ตอนที่ 275 โกลาหล เค้าเงื่อนในเรื่องแปลกประหลาด (2)
ปี้หวนเดินนำมั่วเชียนเสวี่ยเข้าไปในเรือนข้าง จากนั้นเชิญให้นางนั่งลงบนตั่งไม้ในห้องโถง แล้วโบกมือเรียกผอจื่อคนเฝ้าเรือนมา ให้พวกนางรีบไปยกน้ำร้อนและชามาให้มั่วเชียนเสวี่ย
มั่วเชียนเสวี่ยมองไปทั่วทั้งห้อง ด้านในห้องไม่มีสิ่งใดผิดปกติ
ทว่ากลิ่นกำยานในห้องอบอวลยิ่ง เห็นชัดว่าเตรียมเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว
รอผอจื่อทั้งสองคนยกน้ำร้อนมา ปี้หวนหยิบใบชาบนโต๊ะ ชงน้ำชาให้มั่วเชียนเสวี่ยดื่มหนึ่งแก้ว คลี่ยิ้มแล้วโน้มน้าวให้นางดื่มน้ำชาด้วยความเคารพ บอกนางว่าดื่มน้ำร้อนๆ เพื่อคลายความหนาวเย็น เลี่ยงไม่ให้สวมอาภรณ์เปียกแล้วทำให้ไม่สบาย
มั่วเชียนเสวี่ยรับน้ำชา วางไว้ใกล้จมูกแล้วสูดดม จากนั้นยกขึ้นดื่ม
วันเวลาที่นางฝึกเข็มทองไม่ได้สูญเปล่า นึกถึงแผนการชั่วร้ายในจวนเจี่ยน แล้วคิดขึ้นได้ว่าต้องเข้าเมืองหลวง เกรงว่าแผนการสกปรกๆ เหล่านี้คงจะมีไม่น้อย ด้วยเหตุนี้นอกจากฝึกใช้เข็มทองแล้ว นางยังให้หมอหวังอธิบายวิธีการแยกแยะพวกยาแฝดและยาสลบต่างๆ ให้ฟัง
ในเมื่อหมอหวังเป็นหมอประหลาด ย่อมมีเคล็ดวิธีลับอย่างแน่นอน เขาสอนมั่วเชียนเสวี่ยแยกแยะยาชั้นต่ำหลายชนิดได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย มั่วเชียนเสวี่ยกินยาแล้ว ดังนั้นจึงไม่เกรงกลัวยาแฝดชั้นต่ำเหล่านี้
กำยานในห้องมีกลิ่นกระดังงา ที่ช่วยกระตุ้นความต้องการ น้ำชามียาแฝดที่ทำให้หมดสติ ทั้งสองออกฤทธิ์พร้อมกัน! ช่างทุ่มเทจริงๆ
ปี้หวนเห็นมั่วเชียนเสวี่ยดื่มน้ำชา ดวงหน้าของนางมีความดีใจที่ยากจะซ่อนเร้น นางยิ้มแล้วรับแก้วไปวางบนโต๊ะ
จากนั้นสั่งให้นางกำนัลอัปลักษณ์ที่เดินตามหลังเมื่อครู่เข้ามา ให้พวกนางดูแลรับใช้มั่วเชียนเสวี่ย แล้วเดินไปบอกผอจื่อทั้งสองคนที่เฝ้าอยู่หน้าเรือนว่าคุณหนูเป็นหวัดและอ่อนเพลียเล็กน้อย ให้พวกนางปิดประตูเรือนแล้วเฝ้าให้ดี อย่าเข้าไปรบกวนคุณหนู รบกวนเวลาพักผ่อนของคุณหนู…
ผอจื่อทั้งสองคนตอบ “เจ้าค่ะ” แล้วเดินออกไป พร้อมกับปิดประตู
มั่วเชียนเสวี่ยหัวเราะเยือกเย็น จัดเตรียมได้ดีจริงๆ
ปิดประตู เฝ้าอยู่หน้าเรือน อย่าเข้ามารบกวนเวลาพักผ่อน? ซึ่งก็หมายความว่าไม่ว่าในเรือนจะมีเสียงผิดปกติใดขึ้น ก็ต้องแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น หลังจากทำทุกอย่างแล้ว ปี้หวนหมุนตัวหันหลังเดินมาบอกลา อ้างว่าจะไปหยิบเสื้อผ้าให้นาง
อ้างว่าไปหยิบเสื้อผ้า แต่ความเป็นจริงเกรงว่าในห้องมีบางอย่างผิดปกติ นางไม่กล้าอยู่นานกระมัง
มั่วเชียนเสวี่ยมองออกตั้งแต่แรกแล้ว ที่คอของนางกำนัลอัปลักษณ์ทั้งสองคน มีคอหอย
เวลานี้ ใบหน้าของนางกำนัลอัปลักษณ์ทั้งสองคนแดงระเรื่อเล็กน้อย แววตาของพวกเขาก็ฉายเค้าเงื่อนบางอย่าง…
มั่วเชียนเสวี่ยโมโหยิ่งนัก เพียงสองคนนี้ยืนอยู่ข้างกายนาง ก็ทำให้นางรู้สึกถึงความสกปรก
ลำแสงเยือกเย็นแล่นผ่าน บอกนางกำนัลอัปลักษณ์ทั้งสองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ “พวกเจ้าสองคนยังไม่รีบไปปูเตียงให้เรียบร้อย ข้าเวียนหัว หลังจากปูเตียงเสร็จแล้วมาพาข้าขึ้นไปนอนบนเตียง…”
ได้ฟังคำสั่งของมั่วเชียนเสวี่ย ปี้หวนที่หันหลังเตรียมจะเดินออกไปยกมุมปากขึ้นยิ้มร้ายกาจ รอยยิ้มร้ายกาจนั้นเคล้าไปด้วยความลำพองใจ และคล้ายจะมีความเย้ยหยันปะปนอยู่ด้วย
ใบหน้าของนางกำนัลอัปลักษณ์ทั้งสองคนแดงก่ำ เมื่อได้ยินคำสั่งของมั่วเชียนเสวี่ย แววตาฉายตัณหา สบตากันแล้วแสยะยิ้ม จับคอแล้วพูด “เจ้าค่ะ” จากนั้นเดินเข้าไปในห้องนอน
รอนางกำนัลอัปลักษณ์ทั้งสองคนเดินเข้าไปในห้อง มั่วเชียนเสวี่ยหัวเราะในลำคอ เหยียดกายลุกขึ้นเดินไปด้านหน้า
หยิบเข็มทองออกมา
ปี้หวนที่เพิ่งเดินออกไปจากเรือนข้าง หมุนตัวหันหลังกำลังจะปิดประตู ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น นางถูกเข็มแทง จากนั้นร่างกายก็อ่อนแรงทันที
มั่วเชียนเสวี่ยกระทำอย่างรวดเร็ว พุ่งตัวไปแล้วพยุงนางเข้ามาในห้อง
ด้วยพลังยุทธ์ของนางในเวลานี้ สามารถทำให้คนหมดสติได้นาน หากไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ไม่ว่าฟ้าจะถล่มดินจะทลายปี้หวนก็ไม่มีวันฟื้น
นอกจากว่า…นางจะฝังเข็มลงไปอีกครั้งเท่านั้น…
ด้านในมีเสียงนางกำนัลอัปลักษณ์สองคนกำลังปูเตียง คล้ายปูเตียงเรียบร้อยแล้ว มั่วเชียนเสวี่ยรีบดึงปิ่นบนศีรษะปี้หวนออกมา แล้วร้องตะโกนบอกคนในห้อง “ตั้งใจปูเตียงและจัดเตียงให้ดี สอดส่องดูทุกมุม ว่ามีแมลงหรือไม่…”
เมื่อปิ่นบนผมถูกดึงออก เส้นผมของปี้หวนยาวสยายลงมา บดบังใบหน้าของนาง
ขณะที่ด้านในมีเสียง “เจ้าค่ะ” ดังขึ้น มั่วเชียนเสวี่ยถอดเสื้อตัวนอกของตนออกแล้วโยนทิ้งไว้ด้านหนึ่ง จากนั้นรีบถอดเสื้อตัวนอกของปี้หวนออก คลุมไว้บนตัว หมุนตัวหันหลังเดินออกไป พร้อมกับปิดประตู
การกระทำทั้งหมดนี้ นางใช้เวลาเพียงครู่หนึ่ง ผอจื่อทั้งสองคนปิดประตูเรือนตั้งแต่แรกแล้ว ยืนเฝ้าอยู่ด้านนอกเรือน ภายในเรือนไม่มีใครอื่น
มั่วเชียนเสวี่ยเดินออกไปจากห้องทว่าไม่ได้เดินออกไปนอกเรือน นางยืนอยู่ที่หน้าประตู ขณะที่นางกำลังยิ้มเยือกเย็นอยู่นั้น ได้ยินเสียงภายในห้องดังขึ้น
หลังจากนี้ นางยังมีเรื่องต้องทำ
ไม่แน่ว่า ประเดี๋ยวต้องมีการมาจับชู้สาว ในละคร ล้วนแสดงเช่นนี้
ไม่แน่ว่า ประเดี๋ยว…ถึงอย่างไรก็ตาม นางต้องระมัดระวัง ไม่อาจพลาดละครสนุกได้
ภายในห้องมีเสียงฝีเท้าดังขึ้น คาดว่านางกำนัลปลอมทั้งสองคงเดินออกมาจากห้องด้านใน
ฟังเสียงฝีเท้าที่เดินลงน้ำหนักไม่แรง เกรงว่าคงสูดดมกำยานเข้าไปไม่น้อยแล้ว
มั่วเชียนเสวี่ยกำหมัดแน่น
องค์หญิงอวี้เหอให้ปี้หวนทิ้งนางกำนัลปลอมที่มีคอหอยไว้ดูแลรับใช้นาง ไม่ต้องใช้สมองคิด ก็รู้ว่าดูแลรับใช้เช่นไร ใช้สิ่งใดดูแลรับใช้
สองคน? สองคน! องค์หญิงอวี้เหอ นางใจกว้างเกินไปแล้วกระมัง วันข้างหน้า ตนจะเอาคืนนางเป็นสองเท่า!
มั่วเชียนเสวี่ยกำหมัดแน่น ทว่าหัวใจของนางบีบรัด กลัวเหลือเกินว่าบุรุษทั้งสองจะจำสตรีที่นอนฟุบโต๊ะได้ รู้ว่าไม่ใช่นาง
แน่นอนว่านางย่อมไม่กลัวว่าหากนางกำนัลปลอมทั้งสองเห็นความผิดปกติแล้วจะทำอะไรนาง นางเพียงกังวลว่า หากถูกจับได้ว่าเปลี่ยนตัว ละครขององค์หญิงอวี้เหอไม่อาจแสดงต่อไปได้
นางไม่มีละครให้ดู ไม่อาจแผนซ้อนแผนโต้กลับองค์หญิงอวี้เหอได้ ไม่อาจโจมตีองค์หญิง ไม่อาจเห็นรอยยิ้มเสแสร้งนั้นนิ่งค้าง ไม่อาจฉีกความสง่างามจอมปลอมนั้นได้
เมื่อเป็นเช่นนั้น เกรงว่าจะน่าเสียดาย
ขณะมั่วเชียนเสวี่ยกำลังครุ่นคิดเงียบๆ ด้านในก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้น “นางร้อนใจเหลือเกิน ถอดเสื้อตัวนอกของตนก่อน ประหยัดแรงข้าจริงๆ…”
“มา…ช่วยกันหน่อย เอาเข้าไปด้านในจะได้จัดการง่ายๆ…”
มั่วเชียนเสวี่ยที่ตึงเครียดเล็กน้อยครุ่นคิดในใจ ในเมื่อปี้หวนเป็นนางกำนัลที่ติดตามองค์หญิง เช่นนั้นย่อมมาจากวังหลวง นางต้องไม่เคยพบเจอคนพวกนี้แน่นอน คิดว่า คงจะอาศัยอำนาจของผู้อื่นเอาตัวนางกำนัลปลอมทั้งสองคนแฝงเข้ามา คาดว่าปี้หวนก็เพิ่งเคยเจอสองคนนี้ครั้งแรกเช่นเดียวกัน
ตนทำผมของปี้หวนจนยุ่งเหยิงแล้ว ทั้งยังถอดเสื้อผ้าของนางแล้ว ร่วมกับเวลานี้ดวงหน้าของปี้หวนแดงก่ำ เกรงว่าคงจะไม่มีปัญหา
อีกทั้ง บุรษโสมมที่ปลอมตัวเป็นนางกำนัลก็น่าจะสูดดมกำยานเข้าไปไม่น้อยเช่นเดียวกัน เกรงว่าเวลานี้คงจะตาลายไปหมดแล้ว ไม่ว่าจะมองสตรีคนใดก็มีหน้าตาเหมือนกันหมด
ภายในห้องมีเสียงเดินเข้าไปด้านใน มั่วเชียนเสวี่ย โล่งอกทันที บุรุษโสมมทั้งสองที่ปลอมตัวเป็นนางกำนัล แยกไม่ออกจริงๆ ด้วย
“นี่เป็นหญิงพรหมจรรย์ ให้ข้าเริ่มก่อน แล้วค่อยถึงตาเจ้า…”
“ชู่…เบาเสียงหน่อย…อย่าทำให้ผู้อื่นได้ยิน…”
“ไม่มีทางมีคนแน่นอน…ประตูเรือนปิดไปแล้ว ทั้งยังมีผอจื่ออีกสองคนเฝ้าอยู่ไม่มีอะไรต้องกลัว…เจ้าต่างหาก…เบาหน่อย…อย่าเหลือรอยเขียวช้ำบนตัวนาง…”
“ผิวของนางนวลเนียนจริงๆ…”
ภายในห้องไม่มีเสียงครางของสตรี มีเพียงเสียงหายใจหอบของบุรุษ และเสียงสะเทือนดังขึ้นเล็กน้อย
“อ๊า…” เสียงครางดังขึ้นจากด้านใน
ตามด้วยเสียงพูดพึมพำ “หญิงพรหมจรรย์ถึงใจจริงๆ ถึงคราวเจ้าแล้ว…”
มั่วเชียนเสวี่ยปิดหูแล้วเดินไปไกล ลังเลครู่หนึ่งแล้วเดินกลับมา