ตอนที่ 66 ท่านหินดำผู้ปราดเปรื่อง

Game of the World Tree

ในบริเวณโบราณสถานที่เต็มไปด้วยรากไม้และเถาวัลย์

มีก็อบลินกลุ่มหนึ่งนั่งล้อมวงอยู่รอบกองไฟ พวกมันกำลังย่างกระต่ายป่าตัวอ้วนฉุ

ในวินาทีนั้นพลันปรากฏเงาทะมึนพาดผ่านพวกมัน… มือขนาดใหญ่คว้าร่างหนึ่งที่กำลังย่างกระต่ายโดยไม่ทันตั้งตัว มันถูกหิ้วขึ้นมาราวกับเป็นเพียงลูกเจี้ยบ

อสูรอัปลักษณ์ตัวเขียวที่เหลือต่างหันหลังมาเผชิญหน้ากับผู้มาเยือน ทว่าในวินาทีนั้นพวกมันกลับต้องหวาดกลัวจนแทบสิ้นสติ ก่อนจะรีบหมอบลงบนพื้นด้วยร่างอันสั่นเทา

เบื้องหน้าของพวกมันคือกลุ่มออร์คอันดุร้าย และผู้นำของเหล่าออร์คก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก หินดำ ผูู้อยู่บนจุดสูงสุดของระดับเหล็กขั้นสูง!

หินดำมองก็อบลินที่ตนหิ้วขึ้นมา ร่างเขียวตัวน้อยสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว นัยน์ตาออร์คหนุ่มพลันปรากฎแววตาอันหยามเหยียด

มันโยนร่างของก็อบลินลงสู่พื้นอย่างไม่ยี่หระ

“ผู้นำของพวกเจ้าอยู่ไหน?”

ก็อบลินตัวนั้นกลับไม่แสดงอาการโกรธเคือง มันรีบลุกขึ้นพลางยิ้มประจบประแจง พลางชี้มือชี้ไม้ไปทางทิศหนึ่งเป็นเชิงบอกกล่าว

“แอ๊—”

หินดำมองท่าทางน่าขันของก็อบลิน มันคำรามเสียงต่ำด้วยความเย็นชา ก่อนจะคว้าเอาเนื้อกระต่ายป่าจากกองไฟส่งเข้าปาก…

ถุด–!

…และถ่มเนื้อกระต่ายออกมาด้วยความไม่พอใจ หินดำรู้สึกขยะแขยงฝีมือการปรุงอาหารของพวกก็อบลินเป็นอย่างมาก

ท่าทีของนักรบออร์คทำให้เหล่าก็อบลินรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง

หินดำไม่พูดสิ่งใดออกมาอีก มันง้างเท้าเตะอสูรร่างจิ๋วและออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีผู้ใดกล้าปฏิเสธ

“นำทางไป”

ภายใต้การนำทางของพวกก็อบลิน เหล่าออร์คได้มาถึงซากปรักหักพังแห่งหนึ่งในเขตโบราณสถาน

บรรดาสหายตัวเขียวต่างเดินอ้อมไปทางด้านข้าง พวกมันยกแผงหญ้าแห้งในบริเวณนั้นขึ้น เผยให้เห็นโพรงขนาดใหญ่ที่ถูกซ่อนไว้ในบริเวณด้านข้างของสิ่งปลูกสร้าง

พวกมันคลานเข้าไปอย่างคุ้นเคย โดยมีกลุ่มออร์คที่ย่อตัวลงเดินตามอยู่เบื้องหลัง

สิ่งปลูกสร้างแห่งนี้ถูกทิ้งร้าง กลาดเกลื่อนไปด้วยเศษหินที่ถล่มลงมาและกองขยะที่ส่งกลิ่นเหม็นเน่า โดยยังพอมีทางเดินคดเคี้ยวปรากฏอยู่ตรงกลาง

เหล่าออร์คได้รับการนำทางโดยก็อบลินเข้าไปในพื้นที่เบื้องลึก ยิ่งพวกมันเข้าไปลึกเท่าไร พื้นที่โดยรอบก็ยิ่งกว้างขวางขึ้นเท่านั้น จนในที่สุดก็นำมาสู่บริเวณถ้ำขนาดใหญ่ที่มีเส้นทางแตกแขนงไปสู่บริเวณอื่น ๆ อีกหลายสาย

สถานที่แห่งนี้คือฐานที่มั่นลับของเผ่าถ้ำในอาณาเขตป่าเอลฟ์ และยังเป็นจุดแวะพักระหว่างการออกล่าเอลฟ์

บริเวณใจกลางถ้ำมีกองไฟกองหนึ่ง กับออร์คสามตัวที่กำลังนอนกรนสนั่นหวั่นไหวด้วยความเกียจคร้าน รายล้อมไปด้วยก็อบลินจำนวนหนึ่งที่ยืนใช้ใบไม้ขนาดใหญ่คอยพัดให้ออร์คทั้งสามอย่างต่อเนื่อง

ในบริเวณส่วนลึกของถ้ำเป็นคุกที่สร้างขึ้นมาจากหิน

เบื้องหลังลูกกรงเหล็ก ปรากฏดวงตาหลายคู่ที่ฉายแววหวาดกลัวและสิ้นหวังจากเบื้องลึกของหัวใจ

หินดำมองไปทางคุกหินเป็นลำดับแรก สีหน้าของมันเผยความประหลาดใจ ก่อนจะหันไปทางออร์คทั้งสามตัว

ใบหน้าของมันทวีความถมึงทึงเมื่อเห็นพวกออร์คที่นอนหลับอุตุอย่างสบายอกสบายใจ

หินดำคำรามต่ำ ๆ ในคอก่อนจะปรี่เข้าไปเตะพวกมันตัวละที

“ไอ้สารเลวตัวไหนมันกล้าปลุกบิดาจากฝันหวาน!”

ออร์คทั้งสามที่ถูกลูกเตะของหินดำปลุกต่างคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว พร้อมชักอาวุธออกมาอย่างขุ่นเคือง

แต่เมื่อเห็นรูปร่างหน้าตาของผู้มาเยือน ท่าทีของมันพลันเปลี่ยนไป ร่างกายของพวกมันต่างสั่นเทาด้วยความหวาดหวั่น

“อ่า… ท่านหินดำ ลมอะไรหอบท่านมาที่นี่ขอรับ?”

เหล่าออร์ครีบปั้นหน้ายิ้มพลางซ่อนตะบองเขี้ยวหมาและดาบใหญ่ไว้ด้านหลัง ก่อนจะประจบประแจงสุดชีวิต

“เหอะ ไอ้พวกขยะเปียกขี้แพ้สามตัว ไม่รู้จักระแวดระวังอะไรกันเลย!”

หินดำก่นด่าด้วยความเกลียดชัง ก่อนจะกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

“ท่านหัวหน้านักบวชมหาคีรีส่งข้ามาที่นี่เพื่อตรวจสอบสถานการณ์บางอย่าง และข้ามีบางสิ่งที่ต้องถามจากพวกเจ้า…”

ออร์คทั้งสามมองหน้ากัน ใบหน้าของพวกมันดูความเคร่งเครียดขึ้นมา

“ท่านมาที่นี่เพื่อตรวจสอบเรื่องการหายตัวไปของกลุ่มนักล่าออร์คเหรอครับ?”

หินดำจ้องมองพวกมันพลางพยักหน้า

“นั่นก็เรื่องหนึ่ง แต่ก่อนที่จะไปถึงจุดนั้น ข้าขอถามพวกเจ้าก่อนว่าเร็ว ๆ นี้มีสถานการณ์ผิดปกติในป่าเอลฟ์ไหม? โดยเฉพาะ… ในบริเวณใกล้ซากเมืองฟลอเรนซ์”

หมูตอนสามตัวต่างยืนตัวแข็งเมื่อได้ยินคำถามของหินดำ พวกมันลอบมองหน้ากัน ก่อนจะพากันส่ายศีรษะ

“ที่นั่น… เหมือนว่า… จะไม่มีอะไรเป็นพิเศษขอรับ”

สีหน้าของหินดำดูหม่นลงเล็กน้อย

“จงคิดให้ดีอีกครั้ง …อย่าบอกนะว่าเอาแต่นอนอู้อยู่ในถ้ำมาตลอด”

มันกล่าวพร้อมแผ่แรงกดดันของระดับเหล็กขั้นสูงออกมาจากร่างของตน ส่งผลให้สามออร์คที่อยู่ในระดับเหล็กขั้นต้นถึงกับไม่กล้าหายใจ

ภายใต้แรงกดดันของตัวตนอันทรงพลัง ออร์คสามตัวต่างทรุดลง สีหน้าของพวกมันย้อมไปด้วยความหวาดกลัว พร้อมกับเหงื่อกาฬเม็ดโตที่ผุดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง

ทันใดนั้น ออร์คตัวหนึ่งพลันรวบรวมความกล้าและโพล่งขึ้นมาด้วยร่างอันสั่นเทา

“ท่านหินดำ ข้า… ข้าจำได้… ข้าจำได้… เร็ว ๆ นี้มันมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น!!”

ท่าทีของหินดำค่อย ๆ อ่อนลงเมื่อได้ยินคำกล่าวของมัน

“จงพูด”

ออร์คที่คุกเข่าอยู่กับพื้นถอนหายใจด้วยความโล่งอก มันกล่าวขึ้นมาด้วยความระมัดระวัง

“เร็ว ๆ นี้… เหมือนว่าพวกสัตว์อสูรระดับต่ำจะปรากฏตัวมากขึ้นในแถบนี้ และพวกมันบางส่วนเป็นสัตว์ที่พบได้แค่รอบเมืองฟลอเรนซ์ ดูเหมือนว่าพวกมันจะพากันย้ายถิ่นฐานมา…”

“หืม? การอพยพของสัตว์อสูรระดับต่ำ?”

ประกายแสงปรากฏในดวงตาของหินดำ

ในอาณาเขตป่าเอลฟ์ เหล่าสัตว์อสูรล้วนมีประสาทสัมผัสที่เฉียบแหลม การอพยพเช่นนี้จะไม่บังเกิดภายใต้สถานการณ์ปกติ

การอพยพ มักจะเกิดขึ้นจากสองสาเหตุ

สาเหตุแรก เพื่อค้นหาที่แหล่งที่อยู่ใหม่

อีกสาเหตุ คือการสัมผัสได้ถึงภัยคุกคาม จึงมีความจำเป็นที่จะต้องอพยพย้ายถิ่นฐาน…

ป่าเอลฟ์อุดมไปด้วยพืชพรรณ เป็นดั่งสรวงสวรรค์ของเหล่าสัตว์อสูร สถานการณ์แรกจึงแทบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

นี่ยังไม่นับว่าพื้นที่โดยรอบของฐานที่มั่นแห่งเผ่าถ้ำ ได้กลายเป็นพื้นที่แห้งแล้งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว…

ดังนั้นสาเหตุแรกจึงถูกปัดตกไป

และสิ่งที่เหลืออยู่… จึงเป็นคำอธิบายที่ชัดเจนด้วยตัวของมันเอง

“พวกมันกำลังซ่อนตัวจากบางสิ่ง …บางสิ่งที่ทำให้พวกมันรับรู้ถึงอันตรายจนต้องหนีตาย ส่วนที่มาของสิ่งนั้น …เกรงว่ามันจะมาจากเมืองฟลอเรนซ์!”

นัยน์ตาของหินดำฉายแววขึ้นมาวูบหนึ่ง

หากการคาดการณ์ของหินดำถูกต้อง สิ่งนี้ย่อมเป็นกุญแจสำคัญของเรื่องราวที่มหาคีรีมอบหมายหน้าที่ให้มันตรวจสอบ

หินดำไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถามขึ้นมาอีกครั้ง

“มีสัตว์อสูรที่ทรงพลังอยู่ในจำนวนนั้นไหม?”

ออร์คตัวเดิมส่ายศีรษะเป็นเชิงปฏิเสธ

“ไม่เลยขอรับ… พวกมันทั้งหมดล้วนเป็นสัตว์อสูรระดับต่ำ ตัวที่แข็งแกร่งที่สุดก็เป็นเพียงระดับเงินขั้นต้น พวกเราจึงไม่เคยสนใจในประเด็นนี้มาก่อน”

สัตว์อสูรระดับต่ำ?

ดวงตาของหินดำฉายแววอีกครั้ง

สิ่งนี้สะท้อนถึงความรุนแรงของภัยคุกคามที่น่าจะอยู่ในระดับต่ำ เพราะสัตว์อสูรระดับสูงไม่ได้รู้สึกถึงวิกฤติดังกล่าว…

หินดำหวนนึกถึงเหล่าเอลฟ์ประหลาดที่หัวหน้านักบวชได้มีบัญชาแก่มันก่อนออกเดินทาง

“พวกเอลฟ์ที่ไล่ล่าก็อบลิน…”

มันใช้เวลาตรึกตรองอยู่พักหนึ่ง

หรือว่าพวกเอลฟ์ที่ท่านมหาคีรีกล่าวถึงจะเป็นสาเหตุของเรื่องนี้

และสาวกของเทพแห่งความตายที่ท่านนักบวชกล่าวถึงคง….

“ท่าน! ท่านขอรับ! ข้านึกขึ้นมาได้อีกสองสิ่ง!”

ออร์คอีกตัวพลันยกมือขึ้น หินดำชำเลืองมองมันก่อนจะกล่าวอนุญาต

“เชิญ”

ออร์คตัวนั้นหายใจเข้าลึก ๆ ครั้งหนึ่งแล้วจึงกล่าว

“ในช่วงเดือนก่อน ก็อบลินจำนวนเป็นสิบพากันหลบหนีบางสิ่งมาที่นี่ พวกมันดูหวาดกลัว แถมมีสภาพจิตใจที่ไม่มั่นคงอย่างแรง…”

“นอกจากนี้ คือท่านศิลา… สถานที่สุดท้ายที่ท่านศิลามุ่งหน้าไป คือใจกลางป่าเอลฟ์ในบริเวณเมืองฟลอเรนซ์…”

สีหน้าของหินดำหมองลงทันทีที่ได้ยินเรื่องดังกล่าว

“ทำไมเจ้าไม่รีบพูดตั้งแต่แรก!”

ร่างของออร์คสั่นเป็นลูกนก มันพยายามพูดอย่างระมัดระวัง

“เพราะ… เพราะพวกก็อบลินมันค่อนข้างขี้อาย แถมพวกเราก็ไม่เข้าใจเสียงกรีดร้องของพวกมัน ส่วนท่านศิลา… ท่านศิลา…. เมื่อครู่นี้ข้าประหม่า จึงไม่ทันคิดไป…”

“เหอะ ไอ้ขยะ!”

หินดำสบถ

หินดำไม่แม้แต่จะชำเลืองมองเหล่าออร์คทั้งสามอีกครั้ง แต่ใช้เวลาไปกับการพินิจพิเคราะห์ข้อมูลที่ตนได้รับ

แต่หินดำได้คาดเดาบางสิ่งอย่างคลุมเครือ

“เอลฟ์ระดับต่ำกลุ่มหนึ่งได้กลับมาสู่ฟลอเรนซ์ น่าจะได้รับพรจากเทพแห่งความตาย และขับไล่ก็อบลินกับสัตว์อสูรระดับล่างในบริเวณใกล้เคียงออกไป พวกมันคงวางแผนที่จะทำอะไรซักอย่างกับที่นั่น…”

“มีความเป็นไปได้ว่าสาวกของเทพแห่งความตายจะมีเอี่ยวกับเรื่องพวกนี้ และการหายตัวไปของท่านศิลากับทีมนักล่าก็คงจะเพราะไปเจอความลับของพวกเอลฟ์มัน…”

“เหล่าสาวกพวกนั้นน่าจะแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก… ไม่เช่นนั้นท่านศิลาคงไม่เพลี่ยงพล้ำจนถึงแก่ความตาย แม้ข้าจะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับมาจากท่านหัวหน้านักบวช แต่ข้าก็อาจจะไม่ใช่คู่มือของพวกมัน”

“เกรงว่ามันจะเป็นเรื่องอันตรายถ้าจะบุกเข้าไปฟลอเรนซ์โดยไม่ดูให้ดีก่อน…”

“หึหึ แต่ดูเหมือนว่าพวกหูยาวจะไม่ได้จงรักภักดีเหมือนที่ตำนานกล่าวไว้ ช่างน่าประหลาดเสียจริงที่พวกมันมีส่วนรู้เห็นกับแผนของเทพแห่งความตาย…”

ท่าทีของหินดำแฝงไปด้วยความเย้ยหยัน มันถามขึ้นมาอีกครั้ง

“ตอนนี้ยังมีสัตว์อสูรหนีมาเรื่อย ๆ ใช่ไหม?”

“ชะ— ใช่ ตามนั้นขอรับ”

ออร์คตัวนั้นตอบด้วยน้ำเสียงอันสั่นเทา

หินดำพิเคราะห์อยู่ครู่หนึ่ง

การที่เหล่าสัตว์อสูรยังคงอพยพออกมา ย่อมหมายถึงการที่เหล่าเอลฟ์ยังอยู่ในบริเวณฟลอเรนซ์

กล่าวอีกนัยหนึ่ง… หินดำจะมีโอกาสจับเอลฟ์จากบริเวณฟลอเรนซ์เพื่อรีดเอาความลับมาจากพวกมัน!

วิธีนี้ปลอดภัยกว่ากันเห็น ๆ!!

เมื่อคิดได้ดังนั้น หินดำจึงออกคำสั่งทันที

“เจ้ารีบไปรวบรวมพวกก็อบลินมา! เดี๋ยวพวกเราจะไปตรวจสอบสถานการณ์ที่เมืองฟลอเรนซ์กัน!”

_ .. _ .. _ .. _ .. _ .. _

T/N: ถึงตัวเค้าจะไม่เล็ก แต่สมองเขาเป็นผู้ใหญ่… ชื่อของเขาคือยอดนักสืบหินดำ!

ขออภัยที่หายนานค่ะ ช่วงนี้ยุ่ง ๆ นิดนึง Q – Q

อ่านแปลไทยได้ที่ ค่ะ ถ้าถูกใจโปรเจ็คนี้ ขอความอนุเคราะห์ในการซัพพอร์ทที่ผู้แต่งโดยตรง ตามลิงก์หน้าแรกนะคะ

Support the project: https://book.qidian.com/info/1016509432

_ .. _ .. _ .. _ .. _ .. _