EP 161
By loop
ณ ห้องประชุมของหยุนหัวเป็นห้องที่มีผนังสีขาวพื้นสีแดงและหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดาน บรรยากาศภายในห้องดูเคร่งเครียด แต่ก็ดูมีชีวิตชีวา
แพทย์หลายคนในชุดเสื้อคลุมสีขาวนั่งอยู่ข้างโต๊ะประชุมขณะที่ดูนักข่าวสัมภาษณ์ผู้ป่วยและหลิงรันอยู่กลางห้อง พวกเขาอาจดูเหมือนว่าพวกเขากำลังปรึกษาหารือ แต่ในความเป็นจริงพวกเขาทุกคนมีหยิบมือถือออกมาและกำลังเตรียมแชร์เหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้านี้ลงอินเทอร์เน็ตในคืนนั้น
ถ้าไม่ใช่หลิงรันที่ได้รับป้ายแสดงคำขอบคุณจากผู้ป่วยแต่เป็นคนของแผนกศัลยกรรมมือเป็นคนรักษาคงจะไม่มีการออกมาถ่ายภาพเหล่านี้อย่างแน่นอน อีกทั้งเขาอาจเยาะเย้ยแผนกอื่นๆอีกด้วย
อีกทั้งมันเป็นเรื่องง่ายที่จะนำหัวข้อสนทนาเหล่านี้ไปพูดคุยในวงเพื่อนๆของเขาและถ่ายภาพหลิงรันด้วยความรู้สึกอิจฉาในตอนนี้
แต่ในขณะนั้นหัวหน้าแพทย์มากกว่าสิบสิงคนและรองหัวหน้าแพทย์ที่เข้าร่วมแพทย์แพทย์ประจำแผนกและมาหยางลินรู้สึกว่าหลิงรันควรจะเห็นด้วยกับการสัมภาษณ์และยอมที่จะให้พลาดหัวข่าวน่าจะเป็นการดีกว่า
โดยถือว่าเป็นการแสดงถึงความบริสุทธ์ใจจากการดำเนินงานที่ยากลำบากโดยมีหลิงรันเข้ามาช่วย
หัวหน้าแพทย์หวัง รองหัวหน้าแพทย์เฟยโจวและรองหัวหน้าแพทย์เก้าเจียงหมิงอาจกล่าวได้ว่าเขาทั้งสามคนทมีอำนาจมากที่สุดเมื่อมันมาถึงการผ่าตัดนิ้วในแผนกศัลยกรรมมือของโรงพยาบาลหยุนหัว แต่ในท้ายที่สุดจำนวนนิ้วที่พวกเขาผ่าตัดได้ทั้งหมดส่วนใหญ่ก็มาจากฝีมือของหลิงรัน
ในสายตาของแพทย์การกระทำจรงหน้านี้เหมือนเป็นการตรอกย้ำแผนกศัลยกรรมมือซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังดีที่พวกเขายังได้รับความเคารพ แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา
อย่างไรก็ตามหมอ เฟยโจวและ เก้าเจียงหมิง ก็ยังรู้สึกหดหู่อยู่ดี
ซึ่งสิ่งเดียวที่ศัลยแพทย์หลายๆคนที่จะให้การยอมรับหมอศัลยแพทย์ด้วยกันก็คือทักษะการผ่าตัดที่ยอดเยี่ยม
ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ซงเย้าเวิ้น ที่เป็นนักข่าวก็ต้องให้การยอมรับหลิงรันมากขึ้นในฐานศัลยแพทย์
เธอชี้ไปที่เจิ้งฉีให้วางป้ายของหลิงรันลงก่อนที่เธอจะคว้าข้อศอกของช่างภาพและพูดอย่างประหม่าว่า “หมอหลิงกินกุ้งกั้งสีแดงอยู่”
มันทำให้หัวหน้าแพทย์หวังตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนที่เขาจะพูดอย่างรวดเร็วว่า “หลิงรันนี่เป็นการสัมภษาณ์ที่เป็นหน้าเป็นตาให้โรงพยาบาลช่วยให้ความร่วมมือด้วย”
แม้ว่าเขาจะประสบความสำเร็จในการชักชวนให้หลิงรันมาแถลงข่าวร่วมกับแผนกศัลยกรรมมือ อีกทั้งในแง่ดีคือการกระทำของเขาก็ช่วยในการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในกับโรงพยาบาลซึ่งหมอหวังย่อมยินดีที่จะสนับสนุนในเรื่องนี้ในสิ่งนี้ แต่ตอนนี้เขาแค่ต้องรู้ว่าซงเย้าเวิ้นนั้นมีจุดประสงค์อะไรกันแน่
แน่นอนแพทย์ที่มีคุณค่ากับโรงพยาบาลนั้นคงไม่ถูกไล่ออกันง่ายๆหรอก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับโรงพยาบาลในระดับโรงพยาบาลหยุนหัว โรงพยาบาลทุกแห่งที่มีความสามารถนั้นสนใจเรื่องชื่อเสียงมากกว่าผลกำไรที่ทำได้นั้น
โดยการที่มีชื่อเสียงแล้วโรงพยาบาลก็สามารถทำกำไรได้ไม่อยากแต่ถ้าโรงพยาบาลจะพยายามใช้ชื่อเสียงที่มีอย่างน้อยนิดโดยการหาผลกำไรจากมันอาจพบว่ามันเป็นเรื่องที่ยากที่จะทำมันได้
แผนกศัลยกรรมมือได้รวบรวมแพทย์สิบคนเพื่อทำการผ่าตัดปลูกถ่ายนิ้วมือสำหรับเด็กและได้เชิญซงเย้าเวิ้นมาเพราะพวกเขาต้องการที่จะให้มีการรายงานข่าวในเรื่องนี้
โดยหลังจากนั้นผู้ป่วยคนหนึ่งชูป้ายขอบคุณของหมอจากโรงพยาบาลหยุนมาให้ และเขาก็ยังปอกเปลือกกุ้งกั้งสีแดงให้อีกถ้าสิ่งเหล่านี้มันให้เชื่อเสียงงขอโรงพยาบาลนั้นเป็นที่รู้จักหมอหวังก็ยินดีที่จะสนับสนุน
เฟยโจวแพทย์ชายวัยกลางคนที่มีหน้าตาธรรมดากำลังจะก้าวออกไป แต่เขาก็หันไปมอง
ภายใต้สายตาของผู้คนหลิงรันหยิบถุงมือมาหนึ่งโดยไม้ได้รู้สึกอับอาบใดๆแล้วเขาก็คว้ากั้งแดงกั้งที่เจิ้งฉีปอกเปลือก จากนั้นเขาก็จุ่มมันลงในซอสและเขาก็ยัดมันเข้าไปในปากของเขา
“ถ่ายรูปไว้” ซงเย้าเวิ้นรู้สึกเร่งรีบและถามตากล้องว่า “นายบันทึกภาพทันใช่ไหม?”
“ไม่ใช่ว่ามันยากหรืออะไรก็ตาม” ตากล้องกลอกตาแล้วพูดว่า “เธอช่วยปล่อยมือก่อนได้ไหม?”
“ข้อศอกนายช้ำไปหมดฉันเขินจริงๆขอโทษด้วย” ซงเย้าเวิ้นพูดติดตลกและขัดเกลาเรื่อง จากนั้นเธอก็ถามเจิ้งฉีอีกครั้ง “คุณเจิ้งเหอทำไมคุณนำกั้งปลักแดงมาให้หมอหลิง?”
“ โอ้ในระหว่างการพักฟื้นของฉันฉันได้ยินว่าหมอหลิงชอบของบางอย่าง ฉันเลยคิดว่าหลังจากมือของฉันหายแล้วฉันก็จะนำกุ้งกั้งมาให้หมอหลิงเพื่อขอบคุณเขา” เจิ้งฉีกล่าว
“พวกเขาเป็นใคร?” ซงเย้าเวิ้น ถามด้วยความอยากรู้
“พยาบาลจากแผนกฟื้นฟูสมรรถภาพ”
“ พยาบาลรู้ด้วยว่าหมอหลิงชอบกินอะไร?”
“ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีกลุ่มลับเพื่อพูดคุยเรื่องนี้ … “
“อืม … ” เฟยโจวแพทย์ชายวัยกลางคนที่ดูธรรมดาไม่สามารถทนได้อีกต่อไป “เธอ … นักข่าวเราไม่ได้พูดถึงการผ่าตัดเหรอ? เรื่องนี้มันกลายเป็นกุ้งเครฟิชสีแดงได้อย่างไร”
ซงเย้าเวิ้น พูดตรงๆว่า “กุ้งเครฟิชนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งนะรู้ไหม”
“ฮะ?” เฟยโจว
ซงเย้าเวิ้น ยกคางขึ้นเล็กน้อยแล้วเงยหน้าขึ้นมอง จากนั้นเธอก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะ “ก็เพราะผู้ป่วยที่บาดเจ็บเป็นเวลานานเขากำลังรู้สึกขอบคุณหมอที่สามารถรักษาอาการเขาได้โดยจริงๆมันเป็นเรื่องยากๆมากที่จะทำได้ … “
“ผมนะเป็นกรณีฉุกเฉิน” เจิ้งฉีแก้ไขให้เธอ
“โอ้ฉันจะเริ่มต้นใหม่ … ” ซงเย้าเวิ้น ก้มหัวลงและจัดประโยคใหม่ เธอกล่าวว่า “ผู้ป่วยที่ต้องการการรักษาอย่างเร่งด่วนกำลังจะยอมแพ้ต่อชีวิต … “
“ ฉันยังมีชีวิตอยู่” เจิ้งฉีกล่าวอย่างไม่พอใจ
ซงเย้าเวิ้น พยักหน้า “จากนั้นผู้ป่วยที่ต้องการมีชีวิตอยู่มาโรงพยาบาลหยุนหัว … “
เฟยโจวไม่สามารถทนยืนอยู่ตรงนี้ได้อีกต่อไป “กุ้งน้ำจืดสีแดงเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างไร”
ซงเย้าเวิ้นเธอพูดอย่างจริงจังว่า“กุ้งเครฟิชสีแดงหมายถึงการฟื้นตัวของผู้ป่วยและความรู้สึกขอบคุณอย่างสุดซึ้งของเขาใช่มั้ยฉันไม่รู้ว่าคุณตัดสินกันอย่างไรว่ามือหายของท่านผู้นี้หายแล้วรึยัง แต่ฉันคิดว่าถ้าผู้ป่วยสามารถปอกกุ้งได้ เขาหรือเธออาจกลับมาหายดีแล้วก็ได้ “
เฟยโจวคิดและไม่ปฏิเสธคำพูดของเธอ
โดยธรรมชาติการปอกกั้งไม่ได้ใช้งานด้วยมือทั้งหมดเพราะเพียงแค่ผู้ป่วยกดนิ้วเขาด้วยกันก็สามารถปอกมันได้อย่างสบายแล้ว อย่างไรก็ตามในการเผชิญกับนักข่าวเฟยโจวเชื่อว่าเธอเพียงแค่ต้องคิดว่าผู้ป่วยได้รับการรักษาแล้วเมื่อเขาหรือเธอสามารถปอกเปลือกกุ้ง
ซงเย้าเวิ้น เธอสรุปอย่างมีความสุข “คิดเกี่ยวกับมันกุ้งน้ำจืดสีแดงยังหมายถึงวัฒนธรรมของชาวจีนในยุคปัจจุบันในการแสดงป้ายขอบคุณที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของแพทย์และผู้ป่วยซึ่งเป็นความสัมพันธ์ที่อาศัยอยู่ในเมืองที่วุ่นวายมากที่สุดในชีวิตของพวกเขาดังนั้น…ท่านโปรดปอกกุ้งกั้งอีกสองสามตัวเราจะบันทึกภาพของท่านอีกหน่อย”
เจิ้งฉีเชื่อฟังและเดินหน้าต่อไปเพื่อปอกเปลือกกุ้ง
มือของเขาส่วนใหญ่หายดีแล้ว แม้ว่าจะเป็นการยากที่จะปอกเปลือกกุ้ง แต่มันก็เป็นวิธีที่ดีมากในการใช้มือของเขา
เจิ้งซี่ฉีปอกเปลือกกุ้งอย่างช้าๆ แม้ว่าการเคลื่อนไหวของมือของเขาจะช้า แต่การทำงานของมือของเขาฟื้นตัวได้ดีมาก
แพทย์ในห้องคุยกันอย่างเงียบ ๆ และรู้สึกว่านี่เป็นวิธีที่ดีมากในการทดสอบการทำงานของมือ
ซงเย้าเวิ้น พูดอีกครั้ง “หมอหลิงขอโทษสำหรับปัญหา แต่คุณต้องกินกุ้งอีกสองสามตัวจะได้ไหม”
หลิงรันพยักหน้าสวมถุงมืออีกครั้งและกินกุ้งอย่างเงียบ ๆ
“เดี๋ยวก่อนลองถ่ายรูปแบบนี้กันเถอะ” ซงเย้าเวิ้นเธอไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เธอคว้ากุ้งด้วยมือของเธอแล้วยื่นมันเบา ๆให้ หลิงรันโดยในแววตาของเธอมีไฟลุกโฉนออกมาด้วยความมุ่งมันที่จะทำงานของเธอให้ดีที่สุด
‘หมอหนุ่มเริ่มตาสว่าง‘ เราจะได้รับคำชื่นชมอย่างงี้ถ้าทักษะการแพทย์ของเราดีพอใช่หรือไม่? ‘
“คุณไม่ได้ล้างมือใช่มั้ย” หลิงรันมองไปที่กุ้งที่ใกล้ตัวเขามากขึ้นและเขาก็ขมวดคิ้ว
ซงเย้าเวิ้น ตกตะลึง “อะไร?”
กุ้งต้องโยนทิ้งไป ” การแสดงออกของหลิงรันค่อนข้างจริงจัง
ซงเย้าเวิ้น โยนกุ้งไปที่มุมหนึ่งของโต๊ะพร้อมกับใบหน้าของเธอแดงก่ำในความเขินอาย
“ถ้าอย่างงั้นเดียวเราจะไปเดินตรวจวอร์ดกันไหม?” หัวหน้าแพทย์หวังยิ้มด้วยความสบายใจ
“เอาล่ะเราไปที่วอร์ดและดูสิ” ซงเย้าเวิ้นรีบตกลงกัน เธอสะบัดออกจากห้องประชุมด้วยหน้าอกใหญ่ของเธอ มาพร้อมกับก้นของเธอยื่นออกมาและรองเท้าส้นสูงสี่นิ้วของเธอ เธอมองหาห้องน้ำ
แพทย์แสดงความเคารพให้กันก่อนที่พวกเขาจะรีบออกจากห้องอย่างรวดเร็วเช่นกัน
ในท้ายที่สุดมีแพทย์มือใหม่เพียงสามคนที่เหลืออยู่ในห้องประชุม
“ไปกันเถอะ.”
“ไปกันเถอะ.”
“พวกคุณนำเลย”
ทั้งสามคนทำกริยาที่สุภาพให้กันมากขึ้นและน้ำเสียงของพวกเขาก็สุภาพมาก
“ขอโทษนะให้ฉันทำความสะอาดห้อง” แพนจินหยูกลับมาที่ห้อง เธอถือกระดาษเช็ดมือเช็ดคราบซุปที่เหลืออยู่บนโต๊ะและในที่สุดก็เก็บกุ้งที่ซงเย้าเวิ้น ทิ้งไว้ จากนั้นเธอก็โยนทุกอย่างลงในถังขยะ
แพทย์มือใหม่ทั้งสามจ้องที่การเคลื่อนไหวของเธออย่างใกล้ชิดและหลังจากนั้นไม่กี่วินาทีพวกเขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ฉันกำลังมุ่งหน้ากลับไป”
“ฉันยังมีบางสิ่งที่ต้องทำ”
“ฉันจะไปแล้ว”