ตอนที่ 77 พิษสังหารพระเจ้า

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ

ตอนที่ 77 พิษสังหารพระเจ้า

มันมีเกมที่ถูกเรียกว่า ฟุคุวาไร (เสียงหัวเราะแห่งโชค)

มันจะเป็นเกมที่เอาเศษกระดาษซึ่งตัดไว้เป็นรูป ตา ปาก จมูก ปะปนกันไปบนหน้ากระดาษที่เป็นรูปของใบหน้า โดยผู้เล่นจะปิดตาและนำส่วนต่างๆ ไปวางไว้ในจุดที่ควรจะเป็น แต่เนื่องจากผู้เล่นถูกปิดตาเอาไว้ ความสนุกสนานและเสียงหัวเราะมันก็เลยเกิดขึ้นได้จากรูปร่างใบหน้าแปลกๆ ที่ได้นี่แหละ

――ถ้าจะให้ผมพูดสภาพของคนที่ผมเห็นในนี้ ก็คือใบหน้าของมนุษย์จริงๆ ที่ถูกพวกปีศาจใช้ในการเล่นเกมที่ว่า

มันคือความเสียหายที่เกิดมาจากพิษ

ฉากที่เหมือนจะสามารถเห็นได้ในขุมนรกถูกยกมาตรงหน้าผม จนมองว่าพิษที่สามารถฆ่าคนได้ในทันที ช่างดูมีเมตตาจริงๆ

คำพูดที่เจ้าหน้าที่ของเมืองอิชกะทิ้งท้ายไว้ก่อนผมจะมาที่นี่อย่าง “คนพวกนั้นอยู่ในจุดที่ยาก็ช่วยไม่ได้แล้วเชื่อข้าเถอะ” มันย้อนกลับมา

เหตุผลที่ผมไม่ได้ยินเสียงคร่ำครวญเลยแม้แต่น้อยก็น่าจะเป็นเพราะพวกเขาไม่เหลือแรงจะให้ทำแบบนั้นแล้ว หรือไม่ก็พิษมันได้แทรงซึมเข้าไปทำลายอวัยวะในการส่งเสียงจนหมด

เพื่อยืนยันอะไรบางอย่าง ผมจึงได้นำผลจิโรอาโอคุสบีบเข้าปากของผู้ป่วย…อย่างที่คิดไม่ได้ผล

เอาจริงๆ ภาพที่ผมเห็นตอนนี้ผมว่าคงต้องใช้ปาฏิหาริย์ระดับเดียวกับฟื้นคืนชีพ เพื่อช่วยคนพวกนี้เลยแหละ

หลังจากนั้นผมก็ออกจากที่กักกัน ไม่สิต้องบอกว่าออกจากหมู่บ้านนี้เลยแหละ

ผมขี่คราว โซราสและมุ่งหน้าไปยังเมืองอิชกะ

เจ้าหน้าที่ที่เห็นภาพดังกล่าวก็คงคิดว่าผมตั้งใจจะหนีกลับไปคนเดียว แต่ก็จริงอย่างที่เขาพูดนั่นแหละ

ภาพที่ผมเห็นก่อนหน้านี้มัน แวบเข้ามาในหัวผมซ้ำไปซ้ำมา จนทำให้เหงื่อที่เย็นไหลไปทั่วร่าง

พิษของบาซิลิสก์มันก็โหดอยู่หรอกนะ แต่จากที่เห็นผมบอกได้เลยว่าพิษที่ผมเห็นก่อนหน้านี้มันร้ายแรงจนของเก่าเทียบไม่ติดเลย

หากเป็นพิษธรรมดามันก็จะค่อยๆ กัดกินร่างกายคนโดนไปทีละหน่อยจนทำให้สิ้นใจตาย

แต่ไอ้พิษที่ผมเจอมันจะทำการฆ่าผู้ป่วย จากนั้นจึงทำการทำลายร่างของผู้ป่วยภายหลัง นั่นแหละลักษณะของพิษที่ผมเห็น

หรือก็คือมันเป็นพิษที่ไม่มีทางรักษาได้

ถึงผมจะสามารถถ่ายวิญญาณได้เหมือนกับที่รักษาคลอเดีย แต่ผมรู้เลยว่าถึงจะทำแบบนั้นไปก็ไม่สามารถรักษาผู้ป่วยพวกนี้ได้

ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าพิษพวกนี้แพร่กระจายออกไปจะเป็นยังไง

「หากไม่รีบหาต้นตอพิษพวกนี้ให้ได้โดยเร็ว ไม่ใช่แค่เมืองอิชกะ แต่ทั้งอาณาจักรคานาเรียได้ล่มสลายแน่」

ผมพึมพำกับตัวเองด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง ขณะขี่คราว โซราสอยู่

ส่วนที่ดูเหมือนจะโชคดีสำหรับสถานการณ์นี้ก็คือพิษมันไม่สามารถติดต่อกันได้ แต่นั่นก็เป็นเพียงข้อสันนิษฐานของผม บางทีมันอาจจะต้องใช้เวลาสักพักก่อนจะแสดงอาการก็ได้

พอเจอแบบนี้แล้วเรื่องพวกมอนสเตอร์ที่คลั่งอยู่เบาลงไปเลยแฮะ…ไม่สิสองเรื่องนี้อาจจะเกี่ยวข้องกันด้วยก็ได้

พูดตามตรงนะว่าผมอยากจะไปที่ป่าทีทิสเพื่อตรวจสอบอะไรหน่อย แต่จะให้ทิ้งเมืองอิชกะไปตอนนี้ก็ไม่ได้ด้วย เพราะมอนสเตอร์มันก็เริ่มบุกมากันแล้ว แถมไม่รู้ด้วยว่าจะต้องใช้เวลากี่วันเพื่อหาเบาะแสในป่า

นอกจากนี้หากผมจะไปหาเบาะแส ผมก็อยากจะพาลูนามาเรีย มิโรสลาฟไปกับผมด้วย หากมีปราชญ์และจอมเวทไปด้วยกัน บางทีพวกเขาอาจจะเห็นในสิ่งที่ผมพลาดไปก็ได้

ผมได้ทำการเร่งความเร็วคราว โซราสเพื่อรีบตรงไปยังเมืองอิชกะ

◆◆◆

「――อาการแบบนี้…ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยค่ะ」

ลูนามาเรียกล่าวด้วยสีหน้าที่ตึงเครียดและสับสน

เนื่องจากตอนนี้มีมิโรสลาฟที่กำลังหลับเป็นตายอยู่ใกล้ๆ ลูนามาเรียจึงใช้เสียงที่เบากว่าปกติ จากที่ลูนามาเรียบอก มิโรสลาฟเหมือนจะพยายามทดลองเรื่องที่ผมขอไป อย่างการผสมเลือดผมเข้ากับยารักษาเพื่อดูผลที่ได้ จนถึงเช้า

เธอตั้งใจทำงานอย่างหนักจริงๆ ผมคิดแบบนั้นระหว่างพูดกับลูนามาเรีย

「ส่วนเรื่องที่บอกว่ามันไม่มีทางรักษานี่ก็เดาๆ เอานะ」

「ไม่หรอกค่ะ มาสเตอร์หากคุณรู้สึกแบบนั้น บางทีมันอาจจะมีเหตุผลอะไรบางอย่างอยู่เบื้องหลังค่ะ ความจริงอาจจะอยู่ไม่ไกลแล้วก็ได้」

ลูนามาเรียที่สวมชุดคลุมสีม่วงซึ่งเป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่าเธอคือปราชญ์ที่ได้รับการรับรองกำลังพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง

ดูเหมือนเอลฟ์คนนี้จะเชื่อความรู้สึกของผมมากกว่าตัวผมเองซะอีก ทำเอารู้สึกเขินหน่อยๆ เลยแฮะ

เอาเถอะ เธอก็เป็นคนหนึ่งที่รู้ว่าอนิม่าของผมเป็นโซลอีทเตอร์ หากเธอคิดว่ามันเป็นสัมผัสของมังกรก็คงจะดูน่าเชื่อถือกว่าสัมผัสของมนุษย์ พอมองในมุมนี้มันก็ดูสมเหตุสมผลดีนะ

ระหว่างที่ผมคิด สีหน้าของลูนามาเรียก็ดูดำมืดลงไปกะทันหัน

จากนั้นผมก็มองเข้าไปยังดวงตาสีมรกตของเธอ ขณะที่เธอกำลังคิดอะไรอยู่ จากนั้นลูนามาเรียก็พูดออกมาด้วยความสับสน

「พูดถึงการคาดเดา…คือว่านี่เป็นเพียงการคาดเดานะคะมาสเตอร์」

「คิดว่าไงล่ะ? 」

「อันที่จริงพอได้ยินว่าเป็นพิษที่รักษาไม่หาย ทำให้ฉันนึกถึงตำนานที่เคยได้ยินมาค่ะ」

ลูนามาเรียพูดขณะเสยผมสีบลอนด์ของเธอ

「ตำนานเหรอ? 」

「ค่ะ มันพูดถึงพิษที่รุนแรงซึ่งไม่มีทางรักษาได้ โดยพลังของมันสามารถสังหารได้กระทั่งเทพเจ้าค่ะ」

จากนั้นปราชญ์คนนี้ก็พูดต่อ

แต่เดิมแล้วตัวตนอย่างพระเจ้านั้นมีตัวตนที่เป็นอมตะ ไม่มีทางเลยที่จะถูกพิษฆ่าเอาได้ ทว่าพระเจ้าที่ถูกพิษดังกล่าวเข้าโจมตีร่างกลับไม่สามารถทนต่อความทรมานที่ได้รับจากมันได้ ก่อนจะเลือกละทิ้งความเป็นอมตะและตายลงไป

ขนาดผู้กล้าที่ได้รับความเป็นอมตะจากการเผชิญหน้ากับบททดสอบทั้ง 12 ประการ ก็ยังยอมจุดไฟเผาร่างตัวเองเพราะไม่อาจทนพิษนี้ได้

ส่วนผสมที่มาของพิษดังกล่าวนี้ก็คือ――

「ไฮดรา มังกรหลายหัวที่มีพิษร้าย」

「…มังกร…ไอ้สิ่งมีชีวิตในตำนานนั่นน่ะเหรอ? 」

ผมจำชื่อที่เธอกล่าวออกมาได้

เพราะตอนที่ไปจัดการกับบาซิลิสก์ที่ปรากฏขึ้นในป่าทีทิส รองหัวหน้าของแคลนเคียวแห่งยมทูตได้พูดชื่อนี้ออกมาเหมือนกัน

นครศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งอยู่ทางใต้ของอาณาจักรคานาเรีย ซึ่งมีทะเลแห่งฟุไคอยู่ก็เกิดมาจากการตายของไฮดรานี่แหละ

หรือก็คือมีความเป็นไปได้ว่าไฮดราอาจจะปรากฏตัวขึ้นที่ป่าทีทิส ลูนามาเรียเหมือนอยากจะบอกแบบนั้น

จากนั้นเธอก็พูดต่อ

「หากมันเป็นไฮดร้าจริงๆ ป่าทีทิสทั้งหมดก็คงจะกลายเป็นฟุไคไปแล้ว ดังนั้นสุดท้ายแล้วฉันจึงไม่คิดว่าจะเป็นตัวของมันตรงๆ ได้ค่ะ」

ไม่เหมือนกับไวเวิร์นที่สืบเชื้อสายบางส่วนมาจากมังกร แต่มังกรที่แท้จริงนั้นสามารถเกิดขึ้นมาได้โดยไม่จำเป็นต้องมีพ่อหรือแม่

ตัวตนของมันก็เหมือนกับ สายฟ้า พายุ แผ่นดินไหว หรือภูเขาไฟระเบิด

มันคือปรากฏการณ์ตามธรรมชาติที่มีได้หากตรงไปตามเงื่อนไขของโลกใบนี้

นั่นแหละคือตัวตนที่เรียกกันว่ามังกร

หรือก็คือหากขาดเงื่อนไขบางอย่างไปแม้เพียงเงื่อนไขเดียวมันก็จะไม่สามารถปรากฏตัวออกมาได้

ถ้าหากไฮดราปรากฏตัวขึ้นมาจริง ก็หมายความว่าเงื่อนไขในการเกิดของมันเริ่มทำงานแล้วนั่นเอง

――หรือก็คือ ตั้งแต่อดีตที่ผ่านมาเงื่อนไขในการเกิดของมันค่อยๆ ถูกเคลียร์ไปทีละนิดทีละหน่อย จนทำให้ตอนนี้ไฮดราเกือบจะสามารถมีตัวตนขึ้นมาบนโลกนี้ได้อีกครั้งแล้ว

หากการคลุ้มคลั่งและการแพร่ระบาดของพิษพวกนี้คือผลที่มาจากการเคลียร์เงื่อนไขในการเกิดของไฮดราได้ละก็….

「ทุกสิ่งต่อจากนี้ก็จะเกินมือพวกเราไปมากเลย」

「ค่ะ แต่นั่นก็เป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้นเอง…」

「ในสถานการณ์แบบนี้อยากจะให้เรื่องที่พวกเราคิดผิดชะมัด แต่ช่วยไม่ได้รีบดำเนินการโดยคิดว่ามันอาจจะเกิดขึ้นจริงแล้วกัน」

ตอนนี้จำเป็นต้องรีบไปแจ้งให้กับทางเมืองอิชกะ กิลด์นักผจญภัย แล้วก็สหภาพได้ทราบถึงเรื่องนี้ พวกเขาอาจจะไม่เชื่อสิ่งที่ผมพูด แถมอาจจะถูกหัวเราะใส่ด้วยซ้ำ แต่ผมก็ไม่อยากจะมาโดนบ่นเอาทีหลังหรอกนะว่าทำไมไม่ยอมบอกกันแต่แรก

นอกจากนี้ผมก็ต้องพาชีลกับซูซูเมะอพยพไปด้วย….หื้ม ควรจะพาพวกเธอไปพักที่เมืองหลวงก่อนจะดีไหมนะ ผมอยากเอาเรื่องนี้ไปคุยกับดยุกดรากูนอทด้วยสิ แต่จะให้ทิ้งครอบครัวของมิโรสลาฟไปก็ไม่ได้ด้วย

แถมหลังจากนี้ก็ต้องประเมินสถานการณ์ต่อด้วยว่า จะหนีไปทางจักรวรรดิหรือนครศักดิ์สิทธิ์ดี

――ระหว่างที่ผมกำลังคิดเรื่องพวกนี้อยู่ ภาพในหัวที่ผุดขึ้นมาอย่างกะทันหันก็เป็นหมู่บ้านเมลเทซะงั้น

หมู่บ้านแห่งนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งของทางผ่านแม่น้ำเคล ก็หมายความว่าที่นั่นอาจจะได้รับผลกระทบด้วยก็ได้

ถึงตอนนี้จะยังไม่ใช่พิษจากตัวของไฮดราจริงๆ แต่ผลกระทบของพิษที่เกิดขึ้นตอนนี้ก็ต้องไหลผ่านไปตามแม่น้ำด้วยแน่ๆ

ผมต้องรีบไปบอกคุณซาร่ากับเด็กพวกนั้นให้เร็วที่สุดแล้วสิ เป็นไปได้ก็อยากจะพาทั้งสี่คนหนีไปยังเมืองหลวงพร้อมกับชีลและคนอื่นๆ ด้วย

ยิ่งไปกว่านั้นราสกับอิเรียก็น่าจะอยู่ที่หมู่บ้านด้วย ถึงจะมีเรื่องเกิดขึ้นระหว่างพวกผมมากมายแต่ผมก็ไม่ได้อยากจะให้พวกเขาตายเพราะพิษกันหรอกนะ แอบสงสัยอยู่เหมือนกันว่าอิเรียจะคิดยังไงเรื่องที่มิโรสลาฟมาเข้าแคลนผม

ถึงจะมีปัญหาเรื่องมอนสเตอร์คลุ้มคลั่งอยู่ แต่ระหว่างทางกลับมานี้ผมเห็นแนวป้องกันที่ยังดูหนาแน่นดีอยู่ ดังนั้นพวกมอนสเตอร์ก็ไม่น่าจะหลุดเข้ามาในเมืองได้ในวันสองวันนี้หรอกมั้ง

แต่ถ้าปล่อยให้เวลาผ่านไปนานกว่านี้ความรุนแรงของมันอาจจะเพิ่มขึ้นจนถอยหนีไปไหนไม่ได้ ดังนั้นผมจำเป็นต้องรีบไปที่หมู่บ้านเมลเทซะแล้วสิ

นั่นคือสิ่งที่ผมคิดในตอนนี้

———
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code