ตอนที่ 268 เบาะแสของน้องสาวเจียงอวี่
ตอนที่ 268 เบาะแสของน้องสาวเจียงอวี่
ซูเถาไม่สนใจว่าคนข้างนอกจะเชื่อหรือไม่
เธอมีแบบร่างการออกแบบสำเร็จรูปสำหรับเขตประถมศึกษาและพื้นที่วิทยาลัยต่าง ๆ ซึ่งอดีตผู้นำกองทัพต้องการสร้างและค่อย ๆ ปรับปรุงทีละขั้นตอนเพื่อเตรียมไว้ในอีกสิบปีข้างหน้า
ตอนนี้เขาได้รับความช่วยเหลือจากเถาหยาง จึงรู้สึกโล่งใจมาก จากนั้นก็ให้คนส่งแบบแผนมาให้ซูเถาหนึ่งชุด
หลังจากได้เห็นชุดการออกแบบทั้งหมดแล้ว ซูเถาก็ถอนหายใจกับสือจื่อจิ้น
“อดีตผู้นำกองทัพได้ทุ่มเทความพยายามอย่างมากเพื่อเด็ก ๆ เหล่านี้ ซึ่งพิมพ์เขียวนี้ได้รับการออกแบบมาสำหรับต้าเสวียเฉิงก่อนวันสิ้นโลก”
สือจื่อจิ้นกล่าวว่า “พวกเขาเป็นอนาคตของตงหยาง และพวกเขาต้องได้รับการฝึกฝนอย่างดี คุณต้องสร้างพื้นนี้เหล่านี้เท่าไหร่ คุณต้องลงทุนเท่าไหร่เหรอ”
ซูเถารู้สึกท้อใจ “7,000 กว่าตารางเมตร มีอาคารขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็กจำนวนมาก และมีรายละเอียดมากมายภายใน ฉันต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามหรือสี่เดือนในการสร้าง ต้องการลงทุน…อย่างน้อยต้องมากกว่า 7 ล้าน ฉันไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจน แต่ยังไงมันก็ไม่ต่ำกว่า 7-8 ล้านอยู่ดี โครงการนี้ใหญ่เกินไป”
สือจื่อจิ้นรู้สึกหนักใจเมื่อได้ยินแบบนั้น เนื่องจากเขาบอกว่าเขาจะช่วยดูแลเรื่องการลงทุน…
“คุณยกสิ่งนี้ให้คนอื่นสร้างได้ไหม หรือหาคนมาร่วมมือกับคุณเพิ่มอีกสองสามคน”
ซูเถาส่ายหัวทันที “ไม่ได้ ฉันทำได้คนเดียว”
มีเพียงเธอเท่านั้นที่มองเห็นระบบ เธอจะขอความช่วยเหลือได้ที่ไหน
อย่างไรก็ตาม ที่ดินที่สวีฉีแนะนำให้กับเธอ ก็ถูกรื้อถอนแล้วเช่นกัน และการก่อสร้างก็ต้องเริ่มขึ้น
ในอนาคต ที่นี่จะเป็นฐานทัพของกองกำลังป้องกันตนเองเถาหยาง กิน นอน ฝึกฝน และความบันเทิงต่าง ๆ สามารถทำได้ที่นี่
หลังจากการก่อสร้างเสร็จสิ้น เธอจะให้จวงหว่านรับผู้ที่มีพลังเหนือธรรมชาติเพิ่ม และให้กองกำลังป้องกันตนเองเถาหยางเริ่มฝึกฝนโดยเร็วที่สุด เพื่อที่จะได้ช่วยเธอทำงานต่าง ๆ ได้โดยเร็ว
ยิ่งไปกว่านั้น เขตที่อยู่อาศัยเถาหยางจะถูกขยายออกไป ตามความตั้งใจของผู้อาวุโสเหม่ยที่จะพัฒนาไปสู่ชุมชนฮวาหยวน
โดยวางแผนไว้ว่าจะมีสวนสาธารณะขนาดเล็ก ฟิตเนส ร้านค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต ฯลฯ ในชุมชน เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตของผู้เช่าให้มากที่สุด
ในอีกไม่กี่วันต่อมา ซูเถาทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างโรงเรียนประถมตงหยาง และวิทยาลัยต่าง ๆ
จนกระทั่งหนึ่งวันก่อนออกเดินทาง จู่ ๆ เธอก็ได้รับโทรศัพท์จากหัวหน้าซ่งเยว่ปิน
“เถ้าแก่ซู ผมได้ยินจากผู้จัดการหม่าว่าคุณกำลังจะไปซินตู”
“ใช่ค่ะ หัวหน้าซ่ง เรื่องที่ฉันรบกวนให้คุณช่วยสืบหา คุณพอจะได้เบาะแสบ้างไหมคะ แล้วก็พวกเมล็ดพันธุ์ที่ผู้จัดการเฉียนขอให้คุณช่วยหา…”
ซ่งเยว่ปินจิบน้ำอึกใหญ่แล้วพูดต่อ
“พวกเมล็ดพันธุ์ต่าง ๆ ผมหามาได้หมดแล้ว แล้วผมก็พบเบาะแสบางอย่างเกี่ยวกับที่อยู่ของเด็กหญิงคนนั้นด้วย เราผ่านไปยังสถานที่ชุมนุมเล็ก ๆ ทางตอนเหนือ และจับผู้ค้ามนุษย์ได้สองคน พวกเขาบอกว่าพวกเขาซื้อเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ มาจากชายคนหนึ่งเมื่อสองปีก่อน แต่เมื่อกลับไปหา เขาก็หนีไปแล้ว และไม่กลับมาที่เดิมอีกเลย”
“เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ นั้นคล้ายกับที่คุณบรรยายมาก และพวกค้ามนุษย์สองคนบอกว่าชายคนนี้มีรอยสักรูปกางเขนที่มือ”
ซูเถาตกใจ “พวกเขาสองคนอยู่ที่ไหนคะ”
“พวกเขาถูกมัดและยัดเข้าไปในรถของพวกผมแล้ว ไว้ผมจะนำตัวพวกเขากลับมาให้คุณจัดการ แต่คาดว่าต้องใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์ในการกลับไปถึงภูเขาผานหลิว ถึงตอนนั้นก็น่าจะคลาดกันกับคุณใช่ไหม”
ซูเถาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “ไม่เป็นไรค่ะ เมื่อคุณมาถึงภูเขาผานหลิว ฉันจะให้ผู้จัดการเฉียนไปพบคุณ โปรดช่วยฉันจับตาดูผู้ค้ามนุษย์สองคนนั้นด้วยนะคะ”
“ไม่ต้องกังวล ตราบใดที่ขบวนของเราไม่พบอุบัติเหตุใด ๆ บนท้องถนน เราจะพาพวกนั้นไปหาคุณอย่างแน่นอน”
หลังจากพูดจบ ซ่งเยว่ปินก็พูดด้วยความลำบากใจ
“คุณจะไปซินตูเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดพันธมิตรเหรอ”
ซูเถาตระหนักดีว่าเขามีเรื่องจะขอ ดังนั้นเธอจึงเริ่มพูดว่า
“ใช่ หัวหน้าซ่งต้องการให้ฉันช่วยเรื่องอะไร”
“ฮ่าฮ่า เถ้าแก่ซูเป็นคนตรงไปตรงมาจริงๆ คืออย่างนี้ หญิงมีฐานะอยากจะขอให้เราหาซื้อลูกแมวหน้าตาน่าเอ็นดูหน่วยก้านดี หรือลูกสุนัขก็ได้เหมือนกัน เราตามหามันมาหลายเดือนแล้ว แต่เธอก็ยังไม่ถูกใจ ผมก็เลยคิดว่าที่งานประชุมอาจจะมีงานแสดงสินค้าหรือการประมูล”
“ทีมเยว่หลิ่งของเราไม่เป็นที่รู้จักมากนัก ดังนั้นในทุก ๆ ปีพวกเราจึงไม่เคยได้โควตาการประชุมนี้ ดังนั้นถ้าเจอตัวที่เหมาะสมผมขอให้เถ้าแก่ซูช่วยหาซื้อให้ก่อนได้ไหม”
ซูเถาคิดอยู่ครู่หนึ่ง “งบประมาณของคุณเท่าไหร่”
ซ่งเยว่ปินจำมูลค่าที่หญิงมีฐานะคนนั้นเสนอได้ เขากัดฟันและพูดว่า “6 ล้านเหลียนปัง”
ซูเถาถึงกับพ่นลมหายใจออกมา “พวกคุณทุ่มเงินเป็นจำนวนมาก”
เธอนึกไม่ออกเลยว่าลูกแมวตัวไหนจะคุ้มราคา
ซูเถาไม่ได้คิดเกี่ยวกับทั้งสามตัวในครอบครัวของเธอเลย สำหรับเธอ เฮยจือหม่า ไป๋จือหม่า และเสวี่ยเตาล้วนเป็นครอบครัวของเธอซึ่งไม่สามารถประเมินค่าได้ด้วยเงิน
ซ่งเยว่ปินมองว่าเธอเป็นเพื่อน เขาไม่ได้ปิดบังอะไรกับเธอและพูดอย่างเปิดเผย
“มันไม่มีทางเลือก สามีของผู้หญิงคนนั้นเป็นผู้มีอิทธิพลทางตอนเหนือ แน่นอนว่าไม่ต้องพูดถึงคนธรรมดา คนที่มีพลังเหนือธรรมชาติก็ยังต้องการพึ่งพาเขา เถ้าแก่ซูน่าจะเข้าใจดีว่าทีมขนส่งเล็ก ๆ อย่างพวกผม ก็ต้องการผลประโยชน์บางอย่างจากการช่วยเขาทำงานนี้…”
ทันทีที่ซูเถาได้ยิน เธอก็ไม่สนใจ
เธอมีระบบ และรู้สึกว่าตัวเองไม่จำเป็นต้องไปพึ่งพาอิทธิพลของใคร
“เอาล่ะ ฉันจะช่วยดูให้นะคะ หรือถ้าคุณมีเวลา คุณสามารถเข้าไปร่วมการประชุมกับเราได้ ทำเหมือนเป็นคู่ครองของใครสักคน ถึงเวลานั้นไม่มีใครมาจับผิดหรอกค่ะ”
การประชุมสุดยอดพันธมิตรเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมสามารถนำคู่ครองของตนไปด้วยได้
แต่จะไม่ตรวจสอบว่าทั้งสองเป็นสามีภรรยากันจริงหรือไม่
ดังนั้นบางครั้งผู้ที่ไม่มีคุณสมบัติจะเข้าร่วมการประชุมก็จะหาคนที่มีโควตา จ่ายเงินบางส่วน ให้ผลประโยชน์บางอย่าง เพื่อที่จะแสดงเป็นคู่ครองเพื่อแฝงตัวเข้าไป
ผู้จัดก็เมิน ทำเป็นปิดตาข้างเดียวขอแค่ไม่สร้างปัญหา
ซ่งเยว่ปินดีใจมาก “ขอบคุณมาก ตอนนี้เรากำลังรีบไปที่ซินตู ถึงเวลานั้นผมคงต้องพาผู้ค้ามนุษย์สองคนนั้นไปด้วย”
ซูเถาพยักหน้า “ต้องจับตาดูให้ดีเลยนะคะ อย่าให้พวกเขาหนีรอดไปได้ ฉันยังอยากจะแงะอะไรออกจากปากพวกเขา”
พวกเขาเป็นคนสุดท้ายที่เห็นเจียงถง และพวกเขาจะต้องไม่ทำลายเงื่อนงำนี้
ซ่งเยว่ปินตอบรับ จากนั้นพูดอย่างตะกุกตะกัก “งั้นผมตามเข้าไปได้ไหม”
นี่คือการถามว่าจะเป็นชายของใคร
ซูเถารู้สึกขบขัน “คุณน่าจะรู้จักผู้จัดการเฉียน ผู้จัดการหม่า แล้วก็ฟางจือใช่ไหมคะ ทำไมคุณไม่เลือกด้วยตัวเองล่ะ”
ซ่งเยว่ปินหน้าแดง
ทั้งหม่าต้าเพ่าและฟางจือเป็นผู้ชาย เขาไม่ต้องการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดพันธมิตรและเกิดการนินทาเกี่ยวกับรสนิยมทางเพศของเขา
“แล้วผู้จัดการเฉียนล่ะ?”
ซูเถากล่าวว่า “ถามว่าเธอคิดอย่างไร ถ้าเธอไม่ยินยอม คุณสามารถตามฉันเข้าไปได้”
ซ่งเยว่ปินรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย
เฉียนหลินคิดว่าคนนี้ต้องการยืมเงินจากเธอ!
“เปล่าเปล่าเปล่า ผมต้องการตามคุณไปประชุม เถ้าแก่ซูขอให้ผมมาถามคุณ คุณจะว่าอะไรไหมถ้าผมแสร้งทำเป็นเพื่อนชายเพื่อเข้าร่วมงานกับคุณ…”
เมื่อเฉียนหลินได้ยินว่าเขาไม่ได้มายืมเงิน เธอพูดทันที
“ไม่มีปัญหา ตราบใดที่ไม่สร้างความวุ่นวายให้เถ้าแก่ซู”