ตอนที่ 77-2 รถม้าพลิกคว่ํา

รถม้าคันนั้นมุ่งตรงไปยังบ้านพักของท่านอํามาตย์หลี่ และเมื่อมาถึงสะพานทางด้านทิศตะวันตกทันใดนั้นพวกเขาก็ได้ยินคนด้านนอกกล่าวว่า:

“เรียนเซียนจู บริเวณด้านหน้ารถม้าของหลิวหยูชิพลิกคว่ําอยู่ ดังนั้นเราคงต้องใช้ทางอ้อม”

ไปจือเปิดม่านขึ้นและเห็นความวุ่นวายด้านนอก ขณะที่รถม้าคันดังกล่าวพลิกคว่ําอยู่กลางถนนจริง จึงขมวดคิ้วพร้อมกับกล่าวว่า:

“คุณหนู เราคงต้องใช้ถนนสายอื่น”

พระตําหนักขององค์หญิงหย่งหนึ่งอยู่ในเขตชานเมืองของเมืองหลวง แล้วตอนนี้ท้องฟ้าได้กลายเป็นสีดําที่มืดมิดแล้ว

และพวกเขาต้องรีบกลับที่พักโดยเร็ว เมื่อหลี่เว่ยหยางมองขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วจึงและกล่าวว่า:

“เช่นนั้นเราควรใช้เส้นทางอ้อม”

หลี่หมินเดือผู้ซึ่งไม่เคยเคร่งขรึมขนาดนี้มาก่อน มีรูปลักษณ์ที่น่ารักน่าเอ็นดูมาก ในขณะนี้รถม้าสว่างไสวด้วยเทียนเล่มเดียวเท่านั้น

ภายใต้แสงที่ริบหรี่นั้น รูปลักษณ์ที่พิเศษของเขาดูไร้ที่ติเมื่อเงาของเขาแกว่งไปมา

ทันใดนั้นความรู้สึกบางอย่างได้เกิดขึ้นกับหลี่เว่ยหยาง เมื่อเด็กชายแสดงท่าที่ห่างเหินราวกับว่าไม่คุ้นเคยกับตนเอง

ครั้งแรกที่พบกัน เขาเป็นเพียงเด็กตัวเล็ก ๆ ที่อ่อนแอแต่ตอนนี้นางมีลางสังหรณ์บางอย่างมันเหมือนกับว่าหลี่หมินเพื่อที่อยู่ตรงหน้านี้ เป็นตัวตนที่แท้จริงของเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่นางยังไม่เข้าใจเช่นกัน

เวลานี้หลี่หมินเพื่อมองขึ้นไปเห็นหลี่เว่ยหยางจ้องมองเขาจึงสะดุ้งทันที และเมื่อพี่สาวสังเกตเห็นท่าทีมีพิรุธนั้น เด็กชายจึงยิ้มกว้าง

ผิวที่บอบบางของหลี่เว่ยหยางนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ที่พุ่งพล่านทั่วใบหน้า ซึ่งมีความชัดเจนเหมือนภูมิทัศน์ของเมืองเจียงหนาน

แม้ว่าจะไม่สามารถเทียบกับความงามของหลี่จางเล่อได้ แต่เมื่อ หลี่เว่ยหยางยิ้มรอยปุ่มที่แก้มของนางที่ปรากฏขึ้นก็ทําให้หญิงสาวมีความนุ่มนวลและน่าหลงใหลมากยิ่งขึ้น

เห็นได้ชัดว่านางต้องประสบกับความยากลําบากมากมาย แต่รอยยิ้มของนางนั้นชัดเจนราวกับท้องฟ้าสีครามหลังฝนตก

ราวกับว่าช่วงเวลาที่ไม่เป็นใจนั้นไม่เคยมีมาก่อน ทันใดนั้นหลี่หมินเพื่อก็กล่าวไม่ออก

เมื่อหลี่เว่ยหยางเอ่ยถามว่า

“วันนี้เจ้าพบเจอกับผู้ใดบ้าง?”

หลี่หมิ่นเต่อผงะ ขณะที่เด็กชายเอ่ยถามทันทีว่า

“พบผู้ใดกัน?”

หลี่เว่ยหยางไม่ได้ติดตามคําถาม และหยุดคิดก่อนที่จะหยิบเครื่องประดับผมที่ทําจากหยกออกมาจากแขนเสื้อ

โดยถอดชิ้นส่วนเครื่องประดับออกจากศีรษะของหลี่หมินเอและค่อย ๆ เปลี่ยนเป็น ชิ้นหยกให้เขา

“ลืมไปแล้วหรือว่าวันนี้เป็นวันเกิดของเจ้า?”

หลี่หมิ่นเต่อรู้สึกประหลาดใจชั่วขณะ ก่อนที่จะจับชิ้นหยกบนศีรษะของตนเอง โดยใช้นิ้วของเขาสัมผัสหยกขณะที่เอ่ยถามว่า

“จริงหรือ?

เด็กชายผู้นี้มีความทรงจําที่ไร้ที่ติ เมื่อได้เห็นบางสิ่งบางอย่างเขาจะไม่มีวันลืม แต่เขาจําวันเกิดของตัวเองไม่ได้จริงหรือ?

การจ้องมองของหลี่เว่ยหยางดูคลุมเครือ และหลังจากนั้นไม่นานนางก็เริ่มกล่าวว่า

“เจ้าเห็นหรือไม่ว่าเวลาผ่านไปในชั่วพริบตา และตอนนี้เจ้าอายุมากขึ้นหนึ่งปีแล้ว”

นางคิดว่าเขาเชื่อใจและเชื่อทุกคําที่ตนเองกล่าว แต่ไม่ทราบว่าด้วยสาเหตุใดเขาจึงมีความลับกับนาง

หลี่หมินเตือขัดแย้งอยู่ในใจว่าจะบอกนางดีหรือไม่ ขณะที่ตัวสั่นพร้อมกับกล่าวว่า

“หากทําได้ ข้าก็ยินดีที่จะกลับไปเป็นเช่นเดิม” คํากล่าวเหล่านั้นจริงใจและมาจากก้นบึงของหัวใจของเด็กชาย

เขาไม่ต้องการให้หลี่เว่ยหยางเข้าใจผิด แต่สิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้เขาไม่ต้องการให้นางรู้สึกกังวลใจเช่นกัน

เมื่อเห็นความไม่เต็มใจที่จะบอกกล่าวความจริง หลี่เว่ยหยางจึงถอนหายใจเบา ๆ :

“เจ้าคงเหนื่อยมาก หลับตาและพักผ่อนเสีย เมื่อถึงแล้วข้าจะปลุกจะเอาเอง”

หลี่หมิ่นเต่อตัวสั่นสะท้าน

ขณะที่หลี่เว่ยหยางอยู่ใกล้เขาตลอดเวลาและไม่เคยเฉยเมยกับท่าทีของเขา โดยน้ําเสียงของนางยังคงราบเรียบและเคร่งขรึม

เด็กชายหายใจเข้าลึก ๆ และกัดริมฝีปากของตนเองในขณะที่ผละออกไปเงียบ ๆ และกล่าวว่า:

“ ข้ารู้ว่าตัวเองเป็นภาระให้กับท่าน”

มีร่องรอยของความเหงาบนใบหน้าของเขา ขณะที่การจ้องมองของหลี่เว่ยหยางอ่อนลงและระงับความกังวลจากก้นบึงของหัวใจพร้อมกับตอบกลับอย่างอ่อนโยนว่า

“ข้ามิเคยคิดเช่นนั้นเลย”

หลี่หมิ่นเต่อโค้งตัวหนีพี่สาวขณะที่สีหน้าของเขาซีดเซียวราวกับศพ โดยหลี่เว่ยหยางเห็นว่าปั่นหยกบนศีรษะของบิดเบี้ยวเล็กน้อย จึงยื่นมือออกไปเพื่อแก้ไขให้เหมือนเดิม

หลี่หมินเพื่อเงยหน้าขึ้นทันที ขณะที่ดวงตาของเขาเป็นสีแดงและมุ่งมั่น

“มีบางอย่างที่ข้าต้องการจะบอกท่าน!”

เมื่อเห็นเขาจริงจังมาก หลี่เว่ยหยางก็รู้สึกสงสัยว่า ตนเองทํารุนแรงเกินไปหรือไม่

ทันใดนั้นไปซื้อก็ได้ยินเสียงดังบริเวณด้านหลังของรถม้า จากนั้นนางจึงมองออกไปนอกหน้าต่างและเห็นภาพเงาจํานวนมากวิ่งเข้ามาหาราวกับสายลมคําราม จึงร้องตะโกนออกไปว่า

“คุณหนู!”

เมื่อสิ้นเสียงนั้นรถม้าก็พลิกคว่ําอย่างกะทันหัน ทําให้หลี่เว่ยหยางและคนอื่น ๆ กระเด็นออกมาจากรถม้า

ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมากโดยหลี่เว่ยหยางรู้สึกตกตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนที่จะดึงร่างของหลี่หมินเพื่อมาข้างหลัง โดยเหล่าองครักษ์ที่มาด้วยไม่ทันก้าวเข้ามาช่วย ทันใดนั้นร่างแห่งความมืดก็พุ่งตรงเข้ามาหา

เป็นเรื่องยากที่จะระบุได้ว่าบุรุษในชุดสีดํานี้มีจํานวนเท่าใด แต่หากจะให้ประมาณด้วยสายตาก็น่าจะมีสักประมาณยี่สิบหรือสามสิบคน โดยผู้คนทั้งหมดล้วนแล้วแต่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีดํา

พวกเขาก้าวเข้ามาหาอย่างรวดเร็วและต่อสู้กับองครักษ์สิบคนที่ปกป้องรถม้าคันนี้ไปยังบ้านพักของท่านอํามาตย์หลี่

ตอนนี้เหตุการณ์บนท้องถนนวุ่นวายมาก ขณะที่ผู้คนทั้งหลายที่สัญจรไปมาต่างก็วิ่งหนีกันอย่างอลหม่าน

ส่วนบางคนที่มิได้วิ่งหนีพวกเขาจะไม่ได้วิ่งหนีก็จะหาที่ซ่อนอยู่ไกล ๆ ขณะนี้หลี่หมินเพื่อขมวดคิ้วลึกโดยหลี่เว่ยหยางจับมือเขาเอาไว้แน่น