ตอนที่ 65 ขอบคุณ และลาก่อน

Game of the World Tree

ลูกเมี้ยวเค็มเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจเมื่อได้ยินสิ่งที่สายลมกล่าว เธอกวาดตามองนาฬิกาในหน้าต่างระบบก่อนจะอุทานออกมาด้วยความตกใจ

“อ๊ะ! …สายแล้วจริงด้วย เวลาบนโลกผ่านมาตั้งห้าชั่วโมงแล้ว! อ่า.. เอ่อ… พี่… กำลังจะออฟไลน์เหรอคะ?”

สายลมเงียบอยู่ชั่วขณะหนึ่ง เธอพยักหน้าอย่างแผ่วเบา

ปลายนิ้วของลูกเมี้ยวเค็มจรดขึ้นแตะคางของตน ก่อนจะพูดขึ้น

“ถ้าพี่สายลมจะออฟไลน์ แนะนำให้ไปที่ห้องดับจิตค่ะ เพราะร่างกายของเราจะถูกทิ้งไว้ในจุดที่เราล็อกเอาท์ เพราะงั้นหาสถานที่ปลอดภัยแล้วค่อยออฟไลน์จะดีกว่าค่ะ”

“ไป… ห้องดับจิต?‘

ท่าทีของสายลมดูเต็มไปด้วยความสับสนและแปลกใจอย่างชัดเจนเป็นครั้งแรก

“อ่า– แค่ก แค่ก… เป็นชื่อเล่นของสถานที่ออฟไลน์น่ะค่ะ”

ลูกเมี้ยวเค็มกระแอมถี่ ๆ และรีบอธิบาย

“คืองี้ค่ะ พวกเรามีโซนสำหรับออฟไลน์อยู่ในเมือง ถ้าผู้เล่นคนไหนยังไม่มีบ้านก็สามารถล็อกออฟที่นั่นได้ค่ะ แถมมีการปกป้องด้วยวงเวทของอลิซ ก็เลยปลอดภัยไร้กังวลถ้าเลือกออฟไลน์ไว้ที่นั่นค่ะ”

“เกมนี้สมจริงมาก ๆ ค่ะ พอออฟไลน์ปุ้บ ร่างของเราจะถูกทิ้งไว้ปั้บ เป็นร่างที่ไร้การควบคุม พูดง่าย ๆ คือกลายเป็นศพอ่ะค่ะ ทีนี้เวลาผู้เล่นพากันทิ้งร่างไว้เป็นแถวมันก็เลยดูหลอน ๆ นิดนึง… พวกเราก็เลยเรียกแบบติดตลกว่าห้องดับจิตค่ะ”

สายลมหมดคำจะกล่าว

“คือ… ถ้าไม่รังเกียจ เชิญมาออฟไลน์ที่บ้านหนูก็ได้นะคะ คือ— อะแฮ่ม แบบว่า… เตียงที่บ้านยังว่างอยู่น่ะค่ะ!”

ลูกเมี้ยวเค็มกล่าวชวน

เด็กสาวมีความประทับใจต่อผู้เล่นใหม่ผู้แสนเงียบคนนี้ และมีความตั้งใจที่จะสานสัมพันธ์กับเธอ

ทว่าสายลมไม่ได้ตอบรับคำชวนนั้น

หญิงสาวเพียงแค่ส่งยิ้ม พลางส่ายศีรษะอย่างแผ่วเบา

“ไม่เป็นไรค่ะ วันนี้เรารบกวนเธอมามากแล้ว ขอไม่รบกวนเพิ่มจะดีกว่าค่ะ”

คำพูดและรอยยิ้มอันอบอุ่นทำให้ลูกเมี้ยวเค็มรู้สึกสบายใจอย่างน่าประหลาด แม้จะเพิ่งถูกปฏิเสธอย่างสุภาพก็ตาม

“งั้นเหรอคะ…”

ลูกเมี้ยวเค็มจิกชายเสื้อด้วยความเสียดาย

ในทางกลับกัน ใบหน้าของสายลมยังคงมีรอยยิ้มบาง ๆ ที่แฝงไปด้วยอารมณ์อันลุ่มลึกเช่นเคย

“ขอบคุณที่ไปไหนมาไหนกับเราในวันนี้นะคะ มีความสุขมากเลย ผลไม้ก็อร่อย ปาร์ตี้รอบกองไฟก็สนุกจริง ๆ …ถ้ามีโอกาส ไว้มาเที่ยวเล่นด้วยกันอีกครั้งนะคะ ตอนนี้คงต้องขอตัวก่อนค่ะ”

เมื่อกล่าวจบ สายลมพยักหน้าให้กับลูกเมี้ยวเค็มเล็กน้อย ก่อนจะหันหลังและก้าวเดินเข้าไปในฝูงชน

“เดี๋ยวค่ะพี่! หนูยังไม่ทันได้บอกทางไปห้องดับจิตเลย!”

ลูกเมี้ยวเค็มตะโกนตามหลัง ก่อนจะรีบตามเธอไปอย่างรวดเร็ว

…แต่เด็กสาวกลับไม่พบสายลมในฝูงชน

“หายไปไหนแล้วเนี่ย?”

ลูกเมี้ยวเค็มชะงักอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเหลียวซ้ายแลขวา

ทว่าเธอกลับไม่เห็นร่องรอยของสายลมอีกต่อไป

ลูกเมี้ยวเค็มเคาะศีรษะตัวเองด้วยความหดหู่

“คุยมาทั้งวันแต่ลืมแอดเพื่อนเฉยเลย… ยัยบื้อ ยัยบื้อเอ๊ย!”

ในป่าเอลฟ์

ร่างสูงโปร่งอันงดงามร่างหนึ่งกำลังก้าวเดินอย่างช้า ๆ

เธอคือสายลม

ทุก ๆ ก้าวของเธอ พืชพรรณสองฝั่งต่างพากันลู่เอียงเพื่อเปิดทางให้ ราวกับเป็นการถวายความเคารพแก่จักรพรรดินี

ใบไม้ต่างพากันสั่นไหว เหล่าหิ่งห้อยต่างลอยล่องรอบตัวเอลฟ์สาว ราวกับกำลังแสดงความเคารพต่อผู้ที่อยู่ในจุดสูงสุดของสรรพสิ่ง

ในแต่ละย่างก้าว ร่างกายของเธอเปล่งแสงจาง ๆ ดูลึกลับและเปี่ยมไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์ท่ามกลางความมืดมิด

เส้นผมของเธอยาวขึ้นอย่างต่อเนื่อง สีผมเปลี่ยนจากสีบลอนด์กลายมาเป็นสีเงินที่แสนงดงาม

ความสูงของเอลฟ์สาวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดวงตาสีมรกตค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีม่วงที่ให้ความรู้สึกลึกลับและสูงส่ง

เรือนร่างของเธอทวีความงดงามและสูงศักดิ์

แม้แต่ชุดผู้เล่นเริ่มต้นบนตัวเธอ ก็กลายมาเป็นชุดคลุมยาวที่เปี่ยมไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์

ราวกับว่าสายลมได้เปลี่ยนจากเจ้าหญิงผู้หลงทาง มาเป็นเทพธิดาจากสรวงสวรรค์

ใช่แล้ว..

เธอคือเทพธิดา…

หากมีผู้เล่นคนใดอยู่ในบริเวณนี้ พวกเขาย่อมตระหนักว่ารูปร่างหน้าตาของเธอดูเหมือนกับเทวรูปภายในวิหารแห่งธรรมชาติทุกกระเบียดนิ้ว!

เธอคือพระมารดาแห่งธรรมชาติ เทพธิดาแห่งสรรพชีวิต ผู้ปกครองปวงเอลฟ์ – อีฟ อึกก์ดราซิลล์

สายลมคือร่างอวาตาร์ที่อีฟสร้างขึ้นมาเพื่อใช้งานด้วยตัวเอง

และสิ่งที่นำมาใช้เป็นแกนกลาง ก็คือลูกแก้วกักเก็บวิญญาณของเฮลา!

ปริมาณพลังในร่างเอลฟ์สาวพลันพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนแรงกดดันเริ่มแผ่ออกมารอบตัว มันเพิ่มขึ้นจนกระทั่ง… ถึงขีดจำกัด

“แค่ระดับทอง?…”

อีฟถอนหายใจออกมาเมื่อสัมผัสถึงปริมาณพลังในร่างนี้

“ลูกแก้วกักเก็บวิญญาณยังไม่ได้รับการซ่อมแซมอย่างสมบูรณ์ เพราะงั้นมันคงจะรองรับพลังได้มากที่สุดแค่นี้”

“แต่ถึงยังไง แค่นี้ก็ทำให้มีอิสระในการเคลื่อนไหวด้วยตัวเองแล้ว ไม่ได้เดินมาตั้งนานแหนะ”

“แถม… ไม่ได้กินอะไรมาตั้งนาน ไม่คิดเลยว่าอาหารในป่าเอลฟ์จะอร่อยขนาดนี้”

เมื่อกล่าวจบ อีฟเพ่งจิดเพื่อกระทำบางสิ่งอีกครั้ง

ไอมรณะแผ่ออกมาจากร่างกายของเธอ

เส้นผมยาวระดับเอวที่เดิมทีมีสีเงินอ่อน กลับถูกย้อมเป็นสีเงินหม่น

นัยน์ตาสีม่วงได้กลายมาเป็นสีแดงสด

ร่างกายของอีฟไม่ได้ดูสมบูรณ์แบบและเปี่ยมไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป ตัวเธอในเวลานี้กลับดูน่ารักและมีเสน่ห์ไปอีกแบบ

หูยาวแหลมทั้งสองข้างได้กลายมาเป็นแบบมนุษย์

ชุดคลุมยาวแสนงดงามของเธอแปรเปลี่ยนเป็นชุดเกราะและกระโปรงสีดำที่ดูทะมัดทะแมง… ซึ่งดึงมาจากอุปกรณ์ที่บรรดาผู้เล่นบวงสรวงมาให้

เทพธิดาคลี่ยิ้มเมื่อสัมผัสได้ถึงร่างกายของตัวเองในเวลานี้

“เราใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ในลูกแก้วมาเป็นอวาตาร์ได้ด้วย แต่มันจะกลายเป็นร่างที่ปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายของเทพแห่งความตาย”

“แบบนี้เทียบได้กับการมีสองตัวละคร! อัจฉริยะจริง ๆ ตัวฉัน!”

“…”

อีฟหันศีรษะไปทางเมืองเริ่มต้นอีกครั้ง

แสงจากเมืองยังคงพอมองเห็นได้ลาง ๆ จากจุดที่เธอยืนอยู่ พร้อมด้วยเสียงหัวเราะของเหล่าผู้เล่นที่แว่วมาตามสายลม

รอยยิ้มเล็ก ๆ พลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ

“เราสร้าง เกม นี้ขึ้นมาเพื่อตัวเองแท้ ๆ …แต่พอได้เห็นความสุขของพวกผู้เล่น ตัวเราเองก็มีอารมณ์ร่วมไปด้วยเหมือนกัน”

“ในอนาคต… เราใจดีกับพวกเขาหน่อยดีกว่า อืม— เพิ่มแต้มผลงานในรางวัลภารกิจซัก 50 หน่วยก็คงดี …ไม่สิ 10 หน่วยก็พอ เดี๋ยวแต้มจะเฟ้อถ้าให้มากไป”

ทันใดนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของเทพธิดา ก็ค่อย ๆ กลายเป็นความหมองหม่น

“เพราะเราหลอมรวมกับต้นไม้โลกหรือเปล่านะ …ถึงรู้สึกว่าตัวเองจะไม่มีวันกลับไปเป็นเหมือนพวกเขาได้อีก”

อีฟจรดปลายนิ้วชี้ลงบนแก้มข้างหนึ่ง

เดิมที เทพธิดาคิดว่าตัวเองจะกลมกลืนไปกับบรรดาผู้เล่นได้เมื่อใช้ร่างอวาตาร์

ไม่ว่าอย่างไร เธอก็เคยเป็น มนุษย์ เหมือน ๆ กับพวกเขา

แต่ในยามที่อีฟได้กลายมาเป็นเทพโบราณ เทพธิดากลับไม่สามารถสัมผัสความรู้สึกตามแบบฉบับของมนุษย์ได้อีกต่อไป

ทั้งบุคลิกภาพ ทั้งสภาพอารมณ์ ล้วนได้รับผลกระทบไปในทางเดียวกัน

แม้อีฟจะใช้ร่างอวาตาร์ แต่กลับไม่สามารถซ่อนกลิ่นอายอันเป็นเอกลักษณ์ของตนได้…

หากเทียบกับเหล่ามนุษย์แล้ว เธอได้กลายเป็นตัวตนที่คล้ายคลึงกับเทพโบราณผู้สถิตในแดนสวรรค์

อีฟถอนหายใจออกมา พลางสงสัยว่าสิ่งกำลังเกิดกับตนนั้นนับเป็นโชคหรือทุกขลาภกันแน่

เธอคาดเดาว่าการที่ตัวเองยังไม่แตกฉานในพลังของเทพโบราณ อาจจะเป็นหนึ่งในสาเหตุของเรื่องดังกล่าว

เทพธิดาผู้สืบทอดพลัง ความรู้ และศัตรูจากมหาพฤกษา ทราบดีว่าดินแดนซากัสไม่ได้สวยหรูดั่งสิ่งที่อยู่ในจินตนาการของพวกผู้เล่น

ยิ่งอัญเชิญผู้เล่นมามากเท่าไร ยิ่งค้นพบโบราณวัตถุมากขึ้นเท่าไร อีฟยิ่งสัมผัสได้ว่าตัวเองแตกต่างจากไปจากทุก ๆ คนมากขึ้นเท่านั้น…

เทพโบราณ มหาพฤกษาโลกา เป็นตัวตนที่ทรงอำนาจมากกว่าที่เธอเคยคาดคิด

และชนวนของสงครามแห่งเทพยังคงลึกลับเป็นอย่างยิ่ง…

ทางที่อีฟกำลังก้าวเดิน เป็นหนทางที่แสนยาวไกล เป็นถนนที่เต็มไปด้วยความยากลำบากและความไม่แน่นอน แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นหนทางสู่ความเป็นไปได้อันไม่มีที่สิ้นสุด

เส้นทางสายนี้ถูกกำหนดไว้ให้มีแต่ความโดดเดี่ยว

เส้นทางสายนี้ถูกกำหนดไว้ให้เป็นเส้นทางของผู้แกร่งกล้า

ไม่ว่าเส้นทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร บนเส้นทางสู่อำนาจอันเป็นปรมัตถ์สายนี้ อีฟคาดหวังอย่างสุดใจว่าตัวเองจะรักษาความเป็นมนุษย์ไว้ได้บ้าง…

“คราวหน้า… ถ้ามีเวลาว่าง คงจะได้มาเดินเล่นแบบนี้อีกครั้ง…”

อีฟเชื่อ…

… เชื่อว่าการมีเหล่าผู้เล่นอยู่ในดินแดนแห่งนี้ อาจจะช่วยให้เธอสามารถรักษาความเป็นมนุษย์ของตนไว้ ในขณะที่ก้าวเดินบนเส้นทางสู่การเป็นเทพโบราณ …แทนที่จะกลายเป็นเทพโดยสมบูรณ์ และมองสรรพชีวิตเป็นเพียงธุลีด้วยมุมมองของเทพผู้อยู่สูงขึ้นไป

…ไม่ใช่เพราะเค้าคุยกับคนอื่นไม่เก่งแน่ ๆ ค่ะ!!

“เล่นสนุกมาทั้งวัน ตอนนี้คงได้เวลากลับแล้วล่ะ”

อีฟถอนหายใจอย่างแผ่วเบา แสงศักดิ์สิทธิ์ค่อย ๆ แผ่ออกมาอย่างอ่อนโยน ก่อนที่เงาร่างของเทพธิดาจะเลือนหายไป…

_ .. _ .. _ .. _ .. _ .. _

T/N: บอกว่าที่พักไม่ดี

บอกว่าเตียงว่าง

ยัยเมี้ยว…

มีความตั้งใจที่จะ สานสัมพันธ์ กับเธอค่ะ

— เมี้ยว

อ่านแปลไทยได้ที่ ค่ะ ถ้าถูกใจโปรเจ็คนี้ ขอความอนุเคราะห์ในการซัพพอร์ทที่ผู้แต่งโดยตรง ตามลิงก์หน้าแรกนะคะ

Support the project: https://book.qidian.com/info/1016509432

_ .. _ .. _ .. _ .. _ .. _