ตอนที่ 283 เซี่ยหลานไปชนบทเพื่อติดตามความรัก

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 283 เซี่ยหลานไปชนบทเพื่อติดตามความรัก

หลินเซี่ยไม่ให้โอกาสเสิ่นเถี่ยจวินได้ลอยนวลหนีไปอีก เธอเดินตรงเข้าไปหาเขา จากนั้นมองเขาด้วยสายตาเย็นชาและน้ำเสียงโศกเศร้า

“ผู้อำนวยการเสิ่น คุณมาที่ร้านตัดผมของฉันในวันนั้นเพื่อคุยกับฉันและแม่เป็นการส่วนตัว บอกว่าความผิดพลาดที่คุณทำลงไปในวันนั้นเกิดจากความประมาทเลินเล่อของคุณเอง และหวังว่าพวกเราจะสามารถตกลงประนีประนอมกับคุณได้ คุณบอกว่าจะกล่าวคำขอโทษ และชดใช้ค่าเสียหายทางจิตใจให้แม่ฉันเป็นเงินสองพันหยวน

หรือเป็นเพราะตอนนั้นเราไม่เห็นด้วย คุณก็เลยเป็นเดือดเป็นร้อน กลับไปวางแผนทำลายธุรกิจของแม่ฉันลับหลัง เกือบทำให้แม่ฉันสิ้นเนื้อประดาตัวและถูกจับเข้าคุก เพื่อที่พวกเราจะล้มเลิกความพยายามในการสอบสวนหาสาเหตุเรื่องการสลับตัวเด็กต่อไป?”

หลินเซี่ยแสดงท่าทางโศกเศร้าต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก พูดถึงความเจ็บปวดจากการที่ตัวเองโดนกระทำในทุกคำพูด ทำให้มือของเสิ่นเถี่ยจวินที่ห้อยอยู่ข้างลำตัวกำหมัดแน่น มองเธอด้วยสายตาที่ดูเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ

ทุกคนรอบ ๆ ต่างหันมองด้วยความตกใจไปกับคำพูดของหลินเซี่ย

ขณะที่เสิ่นเถี่ยจวินกำลังจะพูดอะไรเพื่อปกป้องตัวเอง หลินเซี่ยก็ถามกลับด้วยเสียงอันดัง

“คุณทำเรื่องชั่ว ๆ แบบนี้ลงคอได้ยังไง? หญิงชราคนนั้นอายุแปดสิบเข้าไปแล้ว ถ้าร่างกายหล่อนอ่อนแอจนแบกรับอาการป่วยไว้ไม่ไหว แม่ฉันจะต้องชดใช้ครอบครัวของหล่อนด้วยชีวิต พี่น้องตระกูลเสิ่นของพวกคุณมันโหดร้ายจริง ๆ ก่อนหน้านี้เสิ่นเสี่ยวเหมยก็แกล้งทำเป็นท้องและจงใจมาสะดุดล้มในร้านฉัน แล้วสร้างเรื่องว่าแท้งโยนความผิดให้ฉันอีก เพราะหวังให้เฉินเจียเหอหย่ากับฉันซะ

เพื่อปกปิดอาชญากรรมที่ตัวเองก่อ คุณเลยพยายามบีบแม่ฉันให้ตายคามือ เพื่อที่ฉันจะได้ไม่มีเวลาไปสู้คดีกับคุณเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้น พวกคุณสองพี่น้องจ้องจะจองล้างจองผลาญฉันไปถึงไหน น่าเสียดาย อย่างน้อยสวรรค์ก็ยังมีดวงตา ความชั่วเอาชนะความดีไม่ได้ ไม่มีใครทั้งนั้นที่ทำสำเร็จ”

หลินเซี่ยแค่นเสียงออกมาเกือบจะเป็นเสียงตะโกน จนทุกคนในบ้านได้ยินอย่างชัดเจน

เรื่องที่เสิ่นเสี่ยวเหมยใส่ร้ายเธอแพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้างในช่วงที่ผ่านมา ทุกคนต่างก็ได้ยินเรื่องนี้กันบ้างแล้ว

แต่ข้อกล่าวหาของหลินเซี่ยที่ว่าเสิ่นเถี่ยจวินเป็นคนจงใจสลับตัวเด็กทำให้ญาติของทั้งสองฝ่ายตกตะลึงอย่างมาก แน่นอนว่าพวกเขาไม่เชื่อในตอนแรก

มีเหตุผลอะไรที่ทำให้เสิ่นเถี่ยจวินยอมทำถึงขนาดนั้น?

ต่อให้เขาทำจริง มันก็ควรเป็นเพราะความประมาทเลินเล่อ

ผู้เฒ่าเซี่ยมองไปทางหลินเซี่ยด้วยความประหลาดใจ และถามเพื่อขอคำยืนยันจากเธอ “เซี่ยเซี่ย เธอกำลังจะบอกอะไร? เถี่ยจวินเป็นต้นเหตุที่ทำให้เรื่องในตอนนั้นเกิดขึ้นเหรอ?”

หลินเซี่ยพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ใช่ค่ะ เขาเป็นคนยอมรับด้วยตัวเอง และมาหาเราถึงที่เพื่อเจรจาตกลงกัน แต่แม่ของฉันไม่เห็นด้วย เขาก็เลยทำให้เกิดเรื่องฉาวแบบนี้ขึ้นมา”

ใบหน้าของเสิ่นเถี่ยจวินเปลี่ยนเป็นขุ่นเคือง เขาตอบโต้ด้วยโทสะ “เรื่องที่เกิดขึ้นกับแผงลอยของหลิวกุ้ยอิงมันเป็นเพราะปัญหาด้านวัตถุดิบของหล่อนเอง อย่าพยายามหาใครสักคนมาเป็นแพะรับบาปแล้วหาหลักฐานเท็จมาใส่ร้ายฉัน ฉันจะอธิบายให้ทุกคนฟังถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นเอง”

เซี่ยหลานและเสิ่นอวี่อิ๋งตกใจมากกว่าใครทั้งนั้น ทั้งคู่มองไปที่หลินเซี่ยและเสิ่นเถี่ยจวินด้วยสายตาเหลือเชื่อ

เห็นได้ชัดว่าเสิ่นอวี่อิ๋งไม่เคยคาดคิดเลยว่าเรื่องต่าง ๆ จะพลิกผันถึงขนาดนี้

หลังจากการสอบสวนทั้งหมด ทำไมถึงได้กลายเป็นพ่อของหล่อนที่เป็นคนทำ?

พ่อของหล่อนไม่ได้เอาแต่บอกว่าเป็นฝีมือของหลิวกุ้ยอิงหรอกเหรอ?

“เสิ่นเถี่ยจวิน สิ่งที่หลินเซี่ยพูดเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?” เซี่ยหลานมองไปที่เสิ่นเถี่ยจวินแล้วถามอย่างคาดคั้น

เมื่อเสิ่นเถี่ยจวินเผชิญกับสายตาของเซี่ยหลาน หัวใจของเขาก็สั่นไหว เขาพยายามสงบสติอารมณ์และมองดูพวกเขาด้วยท่าทางแสร้งทำเป็นสงบพลางพูดว่า “เสี่ยวหลาน ผมจะอธิบายให้คุณกับอวี้อิ๋งฟังเอง หลินเซี่ยจงใจแสดงละครตบตาให้ทุกคนเข้าใจผิด อย่าไปฟังเรื่องไร้สาระของหล่อน”

หลินเซี่ยยังไม่ยอมละทิ้งความคิดริเริ่มที่จะเปิดโปงเขาในเวลานี้ เธอมองสมาชิกตระกูลเซี่ยที่ต่างมีสีหน้าประหลาดใจและถามว่า

“คุณตา คุณแม่ ผู้อำนวยการเสิ่นไม่ได้เล่าเรื่องผลการสอบสวนจากทางตำรวจให้พวกคุณฟังหรอกเหรอคะ?”

จากนั้นเธอก็ไม่ให้โอกาสเสิ่นเถี่ยจวินได้อธิบาย พูดต่อไปว่า

“คุณตา คุณยาย แม่คะ ผลการสอบสวนเป็นอย่างนี้ค่ะ เจ้าหน้าที่ตำรวจตามสืบไปจนเจอพยาบาลที่ประจำการอยู่ในห้องคลอดเวลานั้น พยาบาลให้ปากคำตามจริงว่าผู้อำนวยการเสิ่นเป็นคนอุ้มเด็กออกไปจากห้องคลอดด้วยตัวเอง แต่หล่อนไม่รู้ว่าเขามีเจตนาอะไรหรือไม่

ทั้งฉันและแม่จึงเห็นพ้องต้องกันว่าถ้าตามสืบจนพบความจริงเรื่องนี้แล้ว ก็ให้ทางตำรวจสอบสวนเพิ่มต่อไปให้ชัดเจน เพราะถึงยังไงทุกคนก็ยังเชื่อโดยสัญชาตญาณว่าแม่ฉันเป็นคนทำ เพราะหากมองจากผิวเผินแล้ว ดูเหมือนว่าหล่อนเป็นคนเดียวที่มีแรงจูงใจในการทำแบบนั้น

พวกเราอยากให้ตำรวจลบล้างคำครหาของแม่ฉันอย่างสมบูรณ์ แต่จู่ ๆ ผู้อำนวยการเสิ่นก็มาหาเรา และบอกว่าเขาอยากเจรจายอมความกับเราแบบส่วนตัว ไม่อยากให้การสอบสวนดำเนินต่อไป และไม่อยากให้เราแพร่งพรายเรื่องนี้กับใครด้วย ทั้งยังเสนอจ่ายเงินให้แม่สองพันหยวนเป็นค่าปิดปาก แต่เราทั้งคู่ไม่เห็นด้วย ซึ่งในตอนนั้นท่าทางของเขาก็ไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่”

หลินเซี่ยพูดต่อไป “ไม่กี่วันถัดมาก็เกิดปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นกับแผงลอยของแม่ฉัน ถ้าหวังเฉียงไม่กลัวว่าทุกอย่างกำลังจะถูกเปิดเผยจนเขาต้องขึ้นโรงพักไปมอบตัวและสารภาพซัดทอดถึงหลิวจื้อหมิงซะเอง พวกเราก็คงนึกไม่ถึงเหมือนกันว่าผู้อำนวยการเสิ่นจะเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังของเรื่องทั้งหมด”

ดวงตาของเสิ่นเถี่ยจวินแดงก่ำ “อย่ามากล่าวหาไร้สาระ”

“คำพูดของฉันส่วนไหนที่ไร้สาระมิทราบคะ?” หลินเซี่ยมองไปที่ภรรยาของหวังเฉียง ถามว่า “ภรรยาหวังเฉียง เขาใช่คนที่คุณมาตามหาหรือเปล่า? ช่วยอธิบายให้ทุกคนเข้าใจอย่างชัดเจนด้วย”

ภรรยาของหวังเฉียงเศร้าเสียใจมากกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับครอบครัวในช่วงเวลานี้ ดวงตาของหล่อนบวมเป่งเหมือนผลวอลนัท เมื่อเห็นเสิ่นเถี่ยจวินที่กำลังมีอารมณ์คุกรุ่นก็พูดว่า “ผู้อำนวยการเสิ่น คุณมันโหดเหี้ยมสิ้นดี เพื่อที่จะรักษางานของเขาเอาไว้ เหล่าหวังของฉันยอมทำถึงขั้นสังเวยชีวิตแม่ผู้ชราของเขา แต่สุดท้ายเราก็ถูกคุณเอาเปรียบ ถึงตอนนี้คุณจะยังยืนกรานปฏิเสธ แต่คิดว่าเรื่องนี้มันจบแล้วหรือไง? หลิวจื้อหมิงยังถูกคุมตัวอยู่ในศูนย์กักกันนะ”

เสิ่นเถี่ยจวินไม่ยอมรับท่าเดียว “ในเมื่อหลิวจื้อหมิงอยู่ในศูนย์กักกัน คนที่รับผิดชอบเรื่องนี้ก็ควรจะเป็นหลิวจื้อหมิง ไม่มีประโยชน์ที่คุณจะมาสร้างความเดือดร้อนให้ผม ผมจะบอกให้ ในฐานะผู้อำนวยการโรงงาน เมื่อไหร่ก็ตามที่มีปัญหาเกิดขึ้นกับพนักงานในโรงงาน ผมจะเร่งตรวจสอบอย่างแน่นอน แต่อย่าสาดน้ำสกปรกเพื่อทำลายชื่อเสียงของผม เพราะถ้าคุณกล้า ก็รอรับความผิดตามกฎหมายได้เลย”

เสิ่นเถี่ยจวินอธิบายกับผู้เฒ่าเซี่ยและคนอื่น ๆ “พ่อครับ แม่ครับ เสี่ยวหลาน สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นเป็นความประมาทเลินเล่อของผมคนเดียวจริง ๆ ท่ามกลางสภาพแวดล้อมซอมซ่อแบบนั้น ในห้องคลอดมีเด็กหลายคนนอนอยู่รวมกัน ผมเองก็ตื่นเต้นมากจนแยกพวกเขาไม่ออก ทำให้อุ้มเด็กกลับมาผิดคน ทุกคนคงเข้าใจความรู้สึกผมในเวลานั้นใช่ไหม?”

เซี่ยหลานมองไปที่เสิ่นเถี่ยจวินด้วยใบหน้ามืดมน ถามว่า “แล้วทำไมคุณถึงไม่ยอมบอกฉันตั้งแต่แรก?”

เสิ่นเถี่ยจวินกระแอมไอเบา ๆ ก่อนจะอธิบายว่า “ผมเห็นว่าคุณยุ่งอยู่กับการดูแลอวี้หลงที่โรงพยาบาล ผมเลยไม่อยากทำให้คุณกังวลเพิ่ม”

สีหน้าของเซี่ยหลานบ่งบอกว่าไม่เชื่อคำพูดของเสิ่นเถี่ยจวินเลยแม้แต่น้อย

เซี่ยไห่กลัวว่าเซี่ยหลานและคนอื่น ๆ จะถูกเสิ่นเถี่ยจวินหลอกลวงอีก ดังนั้นเขาจึงรีบลุกขึ้นยืน และพูดกับเสิ่นเถี่ยจวินด้วยน้ำเสียงที่มีความหมายว่า “ผู้อำนวยการเสิ่น ผมจำได้ว่าคุณน่ะสงสัยมาตลอดว่าพี่เซี่ยหลานเคยมีความสัมพันธ์คลุมเครือกับพี่ใหญ่ของผม ตอนนั้นที่พี่เซี่ยหลานคลอด ดูเหมือนว่าหล่อนจะคลอดก่อนกำหนดประมาณเดือนกว่า ๆ ผมว่าคุณคงไม่มีความคิดเคลือบแคลงใด ๆ เมื่อเห็นว่าหล่อนคลอดก่อนกำหนดหรอกใช่ไหม?”

สิ้นคำพูดของเซี่ยไห่ บรรยากาศตรงจุดนั้นก็กลับกลายเป็นมีวาระซ่อนเร้นในทันที

ญาติ ๆ ที่มีอายุเท่ากับเซี่ยหลาน หรือบรรดาญาติผู้ใหญ่ที่มีอายุมากกว่า ย่อมรู้ว่าพี่ใหญ่ของเซี่ยไห่คือใคร

ทุกคนยังจำเรื่องราวของเซี่ยหลานที่เดินทางไปชนบทเพื่อติดตามความรักได้ดี

ไม่ว่าจะเป็นเสิ่นเถี่ยจวิน เซี่ยหลาน ผู้เฒ่าเสิ่น และคนอื่น ๆ สีหน้าของพวกเขาพลันแปรเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดหลังจากได้ยินคำพูดของเซี่ยไห่

มันไปสะกิดรอยแผลเป็นของพวกเขาอย่างไม่ต้องสงสัย

เสิ่นเถี่ยจวินมองไปที่เซี่ยไห่ด้วยความโกรธ

“คุณคิดจะพูดเรื่องไร้สาระอะไรอีก?”

“ไม่ว่าผมจะพูดไร้สาระหรือไม่ คุณน่าจะเป็นคนที่รู้ดีที่สุด”

เซี่ยไห่มองเขาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน “คุณเองก็มองโลกในแง่ลบและเจ้าแผนการมาตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้วนี่ พี่เซี่ยหลานกับพี่ใหญ่ของผมไม่เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งอะไรต่อกันทั้งนั้น พี่เซี่ยหลานแค่มองพี่ใหญ่ของผมเป็นเสมือนบุคคลต้นแบบที่หล่อนประทับใจก็เท่านั้นเอง

หลังจากพี่ใหญ่ของผมเข้าร่วมกับกองทัพ เขาถึงไปสมัครใจรักใคร่กับผู้หญิงคนอื่น นั่นก็เพราะสำหรับเขาแล้ว เขามักจะมองว่าเซี่ยหลานเป็นน้องสาวเสมอ อีกอย่างพลังใจแรงกล้าอันน่าชื่นชมของเขาก็เป็นสิ่งที่ทำให้พี่เซี่ยหลานอยากตามเขาไปทำงานในชนบท เขาคือเหตุผลเดียวกันที่ทำให้เซี่ยตงกับผมเข้าร่วมกองทัพ เราทั้งคู่ต้องการเดินตามรอยพี่ใหญ่ เห็นเขาเป็นบุคคลต้นแบบ เลยอยากกลายเป็นวีรชนเหมือนกับเขาที่เสียสละตัวเองเพื่อประเทศชาติ

ดังนั้นทั้งพี่เซี่ยหลาน เซี่ยตง และผมต่างก็ต่อสู้อยู่ท่ามกลางสถานที่ทุรกันดารที่สุดด้วยความมุ่งมั่น แล้วคุณล่ะ คุณมีอาชีพการงานดี ประพฤติตัวดี แต่หลังจากคุณแต่งงานกับพี่เซี่ยหลาน คุณกลับไม่เคยเชื่อใจในความซื่อสัตย์ของหล่อนเลย หล่อนแค่คลอดก่อนกำหนด แทนที่จะเอาเวลาไปใส่ใจดูแลสุขภาพหล่อนให้ดี คุณกลับสงสัยว่าเด็กไม่ใช่ลูกของตัวเอง คุณมันไม่ใช่คนแล้ว!”

เซี่ยไห่มีคารมคมคายที่แยบยล เรียงลำดับความคิดอย่างชัดเจนและมีเหตุผล ขณะพูดไม่แม้แต่จะหยุดพักเพื่อหายใจ

คำพูดของเขาไม่เพียงแต่กอบกู้ชื่อเสียงของเซี่ยหลานเท่านั้น ยังยกย่องพฤติกรรมของหล่อนที่ตัดสินใจไปชนบทเพื่อร่วมงานกับกองทัพอีกด้วย

ทันทีที่ได้รับการยกย่อง ภาพลักษณ์ของพวกเขาก็กลายเป็นคนสูงส่งขึ้นมาทันที

ขณะนี้เส้นเลือดได้ปูดโปนขึ้นมาบนหน้าผากของเสิ่นเถี่ยจวิน เขาโกรธจนถึงขีดสุด กัดฟันกรามเสียงดังพร้อมกับแค่นเสียงลอดไรฟันเพื่อเตือนเซี่ยไห่ “คนแซ่เซี่ย หยุดพ่นน้ำลายใส่ร้ายคนอื่นได้แล้ว”

เซี่ยไห่ยิ้มเยาะ “ผมพ่นน้ำลายใส่ร้ายคุณงั้นเหรอ? พวกเราทุกคนในที่นี้ไม่ใช่คนโง่ ผมเชื่อว่าทุกคนย่อมมีการชั่งน้ำหนักของตัวเองอยู่ในใจ”

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

ตอนนี้พี่ไห่คือ MVP เปิดปากพูดขึ้นมาทีช็อตเงิบกันทั้งวง

ยังไงดีคะคนแซ่เสิ่น จะยอมรับความชั่วของตัวเองได้หรือยัง

ไหหม่า(海馬)