บทที่ 233 การแปรเปลี่ยน หญิงสาวที่สวรรค์เลือก

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 233 การแปรเปลี่ยน หญิงสาวที่สวรรค์เลือก

หลังจากนั้น

หานแสก็บอกนางอีกครั้ง ให้นางใช้ฐานะเทพธิดาไปประเทศก่วงส้า

ที่เรียกว่าเทพธิดา ก็คือหญิงสาวที่สวรรค์เลือก

ที่แผ่นดินใหญ่นี้เคยมีการปรากฏตัวของเทพธิดา นางมีวิชาการรักษาเป็นเลิศ ทำให้ชีวิตประชาชนทั้งหลายเป็นสุข เพียงยกมือก็สามารถปลุกจักรวาลได้ คุ้มครองให้แผ่นดินใหญ่นี้มีความสงบสุขกว่าสิบปี

เป็นที่รักของประชาชน เป็นที่เคารพนับถือของประชาชน แม้กระทั่งแต่ละประเทศก็ได้มีการสร้างวัดของเทพธิดาขึ้นมาด้วย

หลังจากที่ฟังจบ

หลานเยาเยาที่ลำตัวครึ่งหนึ่งหมอบอยู่บนโต๊ะ มองเขาด้วยความคับแค้น

“เทพธิดาผู้นี้ถูกเล่าขานเฉกเช่นผู้ที่เป็นเทพเซียนก็ไม่ปาน ท่านคิดว่าข้าทำได้หรือ?”

ไม่ใช่ว่านางกลัว

แต่บุคคลที่เพียงแค่หงายมือเป็นเมฆพลิกมือเป็นฝนได้เช่นนี้ ต่อให้นางคิดจะเลียนแบบก็เลียนแบบไม่ได้!

สิ่งที่นางสนใจมีเพียงสามสิ่งเท่านั้น : กิน เงิน และก็วิชาการรักษา

นางเป็นเพียงสามัญชนธรรมดา จะเป็นทำตัวเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้

“ไม่ได้ได้เช่นไร?” หานแสยกมุมปากขึ้นยิ้มเล็กน้อย ยื่นมือไปลูบผมนาง

“จะมีสักกี่คนในโลกที่สามารถเอาชนะวิชาการรักษาที่ไม่ได้เรื่องนั่นของเจ้าได้? และยังความสามารถในการแสร้งทำเป็นผีปีศาจที่ไม่เป็นรองใครของเจ้าอีก เพียงแค่แสดงเป็นเทพธิดาจะไปยากได้เช่นไร?”

“……” หลานเยาเยามุมปากกระตุกอย่างแรง

นี่คือการชื่นชมหรือกล่าวว่านางกันแน่?

ยังมีวิชาการรักษาที่ไม่ได้เรื่องอีก……

วิชาการรักษาของนางไม่มีใครสามารถสู้ได้ต่างหากล่ะ?

ยังมีแสร้งทำเป็นเทพเซียนผีปีศาจอะไรนั่นอีก? นางไปแสร้งทำเป็นเทพเซียนผีปีศาจเมื่อไหร่กัน?

แต่ว่าเทพธิดาไม่เป็นบุคคลธรรมดาสักหน่อย แม้ว่านางจะเป็นเพียงคนจริงๆ นั่นก็เป็นเพราะเทพเซียนแปลงกายมา!

ด้วยเหตุนี้ นางส่ายหัว

“นี่เล่นใหญ่ไปแล้ว คาดว่าเมื่อถึงเมืองหลวง ข้าก็ตายโดยไม่มีที่ฝังศพแล้ว”

วิทยายุทธของราชครูใหญ่นั่นก็ล้ำเลิศจนไม่สามารถคาดเดาได้ หานแสที่มีวิทยายุทธเก่งกาจถึงเพียงนั้น ยังผ่านกระบวนท่าที่สามไปไม่ได้

ถึงเวลานั้นนางคงโดนบี้ให้ตายเหมือนมดตัวหนึ่งเท่านั้น

ยิ่งไปกว่านั้น หากว่าเข้าเมืองหลวงไปด้วยฐานะของเทพธิดาจริงๆ จะต้องมีการลอบสังหารและการทดสอบตามมานับไม่ถ้วนอย่างแน่นอน ถึงเวลานั้นนางจะเอาแรงที่ไหนไปโค่นล้มราชครูใหญ่ล่ะ!

เป็นบุคคลธรรมดา ค่อยๆโค่นล้มราชครูใหญ่ที่ละหน่อยไม่ได้หรือไง?

“เจ้าไม่อยากล้างแค้นแล้วหรือ?”

เขาถามนางด้วยเสียงเบาๆ ใบหน้ามีรอยยิ้มที่ชั่วร้ายปรากฏชัดเจน

“อยาก!”

จะไม่อยากได้เช่นไร?

ไม่ว่าจะเป็นเพราะฐานะแพทย์ทหารในชาติก่อน หรือในชาตินี้ที่โดนเขากระทำอย่างโหดร้าย บ่อเกิดความหายนะเช่นราชครูใหญ่นี้ ในความฝันนางก็อยากจะกำจัดเขาให้สิ้นซากไป

“เช่นนั้นก็ได้แล้ว”

“แต่ว่า……”

“ไม่ต้องห่วง เบื้องหลังเจ้าไม่ได้มีเพียงยิงจวนเท่านั้น ยังมีเรือแห่งความสิ้นหวังอีก ตอนที่ข้าได้ข่าวมา ก็ได้ให้คนไปแต่ละประเทศเพื่อแพร่ข่าวการปรากฏตัวบนโลกของเทพธิดาไว้เนิ่นเนิ่นแล้ว

เมื่อถึงเวลาก็หาโอกาสที่เหมาะสม ให้เจ้าแสดงตัวต่อหน้าฝูงชนอย่างสง่างาม เจ้าในฐานะเทพธิดาจะไม่มีใครกล้าตั้งคำถาม”

ที่แท้เขาก็ได้เตรียมการไว้ก่อนแล้ว

นางไม่อยากเป็นเทพธิดาก็คงไม่ได้แล้ว

แต่ว่า!

จะไม่นับถือแผนการและสติปัญญาของหานแสคงไม่ได้ ภายในเวลายี่สิบปีสามารถ ก่อตั้งพรรคยิงจวนที่มีนักฆ่าที่เก่งกาจที่สุดได้ ทั้งยังสร้างเรือแห่งความสิ้นหวังที่แสนจะลึกลับอีก

ถึงตอนนี้นางยังคงไม่เข้าใจ

เรือแห่งความสิ้นหวัง ทั้งๆที่เป็นเพียงแค่เรือสินค้าขนาดใหญ่ที่สามารถทำสงครามบนทะเลได้ลำหนึ่ง ทำไมจึงได้ไม่สนใจต่อกฎหมายของประเทศต่างๆ ทั้งยังสามารถเดินเรือไปได้ทุกประเทศทั่วโลกโดยไร้ข้อผูกมัด?

นางเดาว่า หานแสยังมีตัวตนอื่นอีก

แต่ทว่า!

หานแสยังไม่ทันจะพูดจบ “แต่ว่า ก่อนที่จะเข้าเมืองหลวง ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถทำผลงานที่ยิ่งใหญ่ในแต่ละประเทศออกมา”

เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา

เมื่อได้ฟังหลานเยาเยาก็รู้สึกผิดปกติทันที

“ไม่ใช่ว่าพรุ่งนี้จะออกเดินทางไปประเทศก่วงส้าหรอกหรือ?”

หานแสเขาจะทำเรื่องที่สามารถทำให้โลกตกตะลึงได้ ภายในระยะเวลาอันสั้นต้องทำไม่สำเร็จแน่นอน

“ออกเดินทางวันพรุ่งนี้ตามปกติ แต่เป็นข้าที่ไปประเทศก่วงส้าเพื่อเตรียมการก่อน และเจ้า อยากไปที่ไหนก็ไปที่นั่น ข้าจะอยู่ที่เมืองหลวงรอความสำเร็จอันเรืองรองของเจ้า”

“เจ้าของเรือ ท่านประเมินค่าข้าสูงไปแล้ว”

“ประเมินค่าสูง? เหอะ ไม่รู้สึกเลยสักนิด”

ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอหลานเยาเยาเป็นต้นมา อ่อไม่ ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฟังเย่แจ๋หยิ่งพูดว่าหลานเยาเยาพิเศษมากเป็นต้นมา เมื่อหลังจากนั้นมาอีก ค่อยๆเข้าใจขึ้นเรื่อยๆ

เขาจึงได้รู้ หลานเยาเยาเป็นบุคคลคนหนึ่งที่สามารถปลุกเมฆฝนบนโลกนี้ได้

เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่เรือแห่งความสิ้นหวังเทียบฝั่ง หลานเยาเยาก็พาจื่อซีจื่อเฟิงขึ้นฝั่ง จากนั้นก็หายสาบสูญไป

ภายในระยะเวลาสองปีหลังจากนั้น

เทพธิดาก็ค่อยๆปรากฏต่อสายตาคนบนโลก

เล่ากันว่า ในเมืองหลวงของประเทศเซียนหลิงหนึ่งในประเทศมหาอำนาจทั้งสี่ มีคนเห็นเทพธิดาชุดแดงเหาะเหินเดินอากาศด้วยก้อนเมฆ ประเทศเซียนหลิงที่แห้งแล้งมาทั้งปี ในปีนี้มีลมฝนตกลงมา

ประชาชนประเทศเซียนหลิงบอกว่า เป็นเพราะเทพธิดาให้พร

เล่ากันว่า ประเทศมหาอำนาจอีกประเทศหนึ่ง–ซีเม่า เกิดสงครามภายใน ฮ่องเต้ประเทศซีเม่าขอพรจากฟ้า ก็มีเทพธิดาชุดแดงปรากฏ สงครามภายในสงบลงภายในสามวัน

เล่ากันอีกว่า อนารยชนที่เต็มไปด้วยความชั่วร้ายทางด้านเหนือที่เริ่มแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ได้รุกรานประเทศเล็กๆโดยรอบ มีการเผ่าปล้นฆ่าฟันแย่งชิง เป็นการกระทำที่ต่ำช้า

กลับเป็นเพราะภูเขาถล่มลงมา เวลาชั่วข้ามคืน ทั้งหมดก็ถูกฝังอยู่ใต้ดิน

มีคนบอกว่า บริเวณที่ภูเขาถล่ม ได้เห็นเทพธิดาชุดคลุมยาวสีแดงปรากฏตัว…….

อย่าไรก็ตาม!

สองปีที่ผ่านมานี้ เทพธิดาปรากฏตัว เป็นลางบอกเหตุถึงความสงบสุขของประชาชนทั้งหลาย

ดังนั้น!

ในเวลานี้เพียงแค่ประชาชนมีเรื่องไม่สบายใจ ก็จะไปที่วัดเพื่อขอพรจากเทพธิดา

แน่นอน พวกเขาก็รู้ เรื่องเล็กๆน้อยๆของพวกเขา เทพธิดาอาจจะไม่ปรากฏตัว แต่นี้ก็กลายเป็นวิธีที่ประชาชนใช้ปลอบขวัญกำลังใจวิธีหนึ่ง

ประเทศก่วงส้า เมืองหลวง

ภายในห้องส่วนตัวที่กว้างขวางโอ่อ่าห้องหนึ่ง หานแสที่เพิ่งอาบน้ำออกมา ใส่ชุดคลุมอาบน้ำที่หรูหราโดยเปิดส่วนบนของปกเสื้อไว้ กำลังอ่านจดหมายในมืออย่างสบายใจ

“เหอะ ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ”

จากนั้นเขาก็ยกถ้วยชาขึ้นมา จิบเบาๆหนึ่งอึก พูดอย่างสบายๆว่า : “ถึงเวลาที่ต้องกลับมาแล้ว”

“เข้ามา!”

ทันใดนั้นก็มีร่างเงาดำหนึ่งเหาะเข้ามา คุกเข่าข้างหนึ่งยกมือทำความเคารพพร้อมกล่าวว่า : “เจ้าของเรือ”

“แพร่ข่าวออกไป บอกว่าในเวลานี้ตราราชลัญจกรหยกแห่งราชวงศ์เก่าปรากฏขึ้นในเมืองหลวงแล้ว”

“ขอรับ!”

หลังจากที่เงาดำรับคำสั่ง ก็หายตัวออกจากในห้องไปในชั่วพริบตา

หานแสดูจดหมายที่หลานเยาเยาเขียนถึงเขาต่อ ในดวงตาเคลือบไปด้วยความสงสัย

ทำไมหลานเยาเยาจึงได้ให้เขากระจายข่าวเรื่องการปรากฏตัวของตราราชลัญจกรหยกแห่งราชวงศ์เก่า?

หรือว่านางจะรู้เบาะแสของตราราชลัญจกรหยก?

……

หลายเยาเยาอยู่ไกลถึงประเทศผึงไหล ในครึ่งเดือนให้หลังก็ได้รับจดหมายจากหานแส

นางนั่งอยู่หน้ากระจก มองดูตัวเองที่ใส่ชุดสีแดงเข้ม ก็อดที่จะตกตะลึงไม่ได้

ผิวพรรณที่ขาวละเอียด โฉมหน้าที่งดงามหาที่เปรียบไม่ได้ ดวงตาที่สดใสดั่งหยกดำ ทั้งยังมีผมดกดำเงางามที่ถูกม้วนขึ้นตามใจชอบบางส่วน นอกเหนือจากนั้นก็ปล่อยยาวลงมาตามสบาย แล้วใส่คู่กับชุดเสื้อผ้าสีแดงเลือด……

นางไม่ได้ดูอ่อนวัยเหมือนเมื่อสามปีก่อน ในตอนนี้นางสวยงามหยาดเยิ้มเป็นที่สุด แต่ในเสน่ห์แพรวพราวนั้นกลับเผยให้เห็นถึงความบริสุทธิ์ออกมาเล็กน้อย

นางยื่นมือมาลูบหน้าตัวเอง

ใบหน้าทางด้านซ้ายมีดอกไม้สีจางจางเบ่งบานออกมา ดูมีเสน่ห์และสวยงาม

สองปีที่ผ่านมานี้

นางใช้โฉมหน้านี้ปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนมาตลอด

เช่นนี้ถึงแม้ว่าจะไปถึงเมืองหลวงของประเทศก่วงส้าแล้ว ก็จะไม่มีผู้ใดจำนางได้

“เอี๊ยด……”

ประตูห้องถูกคนเปิดออก ชายใส่หน้ากากครึ่งหน้าเดินเข้ามา ในมือเขาหิ้วไก่ย่างตัวหนึ่ง หลังจากที่เอาไก่ย่างวางไว้หน้ากระจกแล้ว ก็ยกมือขึ้นเคารพนาง

“คุณหนู องค์ชายเก้ามาอีกแล้วขอรับ!”

เขาคือจื่อเฟิง

สามปีก่อนหลังจากที่ออกจากหุบเขาจิ้นเป็นต้นมา เขาและจื่อซีก็ติดตามข้างกายนางมาตลอด ไล่ก็ไล่ไม่ไปเช่นนั้น

แต่ว่า!

เหมือนกับว่าเขาทั้งสองนัดกันไว้แล้ว ไม่เรียกนางว่าพระชายาอีก เปลี่ยนเป็นเรียกคุณหนูแทน

เมื่อได้ยินคำว่าองค์ชายเก้าสามคำนี้ หลานเยาเยาก็ปวดหัวขึ้นมา

องค์ชายเก้าเป็นองค์ชายที่ฮ่องเต้ประเทศผึงไหลรักมากที่สุด อยู่ในวัยยี่สิบต้นๆ ได้รับความรักความเอ็นดูอย่างล้นหลาม

แต่ทว่า……

ครั้งแรกที่เจอเขา เขาอยู่ต่อหน้าข้าราชการทหารเสนาบดีในราชสำนัก กล่าวว่าจะแต่งงานและต้องได้นางมาเป็นพระชายาให้ได้

ทำให้ท่านพ่อของเขาตกใจ แทบจะตกลงมาจากบัลลังก์มังกร