมณ์เชิงลบของโดริสแน่ ๆ ล่ะ

ทว่าเรื่องนี้ไม่สำคัญ ประเด็นหลักคือการได้ช่วยคนอื่น!

ในฐานะชายใจดีที่ชอบช่วยเหลือคน หลินเจี๋ยรู้สึกว่ามันคุ้มค่า!

หลินเจี๋ยอาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็ว แล้วเดินฮัมเพลงเข้าไปในครัว เขาสวมผ้ากันเปื้อนพลางเตรียมพร้อมทำอาหารเช้าอันโอชะให้กับมูเอนและผู้อาศัยใหม่ของเขา

นับแต่รับมูเอนผู้พึ่งพาได้เข้ามา เขาก็ไม่ได้ทำงานบ้านเองอีกเลย

ทว่าการอยู่คนเดียวมาหลายปีทำให้หลินเจี๋ยมีทักษะทำอาหารชั้นสุดยอด

หลังจากวางไข่ลวกสามชุดและขนมปังไส้ผักลงบนโต๊ะอาหารเล็ก ๆ ในครัว หลินเจี๋ยก็ไปเคาะประตูห้องมูเอน “ได้เวลาอาหารเช้าแล้วครับ”

หลินเจี๋ยจริงจังสุด ๆ ในการสร้างความตระหนักเรื่องเพศให้กับมูเอน

ในตอนแรก มูเอนจะไม่ยอมปิดประตูห้องเธอเลย แต่ตอนนี้เธอจะล็อกประตูอย่างเชื่อฟัง ยิ่งกว่านั้น เธอยังบอกหลินเจี๋ยทุกครั้งที่เธอใช้ห้องน้ำด้วยเพื่อป้องกันสถานการณ์ชวนกระอักกระอ่วน

นี่เป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับ ‘คุณพ่อ’ หลินเจี๋ยจริง ๆ

กริ๊ก!

ประตูเหวี่ยงเปิดออก เผยให้เห็นร่างเล็กที่ไม่ใช่มูเอนที่โผล่มาอย่างระมัดระวัง เธอคือสาวแว่นพรีม่าที่มีผมเปียยุ่งเหยิง

สีหน้าของสาวน้อยซีดเล็กน้อยและดูป่วยออดแอด เธอสวมรองเท้าแตะผ้าฝ้ายและสวมชุดนอนวัยรุ่นสีขาว ก่อนหน้านี้หลินเจี๋ยเคยเห็นมูเอนสวมมัน เห็นได้ชัดว่ามูเอนแบ่งสิ่งของให้เธอใช้

“อรุณสวัสดิ์ครับ” หลินเจี๋ยทักทายเธอด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร “หลับสบายดีไหมครับ? สนิทสนมกับมูเอนดีหรือเปล่า?”

พรีม่าพูดอย่างกระวนกระวาย “ดีค่ะ ทุกอย่างดีค่ะ”

เธอพูดต่ออย่างตะกุกตะกัก “ท่านหญิงมูเอนสุดยอดและอ่อนโยนมาก ๆ ค่ะ เราเข้ากันได้ดีม๊ากมาก…ขอบพระคุณที่ให้ฉันได้มีปฏิสัมพันธ์กับท่านหญิงมูเอนนะคะ นี่คือเกียรติสูงสุดในชีวิตของฉันเลยค่ะ! ขอบพระคุณมาก ๆ เลยนะคะ!”

ยิ่งพูด น้ำเสียงของพรีม่าก็ยิ่งดูตื่นเต้น เมื่อเธอระลึกถึงคืนก่อนที่เธอพูดคุยและมีปฏิสัมพันธ์กับมูเอน เธอก็กุมอกของเธออย่างไม่รู้ตัว เพราะความรู้สึกที่รุนแรงเหล่านั้นยังไม่ได้จางหายไปเลย

คืนนั้น เธอได้เรียนรู้ว่ามูเอนได้รับสืบทอดแดนนิมิตของวัลเพอร์กิสแล้ว หรือเรียกง่าย ๆ ก็คือ เธอเป็นผู้สืบทอดของแม่มดบรรพกาล พร้อมกันนั้นก็ได้รับบทบาทอันศักดิ์สิทธิ์ในการเป็นดวงจันทร์ไปด้วย

เธอเทียบเท่ากับวัลเพอร์กิสมาเอง…

ในฐานะหนึ่งในผู้ได้รับการเจิมของวัลเพอร์กิส พรีม่าก็ไม่ต่างจากชาวคริสต์ที่ได้พบพระเจ้าเลย เธอชื่นมื่นจนสมองชาแล้ว!

เธอยังได้รับเชิญให้เข้าไปยังแดนนิมิตของวัลเพอร์กิสอีกด้วย ประสบการณ์อันเปี่ยมวิญญาณนั้นทำให้เธอน้ำตาคลอ ในขณะที่เธอคุกเข่าลงแล้วสาบานตนรับใช้มูเอนอีกครั้ง

เมื่อพรีม่าถามถึงตัวตนของหลินเจี๋ย คำตอบของมูเอนก็ทำให้เธอพูดไม่ออกด้วยความช็อก

“เขาคือบิดาผู้ประทานความรู้ ความแข็งแกร่ง และชีวิตใหม่ให้กับฉัน”

เธอเหลือบมองขึ้นไปอย่างระมัดระวัง แล้วก็ได้เห็นชายหนุ่มธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ดูไม่ออกเลยว่าเขาจะเป็นบุคคลผู้สำคัญขนาดนั้น

‘บิดา’ ของแม่มดบรรพกาล พรีม่าผู้มีความรู้เกี่ยวกับทั้งเหตุการณ์และสิ่งเหนือธรรมชาติมากมายเข้าใจทันทีว่านี่ไม่ใช่การหมายความอย่างตรงตัวว่าเป็นพ่อ แต่เป็นแนวคิด

ทุกคนรู้ว่าแม่มดบรรพกาลนั้นเกิดจากความยุ่งเหยิง…

พรีม่าอดหน้าขึ้นสีในขณะที่หายใจถี่กระชั้นไม่ได้ มันยากจะจินตนาการได้ว่าเธอจะได้มาอยู่ต่อหน้าผู้ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ได้ เธอตื่นเต้นจนหายใจไม่ทั่วปอดแล้ว!

ใบหน้าของหลินเจี๋ยแข็งทื่อเมื่อเขาสังเกตเห็นคุณหนูน้อยที่ดูราวกับตกหลุมรักใครสักคนจนโงหัวไม่ขึ้น

ทำไมบทสนทนานี้มันแปลก ๆ นะ? แล้วนี่ไม่ใช่ว่าเธอสุภาพเกินไปหน่อยเหรอ? ใช้คำยกย่องแม้แต่กับคนวัยเดียวกัน?

มูเอนอ่อนโยนมาก?…อ่อนโยนอย่างไรก่อน? เกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเธอสองคนเมื่อคืนนี้?

รวมกับประโยคหลัง ๆ แล้ว ไม่ใช่ว่านี่คือคำสารภาพรักที่สมบูรณ์หรือ?

โอ้ว้าว มูเอนโตแล้วจริง ๆ…

หลินเจี๋ยรู้สึกเหมือนเขาจะได้กลิ่นซีตรัส ตุ ๆ

ความรักทุ่งลิลลี่โชยมากับสายลม

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ยินดีครับ”

แล้วหลินเจี๋ยจะตอบอะไรได้อีกล่ะ เขาไม่ใช่เจ้าบ้านศักดินาซะหน่อย เขายกมือขึ้นตบหน้าผากพรีม่าเบา ๆ ด้วยสายตารักใคร่เป็นมิตรของผู้ใหญ่ “ตราบใดที่พวกเธอทั้งสองมีความสุข เราก็จะเป็นครอบครัวเดียวกันนะ”

พรีม่าสัมผัสสายตารักใคร่ของพ่อเฒ่าได้ แล้วหัวใจของเธอก็เต็มไปด้วยความเลื่อมใส

ใช่แล้ว ถ้าพูดตามทฤษฎี การเป็นครอบครัวของท่านหญิงมูเอนก็เท่ากับเป็นครอบครัวกับเจ้าของร้านหลินด้วย เป็นครอบครัวเดียวกันจริง ๆ ล่ะ!

ไม่แปลกเลยที่แหวนพันธสัญญาของวัลเพอร์กิสจะมาอยู่ในมือเจ้าของร้านหลิน ที่แท้พวกเขาก็เป็นครอบครัวเดียวกัน…

พรีม่าพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง…

หลินเจี๋ยละมือของเขาแล้วมองไปรอบ ๆ ห้องเพื่อหาร่องรอยของผู้ช่วย ที่พูดน้อย ไร้อารมณ์ และอ่านท่าทีไม่ได้ของเขา แล้วถามออกมา “มูเอนล่ะ อยู่ไหน?”

พรีม่าตอบทันที “ท่านหญิงมูเอนไปที่คาเฟหนังสือร้านข้าง ๆ เพื่อเตรียมเปิดค่ะ คาเฟปิดมาสองสามวันแล้ว ท่านเลยอยากไปจัดสถานที่ใหม่เพื่อให้ร้านเปิดทำการ แล้วหาเงินเข้าร้านให้เจ้าของร้านได้ค่ะ”

หลินเจี๋ยผงะไป แล้วรู้สึกปลาบปลื้มอย่างยิ่ง

แม่หนูนี่น่ารักจริง ๆ…

แล้วเขาก็บอกพรีม่าให้นำอาหารเช้าในครัวไปให้มูเอนที่ร้านข้าง ๆ ด้วย

แต่เดิมหลินเจี๋ยตั้งใจจะทำเอง แต่ทว่าในเมื่อสถานการณ์เป็นอย่างนี้ มันก็เป็นโอกาสอันดีที่พรีม่ากับมูเอนจะพัฒนาความสัมพันธ์ของพวกเธอ

หลังจากกินอาหารเช้าของเขาแล้ว หลินเจี๋ยก็ลงบันไดไปหาแมว

“เมี้ยว…แง้ว?!”

เจ้าขาวที่หลับอยู่สติแตกไปทันทีเมื่อโดนอุ้มขึ้นมา

หลินเจี๋ยลูบเจ้าเหมียวพลางอุ้มมันขึ้นแนบอก เจ้าขาวค่อย ๆ สงบลงแล้วกลับกลายเป็นเงียบราวกับหนูในวัด ยอมให้หลินเจี๋ยลูบมันแและถูตัวมันเข้ากับเขาด้วย

เขาเปิดประตูร้านหนังสือ สูดหายใจลึก ๆ นำอากาศบริสุทธิ์ข้างนอกเข้าปอด แล้วกลับมาที่เคาน์เตอร์เพื่อเริ่มทำงานในวันนี้

เมื่อส่งอาหารแล้ว พรีม่าก็ขอสมุดโน๊ตและปากกาจากหลินเจี๋ยแล้วนั่งอ่านเค้าโครงบัญชีโอสถข้าง ๆ เขาและเธอพยักหน้าเป็นครั้งคราวราวกับกำลังหมกมุ่นในการเรียน

แต่จากนั้นสักพัก คิ้วของเธอก็ขมวดพร้อมกับสีหน้าครุ่นคิดหนัก แล้วเธอก็เหลือบมองหลินเจี๋ยเป็นครั้งคราวราวกับอยากพูดอะไร

เมื่อสังเกตเห็นสายตาของเธอ หลินเจี๋ยก็ยิ้ม “มีอะไรที่ไม่เข้าใจหรือเปล่าครับ?”

ดวงตาของพรีม่าเปล่งประกายพร้อม ๆ กับที่เธอพยักหน้า และยืดตัวนั่งตัวตรง แล้วถามอย่างจริงจัง “ใช่ค่ะ ในหนังสือบอกว่ามังกรก็ถูกใช้เป็นวัตถุดิบยาได้ แต่มังกรสูญพันธุ์กันไปนานแล้ว…”