บทที่ 240 สอบใหม่

เจ้าสำนักเหอสั่งให้รถม้าสองคันมุ่งหน้าไปยังศาลาว่าการของเมือง อาจารย์จางและอาจารย์กัวขึ้นรถม้าไปด้วยกัน ตอนนี้อาจารย์กัวเต็มไปด้วยความวิตกกังวล

“พี่จางยังไม่ได้พูดอะไรเลย เรื่องนี้ดูไม่สมเหตุสมผลเป็นอย่างยิ่ง”

เขารู้สึกว่าตอนนี้มีคนพุ่งเป้าไปที่เด็กสามคนนั่น! อาจารย์กัวมองอาจารย์จางอย่างรู้สึกผิด

“พี่จาง ข้าต้องขอโทษท่านด้วย” ชายชรากล่าว

“ความจริงย่อมคือความจริง น้องกัวไม่ต้องโทษตัวเองหรอก” อาจารย์จางกล่าว

“แต่เป็นเพราะข้าที่ทำให้ท่านเกิดเรื่องวุ่นวายเช่นนี้” อาจารย์กัวยังคงรู้สึกเสียใจ

“เรารู้จักกันมาสามสิบปี เป็นสหายกันมาตลอดจะบอกว่าไม่เกี่ยวได้อย่างไร?” อาจารย์จางกล่าว

“เหล่ากัว ข้าเชื่อใจเจ้าและลูกศิษย์ของเจ้าทั้งสามคน เขาไม่ได้โกง ยินดีกับเจ้าด้วยที่มีลูกศิษย์ที่เก่งกาจเช่นนี้”

อาจารย์จางชื่นชมอาจารย์กัวอย่างมาก สหายเก่าของเขาคนนี้มีความสามารถมาก เขาเข้าไปร่ำเรียนในเมืองจนมีความรู้ความสามารถ แต่เขามีความคิดและอุดมการณ์เป็นของตนเอง อาจารย์กัวใช้ทรัพย์สมบัติที่มีทั้งหมดของเขามาก่อตั้งสำนักศึกษา ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สหายเก่าและศิษย์ที่เคยสอนมีโอกาสเติบโตกันไปมากมาย มีเพียงเขาเท่านั้นที่ยังอยู่ที่เดิม

ลองคิดดูสิ! สหายเก่าของเขาอดอิจฉาไม่ได้ ใครบ้างจะไม่อยากมีลูกศิษย์ที่เก่งกล้าสามารถ

ในวันนี้ ศิษย์ที่ดีย่อมคู่ควรแก่การแสดงความยินดี อาจารย์กัวรู้สึกประทับใจมากเมื่อได้ยินคำนี้จากปากสหาย

สหายของเขาพูดถูกแล้ว

คนที่รู้จักเขาย่อมเป็นห่วงเขา ส่วนคนที่ไม่รู้จักเขาย่อมไม่รู้ว่าเขาเป็นคนอย่างไร? สหายคนนี้เป็นคนที่เข้าใจอาจารย์กัวอย่างแท้จริง ทั้งสองมองหน้าแล้วยิ้มให้กัน

ไม่นานนักก็มาถึงศาลาว่าการเมืองเหอตง

ใต้เท้าจูยังคงเห็นแก่หน้าของอาจารย์ทั้งสอง แทนที่จะเรียกเขาไปที่ลานพิจารณาคดี เขาให้ทั้งสองไปพบที่ห้องโถงด้านหลังเพื่อสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้แทน

“ใต้เท้า ข้าไม่ได้พบพี่จางมาสองปีแล้ว พี่จางจะบอกข้อสอบกับข้าได้อย่างไร?” อาจารย์กัวอธิบาย

“ในบรรดาลูกศิษย์ของข้า เว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยเป็นอัจฉริยะที่หาตัวจับยาก เขามีความสามารถในการคว้าตำแหน่งมาด้วยตัวของเขาเอง หากท่านไม่เชื่อก็ลองทดสอบพวกเขาดูเถิด” อาจารย์กัวโต้เถียงอย่างหนักแน่น

“คำถามพวกนี้ไม่จำเป็นต้องเจอหน้า แค่ส่งจดหมายให้กันก็ได้แล้วไม่ใช่หรือ?” ใต้เท้าจูกล่าว

“ถ้าเช่นนั้นใต้เท้าให้คนไปค้นบ้านข้าได้เลย ว่ามีจดหมายของพี่จางหรือไม่!”

“หากเจ้าได้รับจดหมายจริงมันคงถูกเผาไปนานแล้ว จะให้เจ้าหน้าที่ไปสืบค้นหาอะไร?” ใต้เท้าจูพูดต่อ

อาจารย์กัวกำลังจะสำลักความโกรธตาย เรื่องราวกลายเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร?

“ท่านควรหาทางพิสูจน์ว่าพวกเขาไม่ได้โกง” ใต้เท้าจูกล่าว

หาวิธี? เขาจะหาทางพิสูจน์ได้อย่างไร?

เขาไม่สามารถจำลองสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้นได้! อาจารย์กัวกำลังครุ่นคิด ในขณะนั้นเองมีเสียงกลองจากโถงด้านหน้าดังขึ้น

เมื่อได้ยินเสียงกลองใต้เท้าจูขมวดคิ้วทันที

“อีกแล้วหรือ?”

ตอนนี้เสียงกลองคือสิ่งที่เขากลัวมาก

ทันทีที่เสียงกลองดังขึ้น คงจะเป็นนักเรียนพวกนั้นมาตีกลองอีกครั้งเพื่อระบายความคับแค้นใจแน่นอน อีกทั้งบีบบังคับให้เขาตัดสินว่าทั้งสามคนเป็นคนโกง

แม้ว่าใต้เท้าจูนั้นจะเป็นคนขี้เกียจ แต่เขาไม่ได้โง่และรู้ว่าเรื่องนี้ไม่สามารถตัดสินได้ในทันที ต้องได้รับการไต่สวนให้ชัดเจนเที่ยงธรรม และจะเป็นการดีที่สุด หากศิษย์ทั้งสามคนนั้นจะเป็นผู้บริสุทธิ์ มิฉะนั้นแล้วจะกลายเป็นเรื่องตลกไป

เช่นนั้นแล้วเขาจำต้องสืบสาวต่อ เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะถ่วงเวลาไปได้อีกนานเพียงใด ไม่นานนัก เจ้าหน้าที่ก็เข้ามารายงาน

“ใต้เท้าขอรับ มีคนตีกลองร้องเรียนขอรับ!”

“เข้าใจแล้ว ข้าจะรีบไป”

ใต้เท้าจูคร่ำครวญในใจ เมื่อเขาเดินไปยังโถงด้านหน้าก็พบว่าคนที่ตีกลองร้องเรียนเป็นสตรีผู้หนึ่ง ใต้เท้าจูผงะไปชั่วครู่ ไม่ใช่บันฑิตหรือ?

อีกทั้งสตรีผู้นี้ดูคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด?

เมื่อเพ่งพิจารณา เขาก็จำได้ว่าหญิงสาวผู้นี้เป็นภรรยาของชายที่ถูกใส่ร้ายว่าสมรู้ร่วมคิดกับโจรภูเขาในคราวก่อน! เป็นสตรีที่ทำให้เขาปวดหัวมาก นางมีพลังและความเฉลียวฉลาด สตรีผู้นี้คือถังหลี่นั่นเอง

ถังหลี่คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังสวี่เจวี๋ยและเว่ยจื่ออั๋ง

“ใต้เท้า ข้าน้อยมีเรื่องคับข้องใจเจ้าค่ะ!”

“ข้องใจเรื่องอะไรหรือ?” ใต้เท้าจูถาม

“เด็กทั้งสองคนเป็นบุตรชายของข้า เว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยถูกใส่ร้ายว่าโกง โปรดให้ความยุติธรรมแก่ข้าด้วย!” ถังหลี่กล่าว

ใต้เท้าจูตกใจมาก

ผู้หญิงคนนี้เป็นผู้ปกครองของเว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยหรือ!

เด็กสองคนนี้คือคนที่อยู่บนยอดพายุ ไม่กี่วันผ่านมานี้มีบัณฑิตมากหน้าหลายคนมาฟ้องร้องเกี่ยวกับพวกเขา รวมกระทั่งนางที่มาศาลเพื่อฟ้องร้องคนอื่นกลับ!

ใต้เท้าจูพบว่าเรื่องนี้แปลกมาก

“มีบัณฑิตหลายคนเห็นเว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยโกงข้อสอบ แล้วเจ้าจะพิสูจน์อย่างไรว่าพวกเขาไม่ได้โกง” ใต้เท้าจูถาม

“ใต้เท้า เวลาคนพูดแค่ใช้ริมฝีปากบนกับริมปากล่างกระทบกันก็พูดได้อย่างง่ายดาย หากท่านพูดว่าเขาโกง แต่เขาบอกไม่ได้โกง ชาวบ้านบอกถูกแล้ว ข้าเองก็บอกถูกแล้วเช่นกัน ท่านจะบอกได้อย่างไรว่าใครพูดความจริง?”

ใต้เท้าจูได้ฟังก็พยักหน้าอย่างรวดเร็ว ใช่แล้ว นี่คือสิ่งที่เขาต้องเจอในทุกวัน ส่วนตัวเขาก็ไม่ได้เห็นด้วยไปเสียหมด..

“ข้าเชื่อว่าลูกชายข้าไม่ได้โกงข้อสอบ แต่เมื่อบัณฑิตทั้งหลายคิดว่าบุตรชายของข้าโกง ก็ให้ลูกชายข้าสอบใหม่เสีย หากลูกชายของข้ายังติดสองอันดับแรก ขอให้ท่านจัดการกับพวกที่ใส่ร้ายลูกชายข้าอย่างยุติธรรม! ถ้ามีนักเรียนคนใดทำได้คะแนนได้มากกว่าบุตรชายข้า ข้าจะยอมรับว่าพวกเขาโกงข้อสอบจริง!” ถังหลี่พูดเสียงดัง

ฉินเหวินซวนสอบได้อันดับสี่ด้อยกว่าต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยที่มีพรสวรรค์ด้านการเรียนรู้

เมื่อถังหลี่พูดเช่นนี้นั้นหมายความว่านางมั่นใจกว่าเด็กทั้งสองคนจะชนะ! เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ใต้เท้าจูอดไม่ได้ที่จะชื่นชมในความกล้าหาญของนาง

แต่….

“ในการสอบมีปัจจัยหลายอย่างที่ไม่แน่นอน การที่บุตรชายเจ้าเป็นที่หนึ่งในครั้งที่แล้วไม่ได้แปลว่าจะทำสำเร็จอีกในครั้งต่อไป เจ้าแน่ใจหรือ?” ใต้เท้าจูถาม

ถังหลี่รู้ว่าใต้เท้าจูหมายถึงอะไร อีกทั้งเป็นการเตือนว่านี่คือเดิมพันครั้งใหญ่สำหรับนาง อย่างไรก็ตามถังหลี่เชื่อในตัวบุตรชายทั้งสอง

“มีความไม่แน่นอนจริง ดังนั้นข้าจึงขอให้ใต้เท้าของข้าดูแลเรื่องนี้เป็นการส่วนตัว เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีคำถามที่รั่วไหล และผู้ตรวจสอบก็จะตรวจสอบอย่างยุติธรรม” ถังหลี่กล่าว