ตอนที่ 78 สู่หมู่บ้านเมลเทอีกครั้ง
「มาสเตอร์!」
ระหว่างที่ผมกำลังจะออกเดินทางไปยังหมู่บ้านเมลเท ผมก็ได้ยินเสียงบางอย่าง
ผมนั่งอยู่บนอานของคราว โซราสแล้วเห็นว่ามิโรสลาฟกำลังรีบวิ่งมาหาผม
สภาพของเธอในตอนนี้มันต่างจากปกติมาก เส้นผมของเธอรุงรัง เสื้อผ้ายับเยิน ดูจากท่าทางของเธอแล้ว เธอน่าจะรีบวิ่งมาหาผมทันทีที่ตื่นนอน
คงไม่ใช่ว่าเธออยากจะมาอรุณสวัสดิ์อะไรผมหรอกมั้ง นั่นคือสิ่งที่ผมคิดระหว่างลงมาจากอาน
「ข-ขอโทษที่ฉันมารบกวนตอนที่กำลังรีบนะ…」
มิโรสลาฟหอบหายใจอย่างหนัก เมื่อผมเข้าไปใกล้ๆ ก็พบว่าเธอกำลังถือกระเป๋าใส่ของขนาดใหญ่เอาไว้ในมือด้วย
หรือจะเป็นเรื่องที่ผมฝากให้เธอทำกันนะ เกี่ยวกับยารักษาที่ผสมเลือดของผมเข้าไปด้วย
พอผมถามไปเธอก็พยักหน้าตอบ
「ฉันยืนยันผลเลือดของคุณที่ทำการผสมกับยารักษาได้แล้วนะ จากการทดลองฉันทำให้มันไม่มีผลอันตรายอะไรกับร่างกายของมนุษย์แล้ว ถึงจะยังไม่ใช่ของสมบูรณ์แต่อย่างน้อยมันก็น่าจะมีประโยชน์กว่ายาของสหภาพนะ」
「นี่เธอทำได้ขนาดนี้เลยเหรอ ในช่วงสั้นๆ แค่นี้? 」
นี่มันยังผ่านไปไม่ถึงวันเลยนะตั้งแต่ที่ผมขอให้เธอพัฒนายารักษา จากที่เธอบอกดูเหมือนเธอจะสามารถยืนยันประสิทธิภาพขั้นต่ำได้แล้วว่าอย่างน้อยก็ใช้กับคนแบบไม่เป็นอันตราย ถึงจะเป็นงั้นก็เถอะนี่มันไม่เร็วไปหน่อยเหรอ
เพื่อที่จะยืนยันผลของมันก็จำเป็นต้องหาผู้ป่วยสำหรับการใช้งาน
โดยปกติแล้ว ก็คงจำเป็นต้องทดสอบอย่างค่อยเป็นค่อยไปกับสัตว์เล็กอย่างหนูก่อน แล้วค่อยไปทดลองกับคนในตอนท้าย แต่ว่า――
「ฉันยืนยันผลด้วยการใช้พิษกับตัวเองแล้ว ดังนั้นไม่น่าจะมีข้อผิดพลาดนะ」
เดี๋ยวก่อนนะ จอมเวทผมแดงคนนี้พูดเรื่องบ้าอะไรออกมากันเนี่ย
สาเหตุที่เธอหลับเป็นตายคล้ายกับศพไม่ใช่เพราะการโหมงานมาทั้งคืน แต่เป็นเพราะเธอใช้ร่างกายของตัวเองในการทดสอบ
ผมขมวดคิ้วโดยไม่ตั้งใจ
「…รู้ใช่ไหมว่าฉันไม่ได้บอกให้เธอทำถึงขนาดนั้น? 」
「สถานการณ์ตอนนี้มันฉุกเฉินนี่นา พวกเราไม่มีเวลามาทดลองกับพวกหนูแล้วใช่ไหมล่ะ? 」
มิโรสลาฟหัวเราะออกมาอย่างซุกซน แต่หลังจากที่ผมเห็นเธอทำแบบนั้นทั้งที่สภาพใบหน้าและถุงใต้ตาของเธอแย่ขนาดนี้ก็รู้สึกผิดเลยแฮะ
บางทีเธออาจจะรู้ว่าผมคิดอะไรจากสายตา เธอก็เลยส่ายหน้าไปมาพร้อมกับบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงเธอหรอก
จากนั้นเธอก็บอกว่า “ตอนนี้มีเรื่องที่สำคัญกว่านั้นนะ”
「มาสเตอร์ ความจริงที่ว่าเลือดของคุณน่ะมีผลอย่างมากต่อร่างกายของมนุษย์ แต่มันก็ขึ้นอยู่กับวิธีที่เราจะเอาไปใช้ จากที่ลูน่าบอกมันอาจจะกลายเป็นไพ่ตายสำหรับการต้านทานพิษได้ก็จริง แต่ก็อย่าเปิดเผยความลับนี้โดยง่ายเด็ดขาด…มาสเตอร์ เลือดของคุณน่ะแข็งแกร่งมากเกินกว่าที่คุณคิดนะคะ」
「แข็งแกร่ง? นี่เธอหมายความว่าอะไรเหรอ? 」
「คิดซะว่ามันเป็นเหมือนกับยาอันตรายก็ได้ค่ะ หากคุณใช้มันกับคนป่วยที่มีร่างกายอ่อนแอ มันก็อาจจะกลายเป็นพิษกับพวกเขาแทน จนถึงขั้นทำพวกเขาเสียชีวิตได้เลย มันแข็งแกร่งถึงระดับนั้นเลยค่ะ」
「……ถามจริง? 」
「ค่ะ นอกจากนั้น ก็มีความเป็นไปได้ในการจะฟื้นฟูความเจ็บป่วยไปจนถึงแก่นแท้ของวิญญาณผู้ป่วย อย่างที่เขาว่ากันค่ะเลือดของมังกรสามารถรักษาได้ทุกโรค แต่ความเป็นจริงมันยิ่งกว่านั้นเสียอีก ดังนั้นได้โปรดอย่าลืมเรื่องนี้นะคะ」
「ฉันเข้าใจแล้ว」
ผมพยักหน้าให้กับมิโรสลาฟที่เตือนผมอย่างจริงจัง
จากที่เธอบอก ดูเหมือนความเป็นไปได้ที่จะผสมเลือดกับยารักษาพิษเข้าด้วยกัน ซึ่งเพิ่มความสามารถในการรักษาให้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม แต่การจะทำขั้นตอนที่ละเอียดขนาดนั้นได้ แค่วันสองวันคงไม่พอจะจัดการให้เสร็จ
ดังนั้นเธอจึงข้ามขั้นตอนการปรับแต่งที่ละเอียดไปให้ได้มากที่สุด ก่อนจะยืนยันความปลอดภัยของยาด้วยร่างกายเธอเอง
ในมือของเธอก็มีผลลัพธ์ของการทดลองที่เธอเดิมพันด้วยอยู่
ผมรับสิ่งนั้นมาด้วยความขอบคุณและกลับขึ้นไปขี่ไวเวิร์น
「โปรดระวังด้วยนะคะ มาสเตอร์ ฉันจะรอการกลับมาของคุณค่ะ」
มิโรสลาฟโค้งคำนับผม
สำหรับผม สายตาที่เธอมองมายังผมด้วยความเคารพนี่มันช่างสร้างความแปลกใจให้ผมจริงๆ
ก็จริงอยู่ว่าพวกเราอยู่ด้วยกันมาประมาณครึ่งเดือนแล้ว ดังนั้นผมก็คงไม่แสดงท่าทีอะไรแปลกๆ ออกมาให้เธอได้เห็นหรอก แต่คงต้องใช้เวลาอีกสักพักเลยมั้งกว่าความรู้สึกแปลกๆ นี้จะหายไป
เรื่องนี้ก็เอาไว้ก่อนแล้วกัน ก่อนไปผมก็ได้สั่งมิโรสลาฟไว้อีกที
「ก็หวังว่าทุกอย่างจะจบด้วยดีนะ อ้อจริงสิ การทดลองกับร่างกายของเธอจากนี้ฉันขอสั่งห้ามนะเข้าใจไหม? 」
「อื้อ…เข้าใจแล้ว!」
นี่เธอเข้าใจแน่ใช่ไหมเนี่ย? มิโรสลาฟยิ้มออกมาด้วยความดีใจ จนรู้สึกว่าเธอดูร่าเริงกว่าปกติเกินไปหรือเปล่า
จากนั้นผมก็ให้คราว โซราสบินขึ้นฟ้า เพื่อที่ผมจะได้หนีจากสายตาของเธอที่มองมายังผมเสียที
แน่นอนว่าการที่ผมเลือกเดินทางไปยังหมู่บ้านเมลเท ผมได้ไปบอกเกี่ยวกับเรื่องพิษที่เกิดขึ้นมาให้ทางเมืองอิชกะฟังแล้ว
ดังนั้นการที่ผมจะมุ่งหน้าไปพร้อมกับคราว โซราสก็คงไม่มีใครมาบ่นผมได้แล้วมั้งว่าอัศวินมังกรได้หนีออกจากเมืองอิชกะไปแล้ว
ประชาชนบางคนก็อาจจะไม่เข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้และอาจจะเข้าใจผิดก็ได้ แต่อย่างน้อยก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่อะไร
สำนักงานกลางของเมืองอิชกะ มีบางคนมีแสดงท่าทีไม่พอใจที่ผมออกไปในสถานการณ์แบบนี้อยู่หรอก แต่พอผมโน้มน้าวไปว่าอยากจะพาราส อิเรีย กับคุณซาร่ามาช่วยป้องกันเมืองก็ยอมกันง่ายๆ เลย
หลังจากที่ออกมาจากเมืองอิชกะ ผมก็ไม่เจอปัญหาอะไรที่น่ารำคาญพอจะให้พูดถึง ไม่นานนักผมก็มาถึงหมู่บ้านเมลเทเร็วกว่าที่คิดไว้อีก
ต้องขอบคุณคราว โซราสที่พยายามบินมาส่งผมด้วยความเร็วขนาดนี้ บางทีหมอนี่อาจจะคิดถึงอาหารของคุณซาร่าก็ได้มั้ง เพราะเนื้อหมู่ป่ารอบก่อนมันติดปากหมอนี่มากเลยนี่นา
พอมองจากบนท้องฟ้าก็เห็นได้ว่าสภาพของหมู่บ้านไม่ต่างจากเดิกนัก ไม่มีร่องรอยว่าถูกมอนสเตอร์โจมตีหรือถูกหมู่บ้านอื่นโจมตีเพราะต้องการส่วนแบ่งจากเรื่องของออร์ค
แต่สิ่งที่แปลกไปน่าจะเป็นผมไม่เห็นคนเดินไปมาในหมู่บ้านเลย บรรยากาศก็แตกต่างจากครั้งก่อนที่มา
ผมลงมาจากหลังของคราว โซราสด้วยความรู้สึกที่ไม่สบายใจ
และแล้วผมก็รู้ตัว่าไอ้ที่ความไม่สบายใจที่มีอยู่นั้น คือการที่ผมคิดมากไปเองจากการได้ยินเสียงของพวกเด็กๆ ที่ผมรู้สึกมาแต่ไกล
เจ้าพวกเด็กเวรทั้งสามหน่อ――ไอน์ ชไว โดระ ทันทีที่พวกเขาเจอผม เด็กพวกนี้ก็ร้องไห้ออกมา
ตอนแรกผมก็แอบคิดอยู่หรอกว่าอาจจะเกิดอะไรขึ้นกับคุณซาร่าไหม เล่นทำเอาผมขนลุกไปทั้งตัวเลย
ภาพของคนที่ถูกพิษนั้นเล่นงานจนมีใบหน้าแสนน่ากลัวมันยังติดตาผมไม่หายไปไหน
ก็ไม่รู้หรอกนะว่าจะเรียกว่าโชคดีได้ไหม ที่คุณซาร่าไม่ได้ถูกพิษนี้เล่นงานเอา
――แต่คนที่ติดพิษที่ว่าดันเป็นลูกสาวของเธออย่างอิเรียแทนนี่สิ
◆◆◆
มันมีสัตว์อสูรมายาชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเหมือนม้าน้ำ
โดยชื่อของมันถูกเรียกกันว่า เคลพี ซึ่งลักษณะรูปร่างของมันก็เหมือนกับชื่อที่ใช้เรียก โดยมักจะปรากฏตัวอยู่แถวริมแม่น้ำ
แผงคอของมันมีลักษณะเหมือนกับพืชที่อยู่ในน้ำ มีหางเป็นปลา มีเกล็ดจำนวนมากอยู่บนตัว และมีขา 4 ขา นอกจากนี้มันยังสามารถดำลงไปในน้ำได้เป็นเวลานานโดยไม่จำเป็นต้องใช้อากาศในการหายใจ
ความสามารถของมันนอกจากนี้ก็คือการเปลี่ยนรูปร่างของตัวเองให้เหมือนกับม้าธรรมดาได้อีกด้วย
ถ้าถามว่าทำไมถึงมีความสามารถแบบนี้ ก็คงจะมีไว้เพื่อล่อมนุษย์ให้ขึ้นขี่มัน และพอคนขึ้นขี่มัน พวกเขาก็จะไม่สามารถลงจากหลังมันได้โดยง่าย
เมื่อมนุษย์เห็นว่าเป็นเพียงม้าธรรมดา การป้องกันของพวกเขาก็จะลดลง เคลพีจะทำการลากตัวเองกับเหยื่อลงไปในน้ำลึกเพื่อฆ่าพวกเขา ก่อนจะเริ่มกินเหยื่อของตน
ก็คงไม่ต้องบอกมั้งว่าไอ้เจ้าตัวนี้รู้กันดีอยู่แล้วว่าเป็นประเภทกินเนื้อมนุษย์
ถึงจะเคยได้ยินมาว่าเจ้าเคลพีมันไม่กินตับของมนุษย์ แต่ถามจริงเถอะมันน่ายินดีนักหรือไงที่รู้เรื่องพวกนี้
ก็จริงอยู่ว่าเคลพีมันมีอยู่จริง แต่คำว่าสัตว์อสูรมายาน่ะมันใช้บ่งบอกถึงการที่พวกมันไม่ค่อยปรากฏตัวมาให้มนุษย์ได้เห็นนัก
รายงานการพบเห็นมันก็เรียกได้ว่าสิบปีจะมีสักหนได้มั้ง พวกมันออกมาให้เห็นได้ยากขนาดนั้นเลยแหละ
แล้วพอได้รู้ว่าสัตว์อสูรที่หายากระดับนั้นมันดันปรากฏตัวขึ้นมาหมู่บ้านเมลเทในเวลาแบบนี้ ก็คงไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเกี่ยวข้องกับความผิดปกติที่เกิดขึ้นในป่าทีทิส
คนที่เจอกับเคลพีเป็นคนแรกก็คือเด็กพวกนี้แหละ
อยู่มาวันหนึ่ง ไอน์กับคนที่เหลือได้ไปเก็บผลไม้และถั่วในป่าข้างหมู่บ้าน แล้วพวกเขาก็เห็นม้าตัวหนึ่งค่อยๆ เดินตรงมาหาพวกเขาอย่างช้าๆ
ปกติม้าป่านั้นจะมีความระมัดระวังตัวและขี้กลัว ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะปรากฏตัวออกมาให้คนได้เห็น และพวกมันก็ไม่เคยคิดจะเข้าใกล้มนุษย์ด้วย
แต่คนที่มีอายุมากที่สุดในกลุ่มนั้นจะเป็นเพียงไอน์ที่อายุได้ 10 ปี พวกเขาไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ไอน์กับคนที่ตั้งใจจะพาม้าตัวนี้กลับมากับพวกเขาด้วย ม้าน่ะมีประโยชน์ทั้งการทำการเกษตร นอกจากนี้ยังเอาไปขายได้ราคางามด้วย――แต่แน่นอนว่าพวกเด็กๆ ไม่ได้คิดเรื่องพวกนี้ในหัวเลย สิ่งที่พวกเขาต้องการก็มีเพียงอยากจะให้คุณซาร่าชมพวกเขา
หลังจากนั้นเคลพีก็เปิดเผยตัวออกมาและลากไอน์กับชไวไปที่แม่น้ำเคล โดระที่รอดมาได้ก็รีบวิ่งกลับไปยังหมู่บ้านทั้งน้ำตาก่อนจะบอกราสกับอิเรียซึ่งอยู่ที่วิหารพอดีถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
พูดตามตรงว่าโดระก็ไม่ได้บอกหรอกว่าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ เพราะเอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด แต่ทั้งสองที่เห็นแบบนั้นก็พอจะเดาได้ว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ จากท่าทีที่โดระแสดงออกมา นอกจากนี้เด็กอีกสองคนก็หายไปด้วย นี่ต้องเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินแน่ๆ สัญชาตญาณนักผจญภัยของทั้งคู่มันบอกแบบนั้น
ดังนั้นอิเรียกับคนอื่นๆ ก็รีบตรงไปยังแม่น้ำเคลและตามรอยเท้าที่เคลพีทั้งเอาไว้ จนมาถึงจุดหมาย พวกเขาได้กระโดดลงไปในน้ำเพื่อช่วยไอน์กับชไวที่เกือบจมน้ำตาย ก่อนจะสังหารเคลพีลง
หากเรื่องมันจบแค่นี้ก็คงจะเรียกว่า จบอย่างมีความสุขหรอก แต่หลังจากนี้น่ะสิ วันต่อมาร่างกายของอิเรียก็ดูโทรมลงอย่างกะทันหัน
ยารักษาหรือเวทรักษาของคุณซาร่าก็สามารถประคองอาการของเธอได้เพียงครู่เดียว ไม่นานนักอาการของเธอก็กลับมาเหมือนเดิม
จากที่ทราบมาเคลพีมีพลังในการสาปแช่ง และพวกมันก็สามารถใช้คำสาปใส่คนที่ฆ่ามันได้เช่นกัน ทางคุณซาร่าก็ลองใช้เวทในการลบล้างคำสาปเผื่อดูแล้ว แต่เหมือนมันจะไม่ได้ผล
จากนั้นคนในหมู่บ้านก็เริ่มมีอาการเช่นเดียวกันกับอิเรีย และจุดร่วมของพวกเขาทุกคนก็คือ พวกเขาได้สัมผัสเข้ากับแม่น้ำเคล ด้วยเหตุผลที่ต่างกันไป
นั่นแหละคือตอนที่ผมเดินทางมาถึงหมู่บ้านนี้
———
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code