ตอนที่ 77-1 ผู้ชนะ
อย่างไรก็ตามไปจอผู้ซึ่งยืนอยู่ด้านหลังของนาง รู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกอย่างแปลกประหลาดที่เกาะกุมหัวใจของเว่ยหยาง
ตามปกติแล้วนางเคยเห็นคุณหนูใหญ่ที่มีความปรารถนาดีต่อผู้อื่นอย่างเสแสร้ง และฮูหยินใหญ่ผู้ซึ่งมีความความโหดร้ายอยู่ในเส้นเลือด
แต่นี่เป็นครั้งแรกที่สาวใช้รู้สึกหวาดกลัวจากก้นบึงของหัวใจ ขณะที่ไปจือและโม่ฉรู้สึกราวกับว่าพวกนางกําลังเผชิญหน้ากับความเกลียดชังที่ยิ่งใหญ่
ขณะนี้ทั่วเปาเจิ้นกําลังยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มที่แสดงถึงความเป็นมิตรและอบอุ่น แต่มันมีแรงจูงใจบางอย่างซ่อนอยู่
โดยหลี่เว่ยหยางจ้องมองเขาอย่างว่างเปล่า เมื่อเทียบกับด้านที่น่ากลัวที่ไม่สามารถคาดเดาได้ของของชายผู้แล้ว เขาก็เป็นเหมือนกับปาลึกที่มืดมิดซึ่งสามารถสร้างความหวาดกลัวให้กับผู้อื่นได้
เพราะไม่มีผู้ใดสามารถคาดเดาได้ว่าเขาต้องการสิ่งใด ดังนั้นจึงไม่สามารถล่วงรู้ได้เช่นกันว่าจะได้รับสิ่งใดตอบแทนจากปีศาจที่ชั่วร้ายตนนี้!
ทั่วเปาเจิ้นไม่ได้กล่าวอันใดโดยบุรุษหนุ่มทําเพียงแค่จับมือของหลี่เว่ยหยางเอาไว้แน่นขณะที่ เขาดึงร่างของนางเข้าไปหา ซึ่งทําให้หลี่เว่ยหยางโกรธมากและกล่าวว่า
“ท่านกําลังจะทําอันใด?”
ทั่วเปาเจิ้นยิ้มอย่างเฉยเมย
“มาดูเกมหมากรุกที่สามารถตัดสินได้ว่าผู้ใดจะได้รับชัยชนะหรือพ่ายแพ้ในครั้งนี้”
ผู้ใดจะคาดคิดว่าหลี่เว่ยหยางได้ปัดมือเขาออกไปอย่างเย็นชา
“ ไม่ต้องลากข้าไปข้าเดินไปเองได้เ”
ทั่วเปาเจิ้นหรี่ตาขณะที่หลี่เว่ยหยางเดินผ่านเขาและเยาะเย้ยอย่างเย็นชาก่อนจะเดินตามนางไป
หลี่เว่ยหยางเดินกลับไปที่ศาลาและเห็นองค์หญิงกําลังจับแขนของทั่วเปาหยูและเดินไปมาเพื่อเช้าให้พี่ชายสนทนากับตนเอง
ขณะที่ทั่วเปาหยูรู้สึกประหลาดใจมากที่เห็นหลี่เว่ยหยางเดินกลับมา โดยหญิงสาวแสยะยิ้มอย่างหงุดหงิดขณะที่นั่งลง:
“ข้าได้รับเชิญให้มาดูการเล่นหมากรุก”
ทั่วเปาหยูเหลือบมองไปที่ตัวหมากรุกบนโต๊ะ โดยเขาไม่คิดว่าตัวเปาเจิ้นจะยังคงสนใจที่จะเล่นต่อ
“เนื่องจากเป็นเช่นนั้น พี่สามโปรดวางตัวหมากของท่าน”
ทั่วเปาเจิ้นยิ้มกว้างและนั่งลงหยิบหมากรุกอย่างตั้งใจ ขณะที่หลี่เว่ยหยางเพิกเฉยต่อเขา
ทันทีโดยมองไปยังชิ้นส่วนสีดําและสีขาวที่สังหารกันอย่างไม่หยุดยั้งในการต่อสู้ที่ดุเดือด
ทั้งสองฝ่ายไม่มีข้อได้เปรียบที่ชัดเจน ทําให้ ณ ตอนนี้เป็นการยากที่จะตัดสินว่าผู้ใดจะเป็นผู้ชนะ
แม้ว่าหลี่เหว่ยหยางจะไม่ได้เก่งกาจในด้านศิลปะที่คาดว่าหญิงสาวควรจะชอบเช่น การวาดภาพบทกวี เต้นรําและดนตรี แต่นางมีความสามารถด้านการเล่นหมากรุก
เพราะทั่วเปาเจิ้นชอบเล่นหมากรุกมากที่สุด และเพื่อให้ได้รับความโปรดปรานจากเขา นางจึงใช้เวลาและความพยายามอย่างมากเพื่อให้เขามีความสุข
โดยนางใช้เวลาและความพยายามส่วนใหญ่ในการปล่อยให้เขาชนะในขณะที่ยอมแพ้ด้วยวิธีที่เป็นไปได้อย่างสมบูรณ์แบบ
และตอนนี้หญิงสาวกําลังนั่งอยู่ที่นี่และเห็นเขาเล่นหมากรุกกับผู้อื่น โดยนางไม่รู้จริง ๆ ว่าจะทําหน้าอย่างไรดี ..
ทั่วเปาเจนเลือกใช้หมากรุกสีขาวและทั่วเปาหยูใช้สีดํา โดยตัวหมากเหล่านั้นกระจายอยู่บนกระดานหมากรุกราวกับสนามรบซึ่งดูเหมือนว่า กองทัพทั้งสองฝ่ายกําลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด
เมื่อมองจากตัวหมากบนกระดานแล้วทําให้หลี่เว่ยหยางสามารถรู้ได้อย่างชัดเจนว่ากลยุทธ์ของพวกเขาเกือบจะเท่าเทียมกัน
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงต่อสู้อย่างดุเดือดโดยยอมเสียสละบ้างซึ่งมันเป็นสิ่งที่จําเป็นสําหรับชัยชนะขณะที่การต่อสู้นั้นยังคงดําเนินต่อไปโดยไม่มีใครยอมใคร
การจ้องมองที่เคร่งเครียดของหัวเป่าเจิ้นเพ่งไปบนกระดาน ขณะที่ตัวหมากที่อยู่ระหว่างนิ้วของเขายังไม่วางลง
ในเวลานั้นองค์หญิงเก้าได้โน้มตัวเข้าไปหาหลี่เว่ยหยางแล้วเอียงศีรษะพร้อมกับกล่าวว่า
“เซียนจู ท่านคิดว่าผู้ใดจะชนะ?”
หลี่เว่ยหยางโต้ตอบอย่างใจเย็นว่า
“โอกาสใกล้เคียงกันมาก โดยทั้งคู่เล่นได้อย่างยอดเยี่ยม ยังเราคงจะต้องรอดูเพราะการต่อสู้ยังอีกยาวไกล ก่อนที่จะตัดสินชัยชนะได้”
นางอาจจะกล่าวเช่นนี้ แต่ในใจนั้นเข้าใจว่าตัวหมากรุกเหล่านี้สะท้อนถึงนิสัยที่แท้จริงของตัวผู้เล่นเอง
ทั่วเปาเจิ้นมีความเชี่ยวชาญในการวางแผน จึงดูแลสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่โดยรอบอย่างเงียบ ๆและระมัดระวังในทุกด้าน
ซึ่งข้อบกพร่องเพียงอย่างเดียวของเขาคือ การคิดมากเกินไปร่วมกับความหวาดระแวงและความระมัดระวัง
ส่วนตัวเปาหยุนั้นเขาเป็นคนไม่แยแสและฉลาดเฉลียวอย่างแน่นอน ซึ่งทําให้คนอื่นสามารถใช้ประโยชน์จากความประมาทของเขาได้อย่างง่ายดาย
หากเขาต้องพบกับคู่ต่อสู้อย่างทั่วเปาเจิ้น ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยอาจทําให้เขาเสียทุกอย่างได้
เหมือนที่หลี่เว่ยหยางทํานายไว้ทั้งสองพยายามต่อสู้กันอยู่พักหนึ่ง แม้ว่าองค์หญิงเก้าจะเอนกายลงบนแท่นนอนแล้ว แต่ผู้ชนะก็ยังไม่ปรากฏตัว
หลังจากครึ่งชั่วโมงผ่านไป ผู้อาวุโสหลีก็ส่งคนมาตามหลานสาวคนโปรด
“เซียนจูถึงเวลาต้องกลับแล้ว”
หัวเป่าเจิ้นกล่าวอย่างใจเย็นว่า:
“ช่วยแจ้งให้ผู้อาวุโสหลี่ทราบด้วยว่า เซียนจูกําลังดูข้ากับองค์ชายเจ็ดเล่นหมากรุกอยู่เมื่อจบแล้วข้าจะพานางไปส่งเอง!”
เห็นได้ชัดว่าบุรุษผู้นี้ไม่มีเจตนาที่จะปล่อยนางไป! หลี่เว่ยหยางขมวดคิ้วทันที
“องค์หญิงเก้า ท่านมต้องการทราบแล้วหรือว่าผู้ใดจะชนะ!”
หัวเป่าหยูเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หลี่เว่ยหยาง
“น้องเก้าเป็นเพียงเด็กน้อยเท่านั้น ในเมื่อนางหลับแล้วก็อย่าไปรบกวนนางเลย แต่ข้าคงประสบปัญหาแล้วล่ะเซียนจู”
หลี่เว่ยหยางยืนขึ้นพร้อมกับหยิบหมากรุกในมือของทั่วเปาหยูและวางลงบนกระดานหมากรุกอย่างมั่นคง
ตอนนั้นใบหน้าของตัวเปาเจิ้นซีดลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่หลี่เว่ยหยางหันหน้ามามองเขาด้วยรอยยิ้มร่าเริง ราวบอกว่านางเป็นผู้ที่มีนิสัยสดใสและเป็นมิตร
แต่รอยยิ้มของนางนั้นมีเสน่ห์ที่ช่างอ่อนหวานและลึกซึ้ง ซึ่งมันสามารถทําให้หัวใจของทั่วเปาเจิ้นปั่นป่วนและขัดแย้งกันอยู่ภายใน
และในตอนนี้ท่ามกลางชิ้นส่วนสีดําและสีขาวบนกระดานหมากรุกเรานั้น ผู้ชนะได้รับการตัดสินแล้ว
เพราะมีบางคนมาสะกิดเด็กน้อย ทันใดนั้นองค์หญิงเก้าก็ลุกขึ้นนั่งและเห็นกระดานหมากรุกจึงตะโกนทันที่ว่า
“อ๊าพี่เจ็ดชนะแล้ว!”
สถานการณ์เช่นนี้ทําให้ทั่วเปาเจิ้นจ้องมองไปที่หลี่เว่ยหยางอย่างเย็นชา
โดยหลี่เว่ยหยางไม่สามารถซ่อนความรําคาญใจในสายตาของตนเองได้
“เกมจบลงแล้ว ในเวลานี้ข้าต้องกลับแล้ว”
ทั่วเปาหยูหันหลังและมองผ่านสวนดอกไม้และเห็นว่าแขกส่วนใหญ่ออกไปแล้ว เขา จึงหัวเราะเบา ๆ :
“ขอบคุณเซียนจูสําหรับความช่วยเหลือของท่านในวันนี้ที่ทําให้ข้าสามารถเอาชนะที่สามได้ หวังว่าเราคงได้พบกันอีกในไม่ช้า”
หลี่เว่ยหยางพยักหน้าและพาไปจ่อกับโม่ฉออกไปทันที
โดยหญิงสาวพบเพียงหลี่หมิน เต่อเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่กําลังรออยู่หน้ารถม้า
“ก่อนหน้านี้มีคนแจ้งเราว่าฮูหยินแห่งหนานอันมาเยี่ยมบ้านเรา ดังนั้นท่านผู้อาวุโสหลี่จึงมิสามารถรอได้อีกต่อไปจึงกลับไปก่อน ส่วนฮูหยินใหญ่และคุณหนูใหญ่ก็กลับไปแล้วเช่นกัน
ข้าได้ยินว่าองค์ชายห้าสังเกตว่ามันดึกแล้วและกลัวว่าจะเดินทาง กลับลําบากจึงให้พวกเขาส่งเรากลับบ้าน”
เหตุการณ์ครั้งนี้คงจะทําให้หลี่จางเล่อรู้สึกเสียหน้า และคงไม่นิ่งดูดาย แต่การแสดงบทบาทผู้มีน้ําใจขององค์ชายห้านั้นเป็นเรื่องที่น่าสงสัย ดังนั้นนี่จึงไม่ใช่เรื่องธรรมดา หลี่เว่ยหยางครุ่นคิดสักพักก่อนที่จะพยักหน้า
“เราไปกันเถิด”