บทที่ 295 ศัตรูใกล้เข้ามา

ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก

บทที่ 295 ศัตรูใกล้เข้ามา

บทที่ 295 ศัตรูใกล้เข้ามา

“เหยียนหมิงยังไม่กลับมาอีกหรือ?” อู๋ฝานยืนอยู่บริเวณหน้าหมู่บ้าน พร้อมกับมองความวุ่นวายของกลุ่มคนที่กำลังทำงาน โดยมีเจิ้งเสี่ยวลิ่วอยู่ข้างกาย

ไม่ว่าจะงานก่อสร้างกำแพงเมืองหรือว่าการปลูกบ้านเรือน ความต้องการใช้หินก็ค่อนข้างมีมาก ดังนั้นสำหรับผู้อพยพที่เป็นคนงาน พวกเขาจึงถูกวางตัวให้ทำเหมืองเพื่อรวบรวมหินและแร่ ขณะส่วนที่เหลือจะรับหน้าที่ตัดไม้และขุดพื้นดิน

หมู่บ้านมือใหม่เช่นหมู่บ้านเร้นลับ มีเหมืองหินอยู่ แม้ว่าจะไม่ใช่เหมืองที่ทรัพยากรเปี่ยมล้น แต่หินเพียงแค่นั้นก็มีจำนวนมากเกินพอใช้งาน ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ว่าจะด้านหน้าหรือด้านหลังของหมู่บ้านเร้นลับก็มีภูเขาอยู่ บนภูเขาย่อมมีหินให้ใช้งานอีกมากมายเช่นเดียวกัน แม้อู๋ฝานจะต้องการใช้หินจำนวนมหาศาล ทว่าทรัพยากรก็มีเพียงพอสำหรับใช้งาน

“ยังไม่กลับมาขอรับ” เจิ้งเสี่ยวลิ่วที่อยู่ข้างกายตอบคำกลับมา

นับตั้งแต่ทราบเรื่องกองทัพกบฏออกอาละวาดใกล้เทศมณฑล อู๋ฝานก็ขอให้พวกเจิ้งเสี่ยวลิ่วเดินทางกลับไปพาครอบครัวมายังหมู่บ้านเร้นลับ ตลอดหลายวันที่ผ่านมา เจิ้งเสี่ยวลิ่วและคนอื่นต่างนำครอบครัวกลับมากันแล้ว เหลือเพียงเหยียนหมิงที่ยังเดินทางมาไม่ถึง

บ้านของเหยียนหมิงอยู่ไกลห่างจากหมู่บ้านเร้นลับที่สุด ดังนั้นไม่ว่าจะเดินทางไปหรือเดินทางกลับก็ต้องใช้เวลามากที่สุดเช่นกัน ตอนนี้ผ่านไปหลายวันแล้ว ด้วยรถลากที่เช่าไปจากร้านขายของชำ เขาควรกลับมาถึงได้แล้ว ทว่าเขาก็ยังเดินทางกลับมาไม่ถึง

“หรือระหว่างทางเกิดเรื่องอะไรขึ้น?” หวังปิงที่อยู่ใกล้ ๆ เอ่ยขึ้นด้วยความกังวล

กลุ่มคนไม่กังวลเรื่องเหยียนหมิงกลับไปบ้านแล้วจะไม่กลับมาที่นี่ พวกเขาตอนนี้ที่ถือว่าเป็นสหายร่วมเป็นร่วมตาย เลือกติดตามอู๋ฝานแทนที่จะทำไร่ทำนาอยู่บ้าน ดังนั้นเหยียนหมิงจะต้องกลับมาอย่างแน่นอน

แต่ผ่านมาหลายวันก็แล้ว กลับไม่มีข่าวคราวของเหยียนหมิง เรื่องนี้อดไม่ได้ที่จะทำหลายคนกังวล เพราะโลกแห่งนี้ในยุคนี้ ถนนหนทางไม่ใช่มีแต่ความสงบ ไม่ว่าจะกองทัพกบฏหรือว่ามอนสเตอร์ หรืออาจถึงขั้นพบเจอกับตัวอันตรายจากโลกอสูรก็เป็นไปได้ ไม่ว่าเป็นอันตรายใดที่กล่าวถึง หวังปิงและพรรคพวกที่เดินทางไปกลับต่างก็ได้พบกันส่วนหนึ่ง นับเป็นโชคดีที่พวกเขาสามารถหลบเลี่ยงมาได้

“รอดูก่อนก็แล้วกัน หากวันนี้เขายังไม่กลับมา คงต้องส่งพวกเจ้าไปหมู่บ้านของเขาเพื่อตรวจสอบอีกที” อู๋ฝานกล่าวบอก

“ขอรับ” กลุ่มคนต่างรับคำ

ทว่าก่อนที่อู๋ฝานจะขอให้พวกเจิ้งเสี่ยวลิ่วเดินทางไปหมู่บ้านของเหยียนหมิงเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ ลั่วหยางและหลี่ว์ปินก็เดินทางกลับมากันแล้ว บนรถลากของพวกเขา มีอีกคนที่สร้างความประหลาดใจแก่ชายหนุ่มร่วมทางมาด้วย

อีกฝ่ายไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเหยียนหมิง!

แต่สภาพของเหยียนหมิงในตอนนี้ไม่สู้ดี สีหน้าซีดเผือดและอ่อนแรง เสื้อผ้ามีคราบเลือดเปรอะเปื้อน ตัวคนกึ่งนั่งกึ่งนอนด้านในรถลากสภาพดูโรยรา

ใกล้กับเหยียนหมิง มีกลุ่มคนอีกจำนวนหนึ่ง อู๋ฝานไม่ทราบว่าพวกเขาเป็นใคร แต่จากท่าทีที่กังวลที่เหยียนหมิงแสดงให้เห็น ทั้งยังมีท่าทีลอบมองเขาที่เข้าใกล้ ทั้งยังเป็นการมองตอบด้วยความหวาดกลัว

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ทำไมถึงมาด้วยกัน? แล้วเกิดอะไรขึ้นกับเหยียนหมิง?” อู๋ฝานเร่งรีบสอบถาม

“นายท่าน!” ตอนที่เหยียนหมิงเห็นอู๋ฝาน สีหน้าของเขาก็ดีขึ้นมาบ้าง ตอนนี้จึงบอกอีกฝ่ายด้วยอาการร้อนรน “กองทัพกบฏอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ขอรับ! พวกมันจะมาถึงในไม่ช้า!”

คำพูดของเหยียนหมิง ทำให้กลุ่มคนตื่นตกใจ อู๋ฝานจึงต้องเร่งถาม “รู้ได้ยังไง?”

“ข้าเดินทางกลับมาพร้อมกับคนทางบ้าน แค่ก!… แค่ก!… แต่กลับได้เจอกับกองทัพกบฏเข้า ทำให้ไม่รีบเดินทางกลับ ข้าเลือกที่จะตามพวกมันไป เพราะอยากรู้ว่าพวกมันไปที่ใด …ใครกันคิดว่าพวกมันกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ ข้าจึงรีบกลับมาบอกนายท่าน แม้ข้าระวังไม่ให้มันเจอตัวแล้ว ทว่ากลับมีหน่วยย่อยไล่ตามมา โชคดีที่ระหว่างทางพบลั่วหยางกับหลี่ว์ปิน เพราะเหตุนั้นข้าและครอบครัวจึงรอดพ้นมาได้ขอรับ” เหยียนหมิงเร่งเล่าออกมา

สีหน้าของอู๋ฝานเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาไม่คาดว่ากองทัพกบฏจะกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ และไม่ว่าจะด้วยความสมัครใจหรือจำยอม พวกเขาก็ต้องเตรียมพร้อมรับมือกับศัตรูแล้ว

เดิมนั้นอู๋ฝานมองว่ารอบด้านของเทศมณฑลชิงหยวนกว้างใหญ่ กองทัพกบฏคงยากที่จะมาหมู่บ้านเร้นลับ หรือต่อให้มาจริง ก็จำเป็นต้องใช้เวลามากกว่านี้ ไม่ได้คิดว่าพวกมันจะมาเร็วขนาดนี้

เรื่องเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน และอีกฝ่ายคงไม่มีทางถอยกลับไปอย่างแน่นอน ทั้งยังไม่มีเจตนาดี ดังนั้นอู๋ฝานจึงต้องเตรียมรับศึกกับศัตรู

“พวกมันมีจำนวนเท่าไหร่? ติดอาวุธและเครื่องป้องกันด้วยหรือไม่? อีกไกลแค่ไหนกว่าพวกมันจะมาถึง? รู้หรือไม่ว่าหัวหน้าของพวกมันเป็นใคร?” อู่ฝานถามหลากหลายประเด็น

“เป็นกลุ่มคนราวสี่ถึงห้าพันคนขอรับ ครึ่งหนึ่งเป็นคนหนุ่มที่ยังแข็งแกร่ง พวกที่มีอาวุธมีจำนวนไม่มาก ส่วนใหญ่จะเป็นดาบ กระบี่ เคียว ไม้พลอง ส่วนเครื่องป้องกันนั้นแทบไม่มี ตอนนี้คงจะอยู่ไม่ไกลจากที่นี่แล้วขอรับ น่าจะราวครึ่งหรือหนึ่งชั่วยาม ส่วนผู้นำเป็นใคร ข้าเองก็ไม่ทราบขอรับ แต่ได้เห็นว่ามีชายวัยกลางคนร่างกำยำท่าทีดุร้ายอยู่ในกลุ่ม” เหยียนหมิงรายงานข่าวคราวออกมาทีละลำดับ

อู๋ฝานนึกขอบคุณอยู่ในใจ โชคดีที่เหยียนหมิงเลือกตามพวกมันไปตอนที่เห็น ทำให้ได้ข้อมูลมาไม่น้อย ทั้งยังได้ทราบก่อนที่อีกฝ่ายจะบุกมาโจมตีสถานที่แห่งนี้ อย่างน้อยก็มีเวลาให้เตรียมการ ไม่ใช่การบุกโจมตีโดยไม่รู้ตัว

จากข้อมูลที่เหยียนหมิงรายงาน ทำให้ตอนนี้สถานการณ์ฝั่งอู๋ฝานค่อนข้างเลวร้าย อีกฝ่ายมีจำนวนคนมากเกินไป ทั้งยังหนุ่มแน่นและแข็งแกร่ง จำนวนน่าจะราวสองถึงสามพันคน กำลังรบระดับนี้ไม่ใช่อะไรที่สามารถปรามาสได้ นับเป็นโชคดีที่กองทัพกบฏเหล่านี้ก็ยังคงเป็นกองทัพกบฏ พวกมันขาดแคลนอาวุธและเครื่องป้องกัน จึงพอทำให้อู๋ฝานมีความหวังอยู่บ้าง หากกองทัพกบฏติดอาวุธขึ้นมา เช่นนั้นชายหนุ่มคงไม่คิดหาวิธีต่อกร แต่เป็นการรีบอพยพคนเพื่อหลบหนี

อย่างไรจำนวนกำลังทหารนับพันเทียบกับนับร้อยของฝั่งนี้ ต่อให้ส่งผู้อพยพทั้งหมดเข้าร่วมการสู้รบ จำนวนก็ยังน้อยกว่าอีกฝ่ายอยู่ดี

อู๋ฝานเงยหน้ามองดวงอาทิตย์ ค่อนข้างโชคดีที่อีกราวหนึ่งชั่วยามน่าจะเป็นช่วงเวลาบ่ายสาม เขายังพอมีเวลา ถ้าศัตรูมาถึงช้ากว่านี้ เขาอาจถูกส่งตัวกลับไปยังโลกความเป็นจริง ตอนนั้นคงไม่อาจเข้าร่วมการสู้รบครั้งนี้ได้

“ลั่วหยาง พาเหยียนหมิงไปหาอาจารย์ปรุงยาหลี่เพื่อรับการรักษา หวังปิง ไปเรียกรวมคนหน้าหมู่บ้านให้กลับมา ให้พวกเขารีบทำการขุดหลุมกับดักเท่าที่ยังพอมีเวลา ส่วนหนิวเอ้อ ไปเรียกรวมหน่วยลาดตระเวนมา ให้อาวุธพวกเขา เพื่อเตรียมเปิดศึกสู้รบ!” อู๋ฝานไล่ออกคำสั่งด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“ขอรับ” กลุ่มคนรับคำในทันที น้ำเสียงของพวกเขาหนักแน่น ไม่มีวี่แววของอาการตื่นตระหนก

ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยผ่านประสบการณ์รับมือกับฝูงมอนสเตอร์ รวมถึงเคยต่อสู้กับหน่วยย่อยจากกองทัพโลกอสูร ต่อสู้กับกองทัพกบฏก็เคยทำมาแล้ว ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าพวกเขาไม่ใช่ไร้ประสบการณ์ แต่พบเจออันตรายมาไม่น้อยเลยทีเดียว แม้สถานการณ์ยามนี้จะดูเลวร้ายไปบ้าง แต่กลุ่มคนที่มีประสบการณ์การต่อสู้ ตอนนี้ในใจหาได้มีความรู้สึกหวาดกลัวอยู่ไม่

พวกเขาคือทหารส่วนตัวของอู๋ฝาน!

อู๋ฝานอยู่ที่ใด พวกเขาจะอยู่ที่นั่น!

กระทั่งว่าต้องเผชิญหน้าสถานการณ์เลวร้ายที่สุด พวกเขาก็พร้อมจะยืนอย่างไม่หวั่นเกรงหน้าอู๋ฝาน ประหนึ่งเป็นโล่ที่พร้อมช่วยขัดขวางอันตรายทั้งหมดที่ย่างเข้าหา!

ภายใต้คำสั่งของอู๋ฝาน ทั่วทั้งหมู่บ้านเร้นลับจึงเริ่มทำงานกันประหนึ่งเครื่องจักร