ตอนที่ 128.1 ‘ความโกรธ’ ของศิษย์พี่ (1)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ในวิหารเทพทะเล ผู้พิทักษ์เซียนเทียนสองคนยืนอยู่ตรงมุมลานทางด้านหลังขณะกำลังถือภาพจิตวิญญาณของขุนเขาและสายน้ำ

หากผู้ใดสามารถมองดูภาพวาดนี้อย่างใกล้ชิดชั่วขณะหนึ่ง พวกเขาก็จะเห็นว่าร่างทั้งสองที่อยู่ข้างในนั้นราวกับมีชีวิต ด้วยการเคลื่อนไหวเล็กน้อยในการประสานมือและโค้งคารวะให้กันของพวกเขา

ร่างทั้งสองนั้นคือตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่วและแม่ทัพตงมู่ หลังจากคารวะทักทายให้กันแล้ว ทั้งสองคนก็ได้จัดวางค่ายกลแยกตัวหลายแบบขึ้นมาในบริเวณโดยรอบของวิหารเทพทะเล ก่อนจะพวกเขาเข้าสู่แผนที่ขุมทรัพย์ที่สามารถปิดกั้นพลังสัมผัสเซียนรับรู้ และการคาดการณ์ทำนายจากสวรรค์

แผนที่นี้มีภูมิหลังที่ทรงพลังทีเดียว มันเป็นแบบจำลองของแผนที่ขุนเขาสายน้ำแห่งสมบัติเซียนเทียน

ในภาพแผนที่นี้ พวกเขาทั้งสองได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเล็กน้อย ก่อนที่แม่ทัพตงมู่จะชี้แจงถึงจุดประสงค์ในการมาเยือนของพวกเขา

“ฝ่าบาท องค์เง็กเซียนได้รับประโยชน์อย่างมากจากการสนทนากับเทพแห่งท้องทะเลที่ผ่านมานี้ เมื่อไม่กี่วันก่อน เหล่าเซียนของหอสมบัติหลิงเซียวได้รวมตัวกัน และฝ่าบาทก็ตรัสไว้แล้วว่าต้องการคัดเลือกเทพทะเลทักษิณ และในไม่ช้า จะมีพระราชโองการประกาศแต่งตั้งมาถึงที่แห่งนี้ สหายเต๋า ต่อจากนี้ไป ท่านกับข้าจะเป็นเสนาบดีในโถงเดียวกัน”

หลี่ฉางโซ่วขมวดคิ้วเล็กน้อยและกล่าวถามว่า “คำว่าในไม่ช้านี้ หมายถึงนานเพียงใดกันหรือ…

…สหายเต๋า โปรดบอกข้าสักหน่อยเถิดว่า อีกนานเท่าใดจึงจะมีพระราชโองการออกมา”

“อย่างเร็วก็คงเป็นร้อยปี และอย่างช้า ก็คือสองหรือสามร้อยปี”

แม่ทัพตงมู่ลูบเคราของเขาพลางยิ้มบางพร้อมเผยท่าทีอึดอัดใจเล็กน้อยปรากฏขึ้นบนใบหน้าผอมบางของเขา

“สหายเต๋า เจ้าควรรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ในยามนี้ในศาลสวรรค์ เนื่องจากบัดนี้ ตำแหน่งสำหรับเทพเจ้าที่ชอบธรรมส่วนใหญ่ในศาลสวรรค์นั้นยังคงว่างอยู่ และการดำเนินงานส่วนใหญ่ของเต๋าสวรรค์ ยังคงเป็นฝ่าบาทรักษาไว้เพียงผู้เดียว ต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งร้อยปีก่อนที่เต๋าสวรรค์จะตอบสนองต่อบัญชาแต่งตั้งตำแหน่งเทพเจ้าอย่างเป็นทางการ”

หลี่ฉางโซ่วยิ้มในใจและกล่าวว่า “ไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้ แม้จะเป็นเวลาพันปีก็ไม่เป็นไร นอกจากนี้ ท่านแม่ทัพตงมู่ ข้าอยากขอให้ท่านกลับไปรายงานฝ่าบาท แม้ข้าจะได้ตำแหน่งเป็นเทพเจ้าแต่ข้ายังไม่อาจไปที่ศาลสวรรค์เพื่อรับบัญชาได้ทันที และข้าก็ไม่อาจปล่อยให้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์บินไปที่ศาลสวรรค์ให้เป็นเรื่องขบขันได้ เมื่อถึงเวลา ข้าจะไปสวรรค์และทำการสักการะบูชาที่หอสมบัติหลิงเซียว ข้าจะทำให้ดีที่สุดเพื่อฝ่าบาท”

“สหายเต๋า เจ้าไม่ได้เร่งร้อนหรือวิตกกังวลเลย ช่างมีอุปนิสัยดีจริงๆ”

แม่ทัพกล่าวยกย่อง เห็นได้ชัดว่าเขาคาดเอาไว้แล้วว่าหลี่ฉางโซ่วจะกล่าวเช่นนั้น

ในระหว่างการประชุมครั้งล่าสุด หลี่ฉางโซ่วได้กล่าวไว้แล้วว่าเขาไม่สะดวกในการขึ้นสวรรค์ชั่วคราว

หลังจากมีพระราชโองการแต่งตั้งแล้ว หลี่ฉางโซ่วจะได้รับตำแหน่งเป็นหนึ่งในเทพแห่งศาลสวรรค์

หลังจากนั้นเขาเพียงแค่สั่งให้ทูตเทวะเพิ่มรูปปั้นขององค์เง็กเซียนในวิหารที่เป็นที่นิยมมากที่สุดและตั้งไว้เหนือรูปปั้นของเขาและอ๋าวอี่ จากนั้นเขาก็จะประกาศว่าสำนักเทพทะเลได้กลับสู่ศาลสวรรค์แล้ว

เมื่อถึงเวลานั้น บุญที่ได้จากเครื่องสักการะก็ยังเท่าเดิม มันจะไม่เปลี่ยนแปลงใดๆ

และเต๋าสวรรค์ก็จะมอบบุญเต๋าสวรรค์ให้กับเขา ผู้เป็นเทพทะเล ซึ่งคล้ายกับการให้เงินค่าจ้างรายเดือนแก่เขา…

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่จะได้รับบุญของเต๋าสวรรค์ ซึ่งแม่ทัพตงมู่ก็ยังนำปัญหาหกประการที่ต้องจัดการในระหว่างการมาเยือนของเขาในครั้งนี้มาให้เขาด้วย

ห้ารายการแรกคือ เรื่องที่องค์เง็กเซียนไม่อาจตัดสินใจได้ เขาต้องการฟังความคิดเห็นของเทพแห่งท้องทะเล ความจริงแล้ว เขาอยากจะยืนยันเพิ่มเติมถึงคุณค่าของเขาในฐานะที่ปรึกษายุทธศาสตร์

แต่หลี่ฉางโซ่วไม่ได้รีบร้อนในครั้งนี้ หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนรอบคอบแล้ว เขาก็ให้ความเห็นของตัวเองเกี่ยวกับปัญหาต่างๆ ทีละปัญหา

เพื่อความปลอดภัย เขาได้จำกัด ‘มุมมอง’ ของเขาและเสนอความคิดเห็นให้แก่องค์เง็กเซียน ซึ่งเกี่ยวข้องกับสิ่งที่องค์เง็กเซียนจะมองเห็นได้

เห็นได้ชัดว่า มันแตกต่างจากคำแนะนำสิบสองข้อก่อนหน้านี้ที่หลี่ฉางโซ่วสรุปไว้จากชีวิตหลังความตายของเขาเมื่อก่อนหน้านี้…

แต่เรื่องสุดท้ายที่แม่ทัพตงมู่ถามถึง ซึ่งเป็นปัญหาส่วนตัวของเขานั้น กลับเป็นปัญหายุ่งยากที่ทำให้หลี่ฉางโซ่วต้องปวดศีรษะ

เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับจอมปราชญ์เทพ

ในครั้งสุดท้ายที่พวกเขาพบกันนั้น หลี่ฉางโซ่วก็พอคาดเดาได้คร่าวๆ เกี่ยวกับตัวตน ชะตากรรม และแม้แต่เรื่องราวของแม่ทัพตงมู่แล้ว

ครั้นเมื่อได้ยินคำอธิบายโดยละเอียดอย่างระมัดระวังของแม่ทัพตงมู่ ชายชราที่อยู่ตรงหน้าของเขาในวันนี้แล้ว หลี่ฉางโซ่วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา…มันไม่ง่ายเลยจริงๆ

ที่เรียกขานกันว่า แม่ทัพตงมู่นั้น แท้ที่จริงแล้วคือชีวิตก่อนหน้าของลู่ตงปิน ซึ่งเป็นที่รู้จักในนามแม่ทัพตงหวัง หรือตงหวังกง หรือตงหัวตี้จวิน[1] ที่เป็นเซียนแห่งศาลสวรรค์ที่มีชื่อเสียงแห่งทั้งสามอาณาจักร

ศาลสวรรค์เพิ่งได้รับการจัดตั้งขึ้น เพื่อยับยั้งพลังที่แท้จริงขององค์เง็กเซียน จอมปราชญ์เทพจึงได้ตั้งแม่ทัพตงหวัง เพื่อควบคุมเหล่าเซียนบุรุษแห่งศาลสวรรค์

มันไม่มีอะไรมาก แม้เขาจะมีอำนาจทับซ้อนกับองค์เง็กเซียน แต่แม่ทัพตงหวังเองก็เป็นผู้ใต้บัญชาขององค์เง็กเซียน

ปัญหาคือตำแหน่งที่สอดคล้องกันของแม่ทัพตงหวังคือ ซีหวังหมู่ หรือเทพมารดาแห่งประจิม ซึ่งควบคุมเซียนสตรีแห่งศาลสวรรค์

และซีหวังหมู่ก็เป็นคนเดียวกันกับเทพมารดาในอนาคต!

นางและองค์เง็กเซียนเป็นเด็กวิสุทธิ์ที่อยู่เคียงข้างบรรพาจารย์เต๋าในวังจื่อเซียว พวกเขาเป็นศิษย์พี่และศิษย์น้องหญิงอย่างแท้จริง

จากการลอบสังเกตอย่างลับๆ ของแม่ทัพตงมู่ องค์เง็กเซียนและซีหวังหมู่ยังคงเป็นคู่เหมยม้าไม้ไผ่ ซึ่งพวกเขาสองคนล้วนเป็นผู้ยิ่งใหญ่ดุจเทพแห่งศาลสวรรค์

อย่างไรก็ตาม แม่ทัพตงมู่ มักจะเห็นองค์เง็กเซียนเข้ามาในสระหยกของศาลสวรรค์ บางครั้ง พวกเขาทั้งสองคนก็จะไปที่สระหยกในคุนหลุนตะวันตกด้วยกัน…บัดนี้แม่ทัพตงมู่ และซีหวังหมู่ได้กลายเป็นหัวหน้าของเซียนบุรุษและเซียนสตรีแห่งศาลสวรรค์แล้ว และพวกเขามักจะถูกบรรดาเซียนแห่งศาลสวรรค์วางเคียงข้างกัน…

เช่นนั้นแล้ว องค์เง็กเซียนจะไม่รู้สึกขุ่นเคืองใจได้อย่างไร

เดิมที แม่ทัพตงมู่คิดว่าในตอนแรก เขาจะได้รับการแต่งตั้งจากท่านจอมปราชญ์ ดังนั้นแม้กระทั่งองค์เง็กเซียนของเขาก็ไม่สามารถแตะต้องเขาได้เนื่องจากเขาได้รับการแต่งตั้งจากท่านจอมปราชญ์

แต่ในไม่ช้า เขา…ก็ได้รับการสั่งสอนให้จงรักภักดีต่อองค์เง็กเซียน!

เขาตระหนักถึงความสามารถขององค์เง็กเซียนได้เป็นอย่างดี และยามนี้เขาก็ภูมิใจที่ได้ช่วยเหลือเจ้าผู้ปกครองแห่งสามอาณาจักร!

แม้ว่าองค์เง็กเซียนจะไม่ได้กล่าวถึงเรื่องของแม่ทัพตงหวังและซีหวังหมู่ แต่แม่ทัพตงหวังก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องระวังตัวเอาไว้ตลอดเวลา

ดังนั้น แม่ทัพตงหวังจึงเปลี่ยนตัวเองเป็นแม่ทัพตงมู่ เขามักจะระมัดระวังและไม่เคยใช้อำนาจของเขาในฐานะผู้ดูแลเซียนบุรุษ เขาจะทำทุกอย่างที่องค์เง็กเซียนบัญชา

แต่องค์เง็กเซียนยังไม่ได้ครองอำนาจเต็มที่และยังไม่มีคนในบัญชาที่เป็นประโยชน์นัก

หากองค์เง็กเซียนมีอำนาจเต็มเปี่ยมและไม่ว่าเขาจะต้องการฟื้นคืนอำนาจกลับคืนมาหรือยังคงคิดเพื่อชื่อเสียงของเขา แม่ทัพตงมู่ก็คงจะ…

แน่นอนว่า เขาคงจะ…

แม่ทัพตงมู่เป็นกังวลในเรื่องนี้มาหลายปีแล้วโดยไม่อาจปรึกษาเรื่องนี้กับผู้ใดได้ ครั้นเมื่อไม่นานมานี้ องค์เง็กเซียนได้ยกย่องเทพเจ้าแห่งท้องทะเลทักษิณ ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องไปที่นั่น “สหายเต๋า ท่านเป็นมิตรและเฉลียวฉลาดยิ่ง ท่านพอที่จะชี้แนะทางออกที่ชัดเจนให้ข้าสักหน่อยได้หรือไม่”

หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอย่างลึกซึ้งอยู่ในใจครู่หนึ่ง และเผยสีหน้าตกใจออกมาบนใบหน้าของเซียนชราผู้นั้นซึ่งคือตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์

จากนั้น แม่ทัพตงมู่ลุกขึ้นยืนและโค้งคำนับ เขาหยิบอาวุธเวทสองชิ้นที่เก็บเอาไว้สองชิ้นออกมาจากแขนเสื้อแล้วกล่าวเบา ๆ ว่า “หากสหายเต๋าช่วยชี้แนะข้าได้บ้างสักหน่อย ข้าจะขอขอบคุณท่านอย่างแน่นอน!” ความจริงแล้ว หลี่ฉางโซ่วไม่ใช่คนที่จะลงมือทำสิ่งใดเพียงด้วยวัตถุนอกกาย แต่แม่ทัพตงมู่ก็เสนอให้มากเกินไป…

แค่กๆ ข้าไม่อาจชี้แนะให้ท่านเพิ่มเติมให้ท่านได้อีก!

ความจริงแล้ว แม้แต่สำหรับปัญหานี้ หลี่ฉางโซ่วรู้วิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุด

แต่หากเขาช่วยแม่ทัพตงมู่ เขาย่อมจะทำให้ท่านปรมาจารย์จอมปราชญ์ต้องเสียหน้า

ไม่ว่าจะเป็นท่านปรมาจารย์จอมปราชญ์คนใด จะเป็นผู้ตั้งตำแหน่งแม่ทัพตงหวังเพื่อก่อกวนใจองค์เง็กเซียน ในเวลานี้ มันก็ไม่ใช่กรรมที่หลี่ฉางโซ่วจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยได้

หลี่ฉางโซ่วรู้ชัดเจนดีว่าชีวิตของเขาย่อมสำคัญกว่าความมั่งคั่ง

ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วพลันถอนหายใจและกล่าวว่า “ไม่ว่าจะอย่างไร ข้าก็ไม่อาจช่วยท่าน สหายเต๋า เรื่องนี้ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับว่า ท่านจะสามารถถอยไปได้ไกลเพียงใด”

แม่ทัพตงมู่รีบกล่าวว่า “หากในอนาคต ข้าสามารถอยู่ได้โดยไร้กังวล ข้าจะขอตอบแทนด้วยผลเต๋าอายุยืน ข้ามิกล้าขอสิ่งใดมากไปกว่านี้แล้ว!”

หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวได้เพียงว่า “ท่านไม่อาจเร่งรีบเกินไปได้ ท่านอาจกอบกู้สถานการณ์ได้ด้วยสามขั้นตอน”

[1] ปรมาจารย์เซียนตงหัวตี้จวิน หรือตงหวังกง ซึ่งแปลว่าราชาตะวันออก หากมีผู้ใดที่ได้บรรลุเซียนได้ต้องทำการสักการะมู่กง(ตงหวังกง) ท่านเป็นที่รู้จักในหลายนาม ท่านเป็นหัวหน้าของเซียนฝ่ายชายทั้งหมด โดยมักจะถูกเรียกให้คู่กับหัวหน้าแห่งเซียนหญิงทั้งปวงคือ “ซีหวังหมู่ หรือ เทพมารดาแห่งประจิมหรือทิศตะวันตกหรือราชินีตะวันตก”