บทที่ 296 ความกล้า

บทที่ 296 ความกล้า

บรรดาผู้อพยพที่เข้าร่วม ในตอนนี้ต่างขุดหลุมกับดักขนาดใหญ่ หน่วยรักษาการณ์เริ่มรวมพลพร้อมแจกจ่ายอาวุธและเครื่องป้องกัน อู๋ฝานกำลังยืนตรงหน้าพวกเขาพร้อมจ้องมอง

“เหมือนที่ทุกคนได้ทราบกันไปแล้ว กองทัพกบฏออกอาละวาดอยู่ใกล้ ๆ เทศมณฑลชิงหยวน และอีกไม่ช้าจะมาถึงหมู่บ้านของพวกเรา พวกมันเคยทำลายหมู่บ้านมากมายมาก่อน และตอนนี้กำลังมุ่งเป้ามายังที่นี่” อู๋ฝานบอกขณะมองกลุ่มคน

หลายคนในที่นี้ต่างเผยสีหน้าตื่นตระหนกออกมา เห็นได้ชัดว่าในใจของพวกเขายังมีความหวาดกลัวกำลังพลุ่งพล่านอยู่

“ข้าทราบว่าทุกคนหวาดกลัว ข้าเองก็เช่นกัน! แต่แม้หวาดกลัวไป พวกเราก็ไม่อาจถอย! คิดถึงชีวิตของทุกคนที่ประสบและผ่านพ้นมา ทั้งหมดถูกทำลายลงเพราะกองทัพกบฏ ที่นี่ พวกเจ้าได้มีอาหารกินอิ่ม ได้รับค่าแรงทำงาน หากสถานที่แห่งนี้ถูกทำลาย อย่างนั้นจะยังเหลือที่ใดให้ไป? จะหาที่ใดที่สามารถเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้อีก?” อู๋ฝานยังคงเอ่ยต่อ “ดังนั้นข้าจึงต้องการให้พวกเจ้าทุกคนเข้าร่วมกับข้า ต่อต้านกองทัพกบฏที่กำลังมุ่งหน้ามา และเอาชัยจากพวกมัน!”

สีหน้าของกลุ่มคนเริ่มเปลี่ยนแปลง พวกเขาเหล่านี้คือคนที่เคยหลบหนีไปยังเทศมณฑลชิงหยวน เพราะหมู่บ้านของพวกเขาถูกกองทัพกบฏทำลายจนสิ้น นอกจากความหวาดกลัวที่มีต่อกองทัพกบฏแล้ว ใจของพวกเขาก็มีความแค้นอยู่เช่นเดียวกัน

สำหรับพวกเขาที่กลายเป็นผู้อพยพลี้ภัย ไม่มากก็น้อยต้องเกี่ยวข้องกับกองทัพกบฏ เดิมพวกมันมีเจตนาและเป้าหมายทำให้คุณภาพชีวิตของคนธรรมดาดีขึ้น แสวงหาผลประโยชน์จากผู้ที่เคยกดขี่พวกมัน เพียงแต่ยามนี้ กองทัพกบฏได้แปรเปลี่ยน พวกมันเป็นกองทัพกบฏที่พร้อมจะเผาทำลาย สังหาร ปล้นชิง และแย่งเอาทุกสิ่งมา ทั้งหมดเป็นการกระทำที่เลวร้ายกว่าที่ราชสำนักเคยกระทำทั้งสิ้น

เทศมณฑลชิงหยวนมีกองกำลังของทัพกบฏอยู่มากมาย ต่อให้พวกเขาหลบหนีจากที่นี่ได้ แล้วจากนั้นเล่า จะหลบหนีไปที่ใดอีก? ที่ไหนจะมอบความปลอดภัยให้แก่พวกเขาได้? บางทีที่อื่นก็อาจเป็นเช่นเทศมณฑลชิงหยวน ที่พร้อมจะหันหลังให้พวกเขา โดยไม่สนใจว่าเป็นหรือตาย

มีเพียงแค่ที่นี่ มีเพียงแค่อู๋ฝานที่ยอมรับพวกเขา ให้ที่อยู่แก่พวกเขา ให้พวกเขาที่เคยหิวโหยได้อิ่มท้อง ทั้งยังมีค่าแรงงานให้ ต่อให้พวกเขาหนีไปที่อื่น ก็ไม่มีทางหาที่ไหนที่จะให้การดูแลทัดเทียมที่แห่งนี้ได้

ดังนั้นพวกเขาจะไม่ไปจากที่แห่งนี้ ที่แห่งนี้จะต้องไม่ถูกทำลาย!

“อย่างที่ข้าเคยพูดไป ข้าไม่ตระหนี่ที่จะมอบรางวัลแก่ผู้สร้างความดีความชอบในศึกสงคราม และครั้งนี้ก็ถือเป็นโอกาสของพวกเจ้า!” อู๋ฝานมองสีหน้าของกลุ่มคนที่เริ่มกลับมาสงบ ในใจเขารู้สึกโล่งอกอยู่บ้าง “อย่างที่เห็น ตรงหน้าหมู่บ้านมีพื้นที่เปิดกว้าง ตราบใดที่เข้าเผชิญศึกอย่างกล้าหาญ ทำความดีความชอบในศึกครั้งนี้ ก็จะได้รับรางวัลตอบแทนความดีความชอบดังกล่าว มันคือโอกาสได้รับที่ดิน! นี่เป็นคำสัญญาที่ข้าเคยให้เอาไว้ และข้าจะไม่กลืนคำพูดตัวเอง!”

คำพูดของอู๋ฝาน ยิ่งเป็นการเสริมขวัญกำลังใจแก่ผู้คน!

กองทัพกบฏอันตรายก็จริง แต่สำหรับพวกเขาการได้ครอบครองที่ดินก็นับว่าน่าดึงดูด!

ก่อนพวกเขาจะหลบหนีมา ผู้ที่สามารถครอบครองที่ดินทำไร่ทำนาได้ ล้วนแล้วแต่เป็นตระกูลใหญ่ที่มั่งคั่ง พวกเขาที่เป็นเพียงชาวไร่ชาวนาเช่าพื้นที่ ตอนนี้หากสร้างความดีความชอบได้สำเร็จ พวกเขาก็มีโอกาสได้เป็นเจ้าของที่ดินซึ่งสามารถส่งต่อให้แก่ทายาทได้ มันเป็นสิ่งล่อตาล่อใจชิ้นใหญ่

“ขอสาบานว่าจะปกป้องหมู่บ้านเร้นลับจนตัวตาย ขอสาบานว่าจะปกป้องนายท่านจนตัวตาย!” หนึ่งในคนจากหน่วยรักษาการณ์อดไม่ได้ที่จะตะโกนคำเหล่านี้ดังออกมา

“ขอสาบานว่าจะปกป้องหมู่บ้านเร้นลับจนตัวตาย ขอสาบานว่าจะปกป้องนายท่านจนตัวตาย!” คนอื่นในหน่วยต่างก็ตะโกนออกมากันคนแล้วคนเล่า พวกเขามีกำลังใจอย่างล้นเหลือ

“ขอสาบานว่าจะปกป้องหมู่บ้านเร้นลับจนตัวตาย ขอสาบานว่าจะปกป้องนายท่านจนตัวตาย!” กลุ่มคนเริ่มตะโกนดังขึ้น จนพูดซ้ำไม่กี่ครั้ง เสียงของหน่วยรักษาการณ์ก็กลายเป็นหนึ่งเดียว ทรงอำนาจ และน่าเกรงขาม

เสียงตะโกนนี้ดังต่อไปไกล เหล่าผู้ที่กำลังขุดหลุมกับดักตรงหน้าหมู่บ้านต่างก็ได้ยิน พวกเขาจึงหันหน้ากลับมามองยังทิศทางที่หมู่บ้านตั้งอยู่ สีหน้าของพวกเขาเริ่มดีขึ้น อารมณ์ที่เคยดิ่งลง ความกลัวที่เคยมีก่อนหน้า ตอนนี้ราวกับได้รับความสงบขึ้นมาบ้าง

อู๋ฝานมองภาพตรงหน้าด้วยความพึงพอใจ แม้ช่วงระยะเวลาที่ได้ฝึกซ้อมให้คนเหล่านี้จะค่อนข้างสั้น พวกเขายังไม่อาจรวมตัวเป็นกำลังรบที่แท้จริงได้ อย่ากล่าวถึงหน่วยรบพิเศษแห่งราชสำนัก กระทั่งเทียบเปรียบกับกองทัพประจำการทั่วไปของราชสำนักก็ยังไม่อาจเทียบ

แต่ขวัญกำลังใจของพวกเขาสูงเทียมฟ้า พวกเขามีความปรารถนาที่จะเข้าร่วมการต่อสู้ แม้มีอาวุธและเครื่องป้องกันที่อู๋ฝานสร้างและมอบให้ ก็ยากทราบว่าพวกเขาจะต่อกรกับกองทัพกบฏได้สักเพียงใด

อย่างไรกองทัพกบฏก็เริ่มต้นด้วยการเป็นคนธรรมดามาก่อน ทั้งยังไม่ได้รับการฝึกซ้อม ไม่มีการสร้างขวัญกำลังใจ และยังขาดแคลนทั้งอาวุธและเครื่องป้องกัน ที่พวกเขาก่อเรื่องได้จนถึงตอนนี้ก็เพราะแนวคิดรุกราน

“หนิวเอ้อ หลี่ว์ปิน พวกเจ้าสองคนนำกำลังพลไปคนละยี่สิบ รวมเข้ากับผู้อพยพจำนวนหนึ่ง ดักซุ่มสองข้างทางก่อนมาถึงหมู่บ้าน อย่าเพิ่งบุ่มบ่ามทำอะไร รอสัญญาณจากข้าแล้วจึงค่อยลงมือ” อู๋ฝานออกคำสั่ง

“ขอรับนายท่าน” หนิวเอ้อและหลี่ว์ปินประสานมือตอบรับบราวนี่ออนไลน์

แต่หนิวเอ้อเผยท่าทีกังวลและลังเลก่อนจะเอ่ยออกมา “นายท่าน ในหมู่บ้านจะเหลือคนราวหกสิบ …นี่อาจจะน้อยเกินไปขอรับ”

เดิมกำลังทหารทางฝั่งพวกเขาก็น้อยกว่าศัตรูค่อนข้างมาก ตอนนี้เมื่ออู๋ฝานแบ่งกำลังทหารออกไปอีก จึงยิ่งทำให้การป้องกันของหมู่บ้านอ่อนแอลงไปพอสมควร หนิวเอ้อกังวลว่าที่นี่จะไม่อาจป้องกันรักษาเอาไว้ได้ จนสุดท้ายหมู่บ้านอาจถูกกวาดล้าง

“ข้าอยู่ที่นี่จะไม่เป็นอะไรทั้งนั้น” อู๋ฝานเอ่ยอย่างมั่นใจ “พวกเจ้าเพียงแค่เคลื่อนพลตามสัญญาณที่ข้าส่งให้ก็พอ”

แม้ว่ามีศัตรูจำนวนมาก แต่ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นเพียงแค่กองทัพกบฏ อีกทั้งยังไร้อาวุธและเครื่องป้องกัน อู๋ฝานคิดจะจู่โจมอย่างยิ่งใหญ่ในชั่วพริบตา ไม่ใช่เพียงแค่คิดขับไล่

หากพวกเขาไม่กำจัดให้สิ้นซาก อีกฝ่ายอาจกลับมาอีกครั้ง เมื่อถึงเวลานั้นพวกเขาอาจไม่ได้มีเวลาเตรียมการอย่างครั้งนี้ซะด้วยซ้ำ

แม้มีคนเพียงแค่หกสิบ แต่พละกำลังส่วนตัวของอู๋ฝานก็ไม่อ่อนด้อย รวมกับกลยุทธ์ทั้งหลายที่มี เขาจึงเชื่อมั่นว่าจะสามารถต้านรับอีกฝ่ายเอาไว้ เพื่อเปิดฉากสังหารซึ่งหน้าได้

หลังได้ยินอู๋ฝานกล่าวเช่นนี้ ทั้งหนิวเอ้อและหลี่ว์ปินต่างก็ไม่เอ่ยความเห็นเป็นอื่นอีก

พวกเขาทั้งสองต่างนำกำลังคนออกจากหมู่บ้าน เพื่อหาสถานที่เหมาะสมสำหรับดักซุ่มรอ

สภาพภูมิประเทศของหมู่บ้านเร้นลับถือว่าค่อนข้างดี ภูเขาอยู่ด้านหลัง ป่าอยู่ทางตะวันออก แม่น้ำอยู่ทางตะวันตก มีเพียงทิศใต้ที่เชื่อมโยงเข้ากับถนนเข้าหมู่บ้าน และเส้นทางดังกล่าวก็ยังมีสองฟากข้างที่เหมาะสมแก่การซุ่มโจมตี

อู๋ฝานและกลุ่มคนกำลังจะเป็นฝ่ายเริ่มเปิดฉาก เพราะทราบว่าศัตรูกำลังบุกเข้ามา ขณะที่ศัตรูหาได้รู้เรื่องของสถานที่แห่งนี้ไม่ จึงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะมีความระแวดระวังสูง ในใจของพวกเขา ที่แห่งนี้ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับหมู่บ้านที่เคยปล้นชิงก่อนหน้านี้ มันไม่มีอันตรายใดที่สามารถคุกคามพวกเขาได้ และถนนที่ใช้เดินทางก็เป็นหนทางหนึ่งเดียวที่ตรงไปยังหมู่บ้าน

หลังหนิวเอ้อกับหลี่ว์ปินนำกำลังคนออกไปแล้ว อู๋ฝานก็ขอให้คนที่เหลือใช้ไม้และหินที่เตรียมเอาไว้สำหรับก่อสร้าง ทำป้อมที่เรียบง่ายขึ้นเพื่อรอให้ศัตรูบุกมาถึง

ขณะอู๋ฝานสั่งคนของหน่วยรักษาการณ์ให้เตรียมพร้อม ลั่วเยวี่ยก็มาถึงข้างกายเขาเมื่อใดไม่ทราบ อีกทั้งยังมีอาวุธและใส่ชุดเกราะเต็มยศ เห็นได้ชัดว่าเตรียมพร้อมเข้าร่วมการต่อสู้

“ทำไมอยู่ที่นี่ล่ะ? อาการเจ้ายังไม่ดีนัก รีบกลับไปก่อน” อู๋ฝานกล่าวบอก

“ข้าจะติดตามนายท่านเจ้าค่ะ ข้ามาเพื่อปกป้องความปลอดภัยให้นายท่าน!” สายตาของลั่วเยวี่ยยามที่เอ่ยออกมาหนักแน่นและมั่นคง