บทที่ 80 เจ้าควรให้ข้าไปช่วย

นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา

นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 80 เจ้าควรให้ข้าไปช่วย
เหล่าไท่ไท่ช่วยปัดฝุ่นบนตัวให้โจวต้าไห่ที่กำลังดื่มน้ำอยู่ด้านนอก พร้อมพูดสั่ง

โจวต้าไห่หัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “แม่ข้ารู้แล้ว จะไปส่งน้องสาวเดี๋ยวนี้เลย”

ได้ยินแบบนี้ โจวกุ้ยหลานก็เดินมาถึงห้องโถง เห็นเหงื่อไหลท่วมตัวโจวต้าไห่ ในใจรู้สึกสงสารเขามาก

บ้านนี้มีเขาเป็นผู้ชายคนเดียว ไร่สวนของครอบครัว เขาเป็นคนดูแลทั้งหมด อายุขนาดนี้แล้วยังไม่มีภรรยา ช้ากว่าคนอื่นในหมู่บ้านไม่น้อยแล้ว

ผู้ชายที่ขยันขันแข็งขนาดนี้ รูปร่างหน้าตาก็ดี ทำไมถึงไม่มีใครชอบ?

โจวต้าไห่ดื่มน้ำเสร็จ วางแก้วลง ยกมือลูบเช็ดปาก พร้อมยิ้มหัวเราะพูดขึ้นว่า “แม่ไม่ต้องปัดแล้ว รีบไปทำกับข้าวเถอะ ข้าหิวแล้ว”

พูดเสร็จก็ไปทักทายโจวกุ้ยหลาน เดินไปด้านข้างกำแพง ยกโถที่สูงกว่าครึ่งคนขึ้นมา ใช้แรงยกขึ้นมาวางบนบ่าของตนเอง พร้อมพูดขึ้นว่า

“กุ้ยหลาน ไปเถอะ”

พูดเสร็จ เขาก็เดินออกไปข้างนอก โจวกุ้ยหลานพูดตอบ แล้วรีบวิ่งไปหลังบ้าน ไปเอาโถอันเล็กของเหล่าไท่ไท่ แล้วรีบเดินตามเขาไป

โจวเหล่าไท่ไท่ยืนมองดูทั้งสองคนเดินกลับไปอยู่ตรงหน้าประตู แล้วค่อยก้าวเท้าเข้าครัวไปทำกับข้าว

“กุ้ยหลาน เจ้าอุ้มไหวไหม? ไม่ไหวก็เอามาให้ข้า”โจวต้าไห่หันมามองโจวกุ้ยหลานที่อยู่ด้านหลัง พร้อมถามขึ้นมา

โถอันนี้ก็หนัก แต่เมื่อเทียบกับโถที่เขายกแล้วนั้นถือว่าเบามาก โจวกุ้ยหลานจะให้เขาอีกได้อย่างไร? รีบพูดปฏิเสธทันทีว่า “พี่ชาย ข้าอุ้มไหว รอข้าอุ้มไม่ไหวแล้วจะบอกเจ้า”

“งั้นถ้าเจ้าอุ้มไม่ไหวแล้วต้องบอกข้านะ”โจวต้าไห่พูดขึ้นมาอีกครั้ง

โจวกุ้ยหลานซาบซึ้งใจ ยิ้มพูดขึ้นว่า “วางใจเถอะ ข้าไม่ได้โง่”

ได้รับคำตอบแบบนี้ โจวต้าไห่เดินต่อไป มองดูเงาหลังโจวต้าไห่ แล้วโจวกุ้ยหลานแอบคิดในใจว่า จะต้องทำให้เขาได้แต่งงานอย่างสมหน้าสมตา

ทั้งสองคนพักตรงกลางเขาสักพัก ตอนที่โจวต้าไห่ลุกขึ้นมาก็จะไปเอาโถในมือของโจวกุ้ยหลาน โจวกุ้ยหลานกอดไว้แน่นมาก ไม่ยอมให้เขา เขาไม่รู้จะทำยังไง จำต้องแบกโถอันใหญ่เดินขึ้นไปบนเขาต่อไป

ทั้งสองคนเดินมาถึงในที่โล่ง สวีฉางหลินค่อยมองเห็น เขารีบวางงานในมือ ก้าวเท้ายาวๆไปรับเอาโถที่โจวกุ้ยหลานอุ้ม โจวกุ้ยหลานเอียงตัวบอกสวีฉางหลินว่า “รีบช่วยพี่ชายข้า”

พูดพร้อมกับหายใจหอบ

สวีฉางหลินรวดเร็วมาก เอื้อมมือไปคว้าเอาโถบนบ่าโจวต้าไห่มาไว้ในมือของเขา บนบ่าโจวต้าไห่โล่ง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ หันไปเพื่อจะช่วยยกโถของโจวกุ้ยหลาน กลับเห็นในมือสวีฉางหลิน ข้างหนึ่งถือโถใหญ่สูงเกือบครึ่งคน มืออีกข้างหนึ่งก็เอาโถในมือโจวกุ้ยหลานมาแล้ว

จากนั้นเขาก็ก้าวเท้ายาวเดินไปข้างหน้า

โจวต้าไห่มองดูภาพนี้ แล้วก็ต้องอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง

นี่ต้องมีแรงมากมายขนาดไหน?

โจวกุ้ยหลานเห็นเป็นเรื่องปกติแล้ว เดินตามหลังสวีฉางหลินไป เข้าไปในบ้านพร้อมกัน ชี้ตำแหน่งให้สวีฉางหลินวางโถไว้ตรงมุมให้ห้องโถง

“หนักขนาดนี้ เจ้าควรให้ข้าไปช่วย” สวีฉางหลินขมวดคิ้ว พร้อมพูดขึ้น

ยังไงภรรยาของตนก็อ่อนแอขนาดนี้ แบกของหนักขนาดนี้ได้อย่างไร?

“ข้าก็ไปตามให้พี่ชายมาช่วยแล้วไง? ไม่เป็นไร เดี๋ยวเอาหัวไชเท้าดองไว้ เจ้าเตรียมของถึงไหนแล้ว?” โจวกุ้ยหลานรีบเปลี่ยนเรื่องคุย พร้อมเดินไปที่กองกะละมังไม้

สวีฉางหลินรีบเดินไปตรงหน้ากะละมัง แล้วหั่นหัวไชเท้าต่อ เจ้าก้อนน้อยที่อยู่ด้านข้างนั่งอยู่บนเก้าอี้ ช่วยฉีกผักกาดขาว

“แม่” เจ้าก้อนน้อยร้องเรียกขึ้นมาอย่างดีใจ แต่มือกลับไม่หยุดเคลื่อนไหว

โจวกุ้ยหลานยิ้มตอบ แล้วเดินไปโต๊ะที่วางน้ำชาด้านข้าง

โจวต้าไห่ที่เดินตามเข้ามา อดไม่ได้ที่จะพูดชมขึ้นว่า “น้องเขยมีความสามารถจริง”

“แน่นอน ต้องดูว่าสามีของใคร” โจวกุ้ยหลานพูดขึ้นมาอย่างภาคภูมิใจ

“ใช่ใช่ใช่ สามีเจ้ามีความสามารถ” โจวต้าไห่พูดขึ้นมาอย่างจนใจ

ตอนนี้น้องสาวของตนเองยิ่งอยู่ก็ยิ่งมีชีวิตชีวาแล้ว ดีกว่าตอนที่อยู่บ้านเสียอีก คงเพราะน้องเขยดีต่อนางมาก

โจวกุ้ยหลานรินน้ำหนึ่งแก้วแล้วเดินเอาไปยื่นให้โจวต้าไห่ พร้อมพูดขึ้นว่า “พี่ชายรอแป๊บนะ ข้าไปเก็บของในบ้าน เดี๋ยวเอาของให้เจ้าเอากลับไป”

โจวต้าไห่ดื่มน้ำลงคอไปจนหมด วางผ้าห่มไว้ด้านข้าง แล้วรีบเดินไปหาช่วยสวีฉางหลิน แต่เมื่อเห็นหัวไชเท้าที่แหลกละเอียด ในใจก็รู้สึกแปลกใจ

“นี่เกิดอะไรขึ้น?”

“มีคนร้าย” เจ้าก้อนน้อยรีบพูดตอบ

คิดถึงคนร้ายคนนั้น เขาทำปากบูดเบี้ยวขึ้นมา

หลายวันมานี้แม่ไม่ดีใจ ล้วนเป็นเพราะคนร้าย

โจวต้าไห่อึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “หมายความว่ายังไง?”

สวีฉางหลินที่อยู่ด้านข้างพูดเล่าเรื่องอย่างสรุป โจวต้าไห่โกรธจนตบขา พร้อมพูดขึ้นว่า “ใครกันที่ทำแบบนี้ นี่ล้วนเป็นผักนะ”

คิดถึงสวนผักที่ดีงามถูกทำลายลงแบบนี้แล้ว เขารู้สึกเสียใจอย่างมาก

คนในหมู่บ้านนี้ทำไมถึงมีคนโหดร้ายเช่นนี้?

“คงมีความแค้นกับพวกเรา” โจวกุ้ยหลานพูดขึ้นตอนที่เดินเข้าออก

คิดถึงเรื่องนี้นางก็โกรธโมโห แต่หลายวันมานี้ก็ดีขึ้นไม่น้อยแล้ว

เอาชุดใหม่ชุดนั้นห่อเสร็จเรียบร้อยแล้ววางในตะกร้า แล้วเอาชามไม้หลายใบตักอาหารไก่วางในตะกร้า จากนั้นก็ไปเอาไข่ยี่สิบฟอง แป้งสิบจิน ข้าวสารสิบจิน แล้วค่อยเอาตะกร้ายื่นให้กับโจวต้าไห่ที่ยังเสียดายสวนผักอยู่

“พี่ชาย เจ้าเอากลับไปก่อน บอกแม่ว่า เรื่องนั้นเดี๋ยวข้าปรึกษาฉางหลิน”

โจวกุ้ยหลานหันไปเห็นโจวต้าไห่กำลังช่วยเอาหัวไชเท้าที่หั่นเสร็จแล้วใส่ลงไปในไห จึงดึงเขาขึ้นมา

เพียงครู่เดียวเอา เขาก็หางานทำแล้ว ว่างไม่ได้เลยจริงๆ

โจวต้าไห่รับตะกร้ามา ยืนขึ้น หันไปมองดูสวีฉางหลินที่กำลังหั่นหัวไชเท้า พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าอยู่ช่วยพวกเจ้าดีไหม? เยอะขนาดนี้เมื่อไหร่พวกเจ้าจะหั่นเสร็จ?”

“ไม่ต้องไม่ต้อง เจ้ารีบกลับไปเถอะ พวกเราทำเองได้ ทำไม่เสร็จวันนี้ พรุ่งนี้ค่อยทำต่อ” โจวกุ้ยหลานรีบพูดปฏิเสธเขา

“ไม่ต้องจริงๆ” โจวต้าไห่ยังคงลังเล

“ไม่ต้องจริงๆ เจ้ารีบกลับไปเถอะ เดี๋ยวแม่ก็ทำกับข้าวเสร็จแล้ว” โจวกุ้ยหลานผลักเขาออกไปข้างนอกอีกครั้ง

งานแค่นี้เอง ยังไงก็ให้เขาพักผ่อนดีที่สุด ไม่อย่างนั้นคงจะเหนื่อยแย่แน่

โจวต้าไห่ก็ไม่ดูตะกร้า รับเอามาแล้วก็เดินลงเขาแล้ว

โจวกุ้ยหลานโล่งอก ผลักสวีฉางหลินไปด้านข้าง พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าพักแป๊บหนึ่ง ข้าหั่นเอง”

“ไม่ต้อง เดี๋ยวมือเมื่อย” สวีฉางหลินไม่ขยับเขยื้อน

“งั้นเจ้าไม่เมื่อยมือหรือ? รีบลุกขึ้นมา ข้าหั่นแปบหนึ่งแล้วเจ้าค่อยหั่นต่อ” โจวกุ้ยหลานพูดขึ้นอย่างจริงจัง

หลังจากทานอาหารเช้าแล้ว คนคนนี้ก็นั่งหั่นหัวไชเท้าจนถึงตอนนี้ ตอนนี้มือคงชาหมดแล้ว ต้องให้เขาได้พักบ้าง

สวีฉางหลินหลีกให้ แล้วไปช่วยนางเลือกหัวไชเท้าอยู่ด้านข้าง

โจวกุ้ยหลานคิดถึงเรื่องที่ตนจะปรึกษาเขา จึงพูดขึ้นมาว่า “เมื่อกี้ข้าเอาเสื้อผ้าชุดใหม่ที่ซื้อในตำบลให้เจ้าเมื่อหลายวันก่อนให้พี่ชายไปแล้วนะ”