ตอนที่ 76-4 ความลับขององค์ชายเจ็ด

หลี่เว่ยหยางมีความรู้สึกแปลก ๆ และยังคงจ้องมองเขาโดยไม่ได้กล่าวอันใด

เขากล่าวอย่างแผ่วเบาว่า

“จริงอยู่ที่ชีวิตในชนบทนั้นน่าเบื่อ แต่เมื่อเทียบกับเมืองหลวงแล้วมันสงบสุขกว่ามาก สถานที่แห่งนี้มีการต่อสู้มากมายรอบตัว ซึ่งเจ้าคงต้องทําตัวให้ชินกับมัน”

หลี่เว่ยหยางรู้สึกประหลาดใจ แต่ทั่วเปาหยูกลับยิ้มอย่างเบื่อหน่ายราวกับว่าเขาไม่ได้กล่าวคําเหล่านั้นออกมา ขณะที่หลี่เว่ยหยางเหลือบมองออกไปยังระยะไกลโดยไม่รู้ตัว

มีผู้คนมารวมตัวกันบริเวณพุ่มไม้ที่มีดอกไม้เบ่งบานสะพรั่งและมองไปทางนี้ ทําให้หัวใจของหสี่เว่ยหยางเกิดความรู้สึกหนาวเหน็บขึ้นอีกครั้ง

มีสายตามากมายในสถานที่แห่งนี้ ซึ่งมันจะเป็นเรื่องยุ่งยากหากผู้อื่นคิดว่า นางกับองค์ชายเจ็ดกําลังสนทนากันอย่างลับ ๆ

ราวกับสามารถอ่านใจของนางได้ หัวเป่าหยุได้กล่าวขึ้นว่า

“หลี่เว่ยหยาง”

เขามองไปที่นางมืดเหมือนเงาในเวลากลางคืน และเหมือนกับแก้วคริสตัลที่ส่องแสง แพรวพราวะ

“สําหรับหลิวหยูข้าจะหาวิธีแก้ไขปัญหานี้เอง ส่วนเรื่องของทหารองครักษ์ผู้นั้นทุกอย่างจะเป็นความลับ”

หลี่เหว่ยหยางขยับเสื้อผ้าของตนเองและทําย่อตัวลงเพื่อแสดงความขอบคุณ:

“เว่ยหยางขอบพระทัยองค์ชาย”

ทั่วป่าหยยิ้มบาง ๆ และก้าวเข้ามาใกล้ก่อนที่หลี่เว่ยหยางจะตอบสนอง ขณะที่ทั่วเปาหยูกระซิบข้างหูนางอย่างแผ่วเบาว่า

“ความขัดแย้งในเมืองหลวงนั้นมิใช่สิ่งที่เจ้าจะสามารถจินตนาการได้ จงอย่าประมาทเหมือนดังเช่นที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้”

หลี่เว่ยหยางสั่นสะท้านโดยไม่รู้ตัวพร้อมกับจ้องมองไปที่พื้นหญ้าสีเขียว:

“หม่อมฉันรับทราบ ขอบพระทัยในความหวังดีขององค์ชาย”

นางหันกลับมาขณะที่นึกถึงสภาพจิตใจที่สับสนวุ่นวายของตนเองและเดินจากไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อนางออกจากศาลาและพบว่าเหตุการณ์เมื่อครู่ไม่ได้อยู่ในสายตาของผู้ใด หลี่เว่ยหยางจึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก และไปจ่อแปลกใจที่เห็นนางแสดงอาการเช่นนี้

“คุณหนู บ่าวคิดว่าคุณหนูจะกังวลใจไม่เป็นเสียอีก!”

หลี่เว่ยยางยิ้มะ

“ข้าจะมีกังวลได้อย่างไร ดูสิ! หัวใจของข้ายังเต้นแรงอยู่เลย! เจ้าไม่เห็นหรือว่าท่าทีของเขานั้นเย็นชาไม่ต่างจากธารน้ําแข็งเลย มันทําให้ข้าตื่นเต้นจนแทบจะหยุดหายใจ”

โม่งูเข้ามาใกล้และกล่าวว่า:

“คุณหนู เมื่อบ่าวยืนดูอยู่ด้านนอกหลังจากที่คุณหนูเข้าไปได้มินานมีสาวใช้สองคนมาที่นี่และกล่าวว่าพวกเขาต้องการเชิญคุณหนูไปบริเวณด้านหน้า

บ่าวจึงแจ้งว่า คุณหนูมาเดินเล่นสักพักแล้วรู้สึกเหนื่อย ดังนั้นคุณหนูจึงหยุดพักที่นี่เพื่อพักผ่อนสักครู่…”

“แล้วพวกเขาเชื่อคํากล่าวของเจ้าหรือเปล่า?” หลี่เว่ยหยางถาม

“ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเช่นนั้น” โม่ฉุหัวเราะ

“พวกเขาพยายามซักถามบ่าวอยู่หลายอย่าง แม้ว่าจะยังสงสัยอยู่ก็ตาม แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถเข้าใกล้บริเวณศาลาได้

ทําให้พวกเขามิได้ยินสิ่งที่คุณหนูและองค์ชายเจ็ดสนทนากัน ดังนั้นคุณหนูสามารถมั่นใจได้”

หลี่เว่ยหยางยิ้ม:

“ข้าคิดไม่ถึงว่าเจ้าจะฉลาดถึงเพียงนี้”

โม่ฉตอบว่า

“หลังจากติดตามคุณหนูมานานแล้ว แม้แต่คนหัวทึบก็สามารถฉลาดขึ้นได้”

ทันใดนั้นหลี่เว่ยหยางก็หัว เราะออกมาดัง ๆ ขณะที่นางกล่าวว่า

“นั่นน้องสามใช่หรือเปล่า?”

ดวงตาของไปจือเบิกกว้างขณะที่จ้องมองไปยังตําแหน่งที่หลี่เว่ยหยางชี้ไป ซึ่งนางเห็นภาพเงาของหลี่หมินเอทอดยาวผ่านพุ่ม ดอกไม้มา

และด้วยความตกตะลึงไปจ่อ ได้ร้องอุทานว่า:

“น่าจะใช่!”

มีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นกับหลี่เว่ยหยางขณะที่นางรีบร้อนเอ่ยถามไปจ่อ:

“นอกจากหมินเพื่อแล้วเจ้ายังเห็นคนรับใช้ในชุดสีเทาหรือเปล่า?”

ไปงื่อตกใจและกล่าวว่า

“ไม่ บ่าวเห็นแค่คุณชายสามผู้เดียวเท่านั้น”

ไปจือไม่เห็นคนตัวสูงผู้นั้นที่สวมชุดสีเทาด้านข้างเด็กชาย โม่ถูกล่าวว่า

“แต่เมื่อครู่บ่าวเห็นคุณชายสามยืนอยู่กับผู้ใดบางคนในชุดสีเทา”

หลี่เหว่ยหยางสอบถามโม่ฉุต่อไปเพื่อต้องการทราบรายละเอียด:

“เจ้าจําคนนั้นได้ไม่?”

โม่ฉุส่ายหัวะ

“ตอนนั้นบ่าวยังคงกังวลเกี่ยวกับคําสั่งของคุณหนูจึงไม่ได้สังเกต

นอกจากนี้เสื้อผ้าของคนผู้นั้นก็เป็นเหมือนกับองครักษ์ทั่วไปดังนั้นบ่าวจึงไม่ได้สนใจเขาเป็นพิเศษ

ไปจ่อขมวดคิ้ว

“สิ่งที่คุณหนูกล่าวถึงคือ…”

หลี่เว่ยหยางยิ้มขณะที่นางกล่าวว่า

“เมื่อเร็ว ๆ นี้ข้ารู้สึกว่าหมินเพื่อทําตัวแปลก ๆ แต่ก็คิดมออกว่าเป็นเพราะเหตุใด

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะมีเบาะแสบางอย่าง แต่ข้ามควรรีบร้อน”

หลี่เว่ยหยางตั้งใจจะไปสืบหาข้อมูลต่อ แต่นางได้ยินเสียงดังมาจากด้านหลังว่า

“เซียนจูช้าก่อน”

เมื่อนางมองกลับไปจึงเห็นทั่วเปาเจิ้นยืนอยู่ด้านหลังหินเทียมพร้อมกับรอยยิ้มขณะที่เขาเดิน ออกไป โดยที่ด้านข้างเขายังมี

“องค์ชายแปด”

หรือองค์หญิงเก้ากําลังตรวจสอบสภาพแวดล้อมของนาง องค์หญิงเก้ายิ้มและกล่าวว่า

“ก่อนหน้านี้เห็นว่าเซียนจูกําลังสนทนาอยู่กับน้องเจ็ดพักหนึ่งมิทราบว่าเจ้าคุยเรื่องอะไรกันหรือ?”

สถานที่แห่งนี้อยู่ห่างจากศาลาหลังนั้นประมาณร้อยเมตรเห็นจะได้ ซึ่งมิต้องกล่าวถึงว่ามันกล้อมรอบด้วยทหารองครักษ์ของทั่วเปาหยู

หลี่เว่ยหยางจึงไม่กังวลว่าพวกเขาจะได้ยินอะไร ขณะที่นางยิ้มกว้างอย่างชัดเจน:

“องค์ชายเจ็ดบอกความลับบางอย่างกับข้า”

องค์หญิงเก้ายิ้มอย่างสดใสและวิ่งหาทันที

“บอกข้าที่สิ ข้าชอบความลับของผู้อื่นมากที่สุด”

หลี่เว่ยหยางไอเบา ๆ และกล่าวว่า:

“องค์ชายเจ็ดกล่าวว่าองค์หญิงเก้าชอบแอบหนีออกจากวังโดยปลอมตัวเป็นองค์ชายแปดและไปทุกที่ทําให้องค์ชายเจ็ดปวดหัว ซึ่งองค์ชายมิทราบว่าจะตอบฝ่าบาทอย่างไรดี

กล่าวตามความจริง องค์ชายกลัวว่าองค์หญิงเก้าจะถูกลงโทษ แต่หากเขาโกหกฝ่าบาทเขาก็ จะรู้สึกผิดเช่นเดียวกัน…”

” อันใด? พี่เจ็ดกล้าเล่าเรื่องนี้ให้เซียนจูฟังด้วยหรือ?

พี่เจ็ดจะมากเกินไปแล้ว! ข้าต้องไปหาพี่เจ็ด!”

ขณะนั้นใบหน้าเล็ก ๆ ของ องค์หญิงเก้าแดงกําด้วยความโกรธจนนางลืมเอ่ยถามรายละเอียดจากหลี่เว่ยหยางไปชั่วขณะและรีบร้อนวิ่งไปที่ศาลาในทันที

ทั่วเปาเจิ้นยิ้มอย่างชัดเจน

“เซียนจูฉลาดอย่างแท้จริงเจ้าสามารถเข้าใจจุดอ่อนของน้องเก้า และสามารถส่งนางไปด้วยคํากล่าวเพียงสองสามคํา”

ก่อนหน้านี้องค์หญิงหย่งหนิงชวนเขาไปดื่มชา ทั่วเปาหยูจึงทิ้ง สาวใช้ไว้ที่นี่ เพื่อให้นางทําตามแผนการที่วางเอาไว้

อย่างไรก็ตามเมื่อสาวใช้คนนั้นกลับไปแล้ว ทั่วเปาหยูก็ไม่ได้ไปร่วมดื่มชาทําให้เขาเริ่มสงสัย

และเมื่อองค์หญิงเก้าต้องการออกไปข้างนอก เขาจึงใช้มันเป็นข้ออ้างในการพาองค์หญิงเก้ามาที่นี่ทันที

ผู้ใดจะคิดว่า เขาจะได้เห็นหลี่เว่ยหยางกับหัวเปาหยูในศาลาและกําลังสนทนากันอย่างมีความสุข

ภาพที่เห็นทําให้หัวใจของเขาบีบรัด และทําให้เขาอึดอัดมาก!

เมื่อคิดว่าหลี่เว่ยหยางปฏิเสธข้อเสนอของเขา แต่นางกลับยิ้มสดใสให้กับองค์ชายเจ็ดทําให้เขารู้สึกราวกับว่านางดูถูกเขาและในช่วงชีวิตนี้เขาไม่พอใจความรู้สึกเช่นนี้มากที่สุด!

สายตาของเขาจ้องมองไปที่การแสดงออกที่ไม่สะทกสะท้านของหลี่เว่ยหยาง โดยทั่วเปาเจิ้นกล่าวอย่างเย็นชาว่า:

“หลี่เว่ยหยาง ดูเหมือนว่าเจ้าจะตั้งความหวังเอาไว้ผิดที่!”

หลี่เว่ยหยางยิ้มและตอบว่า

“องค์ชายสาม, เว่ยหยางเชื่อในสายตาของตนเองเสมอ”

ทันใดนั้นการแสดงออกของทั่วเปาเจิ้นก็กลายเป็นศัตรูทันทีอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่เขายืนอยู่ต่อหน้าหญิงสาวและจ้องมองไปยังหลี่เว่ยหยางอย่างตั้งใจซึ่งใบหน้านั้นยังคงไม่เปลี่ยนไป