ตอนที่ 469 หาผู้หญิงอื่นแล้วหรือ ตอนที่ 470 ราดน้ำมันบนกองเพลิง

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

ตอนที่ 469 หาผู้หญิงอื่นแล้วหรือ

ซ่งฝูซานได้ยินคำพูดของบิดาเขา ก็นิ่งอึ้งไปทันทีทันใด “ท่านพ่อ ท่านยังไม่รู้หรือขอรับ”

จากนั้นมองไปยังทิศทางซ่งอิงด้วยความสงสัย

ซ่งอิงนั่งสง่าผ่าเผยอยู่ตรงนั้น ไม่ไหวติง

“พูดมา! เกิดเรื่องอะไรขึ้น!” หากไม่ใช่เพราะบนโต๊ะนี้จัดเรียงข้าวและอาหารไว้แล้ว ซ่งเหล่าเกินตอนนี้ก็คงได้ตบโต๊ะแล้ว

ซ่งฝูซานกลืนน้ำลาย “ไม่…ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตหรอกขอรับ…”

“เหอะ” ซ่งอิงแสยะยิ้ม

ซ่งฝูซานพลันตระหนกตกใจ “ท่านพ่อ…ท่านรับปากข้าก่อนว่าอย่าโกรธกัน…ข้า ข้าก็จะบอก”

มันไม่ง่ายสำหรับเขาเลย คนที่อายุสี่สิบกว่าปีแล้ว และลูกชายก็ยังนั่งมองอยู่ข้างๆ แต่ผลสุดท้ายยังถูกผู้เฒ่าสั่งสอน!

ซ่งเหล่าเกินไม่มีความมั่นใจว่าจะทำได้

อย่าว่าแต่เขาเลย ต่อให้เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ในขณะนี้ก็ตระหนกตกใจ สีหน้าซีดเผือด เริ่มคิดจินตนาการว่าสามีของตนไปทำความผิดอะไรแล้วกันแน่ จึงทำให้เอ้อร์ยาเห็นเป็นเรื่องสำคัญเช่นนี้!

หรือว่า…

เป็นการหาผู้หญิงอื่นข้างนอก?

เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่เคยคิดประเภทนี้เมื่อมานานแล้ว

นับแต่แต่งงานกับซ่งฝูซาน นางก็เคยคิดว่าสามีตนจะไปปันใจให้คนนอกหรือไม่ อย่างไรเสียนิสัยใจคอผู้ชายคนนี้แม้ว่าจะมีข้อเสียเล็กๆ น้อยอยู่บ้าง แต่กลับเด็ดเดี่ยวและขยันขันแข็ง ปัจจุบันเดือนๆ หนึ่งก็มีเงินค่าแรงไม่น้อย ทั้งยังไม่ชอบกลับบ้าน…

เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่คิดๆ อยู่ก็ดวงตาแดงระเรื่อขึ้นมา

เพียงแต่จะรอหลังซ่งฝูซานชี้แจงแล้วค่อยระเบิดอารมณ์…

ซ่งอิงยังคงไม่เอื้อนเอ่ยวาจาใด

ผู้เฒ่าซ่งกลับรอจนร้อนรนใจแล้ว “เจ้าบอกกล่าวข้ามาตามจริง! ขืนยังโอ้เอ้วันนี้เจ้าก็ไปคุกเข่าเสียเถอะ!”

สรุปแล้วเป็นเรื่องใหญ่แค่ไหนกันแน่!

ซ่งฝูซานสีหน้าตระหนกลนลาน ลังเลใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าว “ท่านพ่อ…วันนี้ข้า…ไปโรงพนันมาแล้วขอรับ…”

“เหอะ…” ซ่งอิงยิ้มเยาะอีกครั้ง

“ข้า…ไปเป็นครั้งที่สอง และเอ้อร์ยาไปเห็นเข้าพอดี…” ด้วยความจนใจ ซ่งฝูซานจึงเอ่ยเสริมอีกประโยค

“เจ้าไปเล่นพนันมาแล้วหรือ!” ซ่งเหล่าเกินเผยสีหน้าถมึงทึง

ซ่งฝูซานหดคอ “เป็นครั้งที่สองจริงๆ นะขอรับ ข้าก็ไม่มีเงินติดตัวเช่นกัน ตอนครั้งแรกใช้เงินไปสามสิบอีแปะแล้วได้มาหกสิบกว่าอีแปะ พอเอาเงินนั้นที่ได้มาใช้จ่ายไปเกือบๆ หมดแล้วก็เลยอยากไปลองลุ้นโชคดูอีกครั้ง…แต่เอ้อร์ยาเรียกข้า ข้าก็ออกมาเลย ไม่ได้รั้งรอแต่อย่างใด…”

ซ่งเหล่าเกินกลับไม่ฟังคำอธิบาย

เขารู้เพียงแค่ ไอ้ลูกไม่เอาไหนคนนี้ไปโรงพนันมาแล้ว

ลูกชายของครอบครัวคนดีๆ สถานที่ที่ไม่ควรไปเยือนมากที่สุดก็คือโรงพนัน!

ในฐานะภรรยา สามีไปซ่องโสเภณีก็คือสิ่งที่ไม่อาจทนรับได้ แต่ในฐานะบิดาคนหนึ่ง ที่ไม่อาจทนรับได้ก็คือการที่บุตรชายไปเล่นการพนัน!

หากเป็นเช่นบุตรชายลำดับที่สี่ที่ทำตัวหยาบคายแต่ก็ฉลาดเป็นกรด และเคยชินกับการแอบซ่อนเรื่องต่างๆ มาตั้งแต่เด็กเช่นนั้นก็แล้วไป แต่ตอนนี้ที่ไปโรงพนันคือ…บุตรชายคนโต!

ซ่งเหล่าเกินโมโหจนปากสั่นระริก ยามนี้เองซ่งอิงนำมีดตัดกระดูกหยิบออกมา

“นี่ท่านโกรธจนพูดไม่ออกแล้วหรือ เพื่ออันใดล่ะเจ้าคะ ข้าคิดว่า…” ซ่งอิงคลี่ยิ้มมุมปาก “นี่เป็นเรื่องเล็ก ท่านต้องคิดให้ได้ ท่านลุงเพิ่งไปสองครั้งเอง ประตูโรงพนันเปิดทางไหนยังจำได้ไม่หมดด้วยซ้ำ ตราบใดที่เตือนสติสักหน่อยก็ยังกลับตัวทัน เมื่อสับมือแล้ว จากนี้ก็จะไม่อาจทำเช่นนี้ได้อีกแล้ว”

ซ่งเหล่าเกินแววตาผ่อนคลายลง

ไม่รู้เช่นกันว่าเป็นอะไรไป ครั้นเอ้อร์ยาพูด สมองเขาก็โลดแล่นขึ้นมา และคิดอะไรต่อมิอะไรได้มากทีเดียว

ซ่งฝูซานตกใจกลัวจนตัวสั่น เกือบจะหลุดปากด่าทอแล้วด้วยซ้ำ

มีใครเขาเกลี้ยมกล่อมคนอื่นกันอย่างนี้ด้วยหรือ

แล้วยังยื่นมีดขนาดใหญ่ให้อีก? เกิดผู้เฒ่าเดือดดาลเลือดขึ้นหน้าแล้วสับมือเขาขึ้นมาจริงๆ จะทำอย่างไร!

ซ่งเหล่าเกินเผยสีนี้เคร่งขรึม “ช่างเก่งกาจจริงๆ นะเจ้า ไปมาแล้วครั้งหนึ่งยังคิดไปครั้งที่สองด้วยหรือ เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นเหล่าซื่อใช่หรือไม่ หากเจ้ามีความสามารถอย่างเหล่าซื่อ เจ้าจะไปอยู่ในโรงพนันทั้งวันข้าก็คร้านจะสนใจเช่นกัน!”

ซ่งฝูซานกลัวหัวหด

เหยาซื่อสะใภ้เล็กยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย

ซ่งหม่านซานไปโรงพนันเมื่อตอนอายุสิบกว่าขวบ ทุกครั้งเล่นเพียงแค่ประเดี๋ยวเดียว หลังถึงยามเฉิน ไม่ว่าชนะหรือแพ้ก็จะออกมาโดยไม่รีรอทันที

แรกเริ่มก็เพราะเล่นพนันจึงถูกผู้เฒ่าซ่งอบรมสั่งสอน ต่อมาคนในครอบครัวล้วนค้นพบว่าเขารู้จักประมาณตนจริงๆ จึงได้เลิกสนใจ

ตอนที่ 470 ราดน้ำมันบนกองเพลิง

แต่ทุกคนล้วนรู้ว่า ผู้ที่ความสามารถเช่นซ่งหม่านซานผู้นั้นไม่ได้มีมากนัก ไม่รู้กี่คนต่อกี่คนถูกทำลายพังพินาศเพราะโรงพนันนั่น

ในหมู่บ้านซิ่งฮวาแห่งนี้เคยมีนักพนันคนหนึ่ง ขายบ้านขายที่ดินขายภรรยาก็ต้องไปเล่นพนันให้ได้ ท้ายที่สุดไม่มีอะไรให้ขายแล้วก็จะขายลูก

โชคดีที่หัวหน้าหมู่บ้านแทรกมือเข้ามาช่วยได้ทันการณ์จึงขายไม่สำเร็จ ท้ายที่สุดเพราะติดค้างหนี้พนันจนเปลี่ยนไปเป็นพวกเสียสติ จากนั้นก็ถูกคนอื่นทุบตีจนล้มป่วยตายไป

ปัจจุบันเด็กคนนั้นเป็นกำพร้าที่ไม่มีพ่อและแม่ ทำได้เพียงกินข้าวจากครอบครัวชาวบ้านคนอื่นๆ มองดูสีหน้าค่าตา น่าสงสารเสียยิ่งอะไรดี!

ซ่งเหล่าเกินเข้าใจบรรดาบุตรชายของตนเองดี โดยเฉพาะบุตรชายคนโต

เขาธรรมดาและเรียบง่ายอย่างยิ่ง หากไปยังโรงพนันหลายครั้ง ไม่แน่ว่าภายภาคหน้าจะกู่ไม่กลับแล้ว!

ผู้เฒ่าซ่งยิ่งคิดยิ่งกลัว “หยิบท่อนไม้นั้นของข้ามา!”

ซ่งฝูซานถลึงตาโต

“ท่านปู่ ยังมีอีกเจ้าค่ะ” ซ่งอิงรีบเอ่ยปากและนำเงินห้าตำลึงเงินออกมา “ท่านลุงให้ข้าเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ แล้วยังให้เงินข้าด้วยห้าตำลึงเงิน ซึ่งเงินนี้ท่านลุงไปยืมคนอื่นมา จริงสิ ท่านลุงยังบอกอีกว่าข้าเป็นเด็กสาวที่ออกเรือนไปแล้วก็เหมือนดั่งน้ำที่สาดออกไป ให้ข้ายุ่งวุ่นวายกับเรื่องในตระกูลฝั่งมารดาให้น้อยๆ หน่อยเจ้าค่ะ”

“ช่างร้ายจริงๆ เลย”

“โชคดีที่ท่านลุงไม่ใช่ขุนนาง มิเช่นนั้นตัวเองทำเรื่องผิดๆ อันใดจะต้องเอาแต่ติดสินบนเป็นแน่…”

“หากภายภาคหน้าน้องต๋าโดดเด่นมีหน้ามีตา แต่ท่านลุงสร้างความเดือดร้อนให้เยี่ยงนี้ ชะตาชีวิตน้อยๆ ของทั้งครอบครัวคงเป็นอันต้องจบสิ้นกันพอดี”

ซ่งอิงพูดต่อๆ กันหลายประโยคในคราวเดียว

เจียวซื่อในยามนี้เข้าใจเสียทีว่า ทำไมกระดูกชิ้นใหญ่นี้จึงไม่ใช่ของสำหรับบ้านสาม…

บ้านสามก็ไม่อยากได้แล้วจริงๆ

เมื่อราดน้ำมันบนกองเพลิง[1]เสียเพียงนี้ ไม่แน่ว่าผู้เฒ่าซ่งจะสับซ่งฝูซานจริงๆ น่ะสิ!

ซ่งฝูซานในขณะนี้รู้สึกอึดอัดใจจะตายอยู่แล้วจริงๆ ลองถามทั้งหมู่บ้านดูสิ คงไม่มีเด็กรุ่นหลังบ้านไหนทำเยี่ยงนี้แน่! แต่ละประโยคที่เอื้อนเอ่ย ไม่ต่างจากการเอามีดทิ่มแทงมาที่หัวใจของเขา!

หากเขาเป็นขุนนางทุจริต แล้วซ่งอิงเป็นอะไร ก็เป็นขุนนางทรยศ จิตใจชั่วร้ายคนหนึ่งอย่างไรเล่า!

ปรากฏว่าเมื่อซ่งอิงพูดจาเยี่ยงนี้ ผู้เฒ่ากลับเป็นฝ่ายที่ยังคงสงบนิ่ง หากแต่เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่เริ่มขบเคี้ยวเขี้ยวฟันด้วยความโมโห

“ตางเจีย! เจ้า สมองเจ้าถูกลาเตะเข้าแล้วใช่หรือไม่! ตอนนี้ลูกต๋ากำลังเรียนหนังสืออยู่แท้ๆ! ข้าถามไถ่ท่านอาจารย์แล้ว ท่านอาจารย์บอกว่าลูกต๋าฉลาดเป็นพิเศษ ขอเพียงขยันๆ เข้าไว้ ภายภาคหน้าจะเป็นซิ่วฉายได้สบายๆ! นี่หากพยายามมุมานะมากขึ้นไปอีกหน่อย ไม่แน่ว่าจะได้กลายเป็นท่านขุนนางใหญ่จริงๆ ด้วยซ้ำ! นี่เจ้าไม่อยากให้ลูกได้ดิบได้ดีสินะ! ข้า ข้า…ข้าขอสู้กับเจ้าสุดชีวิต!”

ปัจจุบันซ่งต๋าคือชีวิตของเหยาซื่อ

ใครสร้างความเดือดร้อนให้ลูกต๋าของนาง เช่นนั้นก็คือการให้เหยาซื่อไปหาที่ตาย

ดังนั้น เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่จึงปรี่เข้าไปแล้วส่งมือคู่นั้นข่วนใบหน้าของซ่งฝูซาน

ซ่งอิงสีหน้าเปลี่ยนไป ซ่งเหล่าเกินก็ไม่ได้หักห้ามเช่นกัน

“เอาเลย จัดการแทนข้าด้วย ทั้งครอบครัวล้วนอยากใช้ชีวิตกันอย่างสงบสุข ก็มีแต่เขาที่ไม่รู้จักแยกแยะดีชั่ว เป็นคนดีๆ ไม่ชอบต้องการไปเรียนรู้ทำเรื่องชั่วๆ! ท่อนไม้ข้าเล่า! วันนี้ข้าจะต้องหักกระดูกเขาสักท่อนให้จงได้ ดูสิว่าเขายังจะไปเล่นโยนลูกเต๋าได้อย่างไรอีก!” ผู้เฒ่าซ่งลุกขึ้นมาหมายไปหาท่อนไม้จริงจัง

ซ่งฝูซานปกป้องใบหน้าเอาไว้อย่างต่อเนื่อง

ขณะนี้เขาเป็นฝ่ายเสียเปรียบในแง่เหตุผล ผู้เฒ่าจับตามองอยู่ เขาจึงไม่กล้าเอาคืน

หลังเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ระบายอารมณ์โทสะออกไปแล้วระลอกหนึ่งก็ร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด “ไฉนชะตาชีวิตของข้าจึงทุกข์ระทมเพียงนี้นะ! ลูกไม่เอาไหน สามีก็ไม่รู้ความ! ข้าตายๆ ไปเสียสิ้นเรื่อง!”

“ป้าสะใภ้ใหญ่ หากท่านโมโห เช่นนั้นท่านก็ต้องกำราบคนให้อยู่หมัด หากไม่ทำให้เขาไม่มีมือไปเล่นพนันก็ทำให้เขาไม่มีเงินไปเล่นพนันเสีย ท่านคงต้องเลือกสักอย่าง เจ็บปวดระยะยาวไม่สู้เจ็บปวดระยะสั้น มิเช่นนั้นภายภาคหน้าลามไปถึงขั้นขายลูกเมีย มานึกเสียใจภายหลังก็สายเกินไปแล้ว” ซ่งอิงร้ายกาจจริงๆ

ทุกประโยคจากซ่งอิงล้วนทำให้ซ่งฝูซานเผยสีหน้าเกรงกลัวมากขึ้นเรื่อยๆ

ผู้เฒ่าถือท่อนไม้มาแล้วเช่นกัน ไม่เหลือความเห็นใจเลยสักนิด ครั้นท่อนไม้ฟาดลงมาก็เป็นผลให้ซ่งฝูซานหมอบลง เมื่อท่อนไม้ฟาดลงมาในครั้งถัดไป ก็กระทบไปที่ต้นขาของซ่งฝูซานเข้าเต็มๆ

ผู้เฒ่าซ่งแน่นอนว่าไม่ทุบถึงขึ้นกระดูกของบุตรชายแตกหักจริงๆ ได้

แต่จำเป็นต้องทำให้ซ่งฝูซานรู้จักกลัว

ซ่งอิงกำลังราดน้ำมันบนกองเพลิงอยู่ข้างๆ ซึ่งก็เพราะต้องการให้เขารู้ว่า ในตระกูลซ่งนี้มีนางผู้คอยปั่นป่วนครอบครัวเยี่ยงนี้อยู่คนหนึ่ง จากนี้จะได้ไม่กล้าทำเรื่องผิดๆ อีก มิเช่นนั้น นางผู้คอยปั่นปวนในครอบครัวคนนี้ก็จะให้ผู้เฒ่าซ่งเล่นงานเขาให้ปางตายไปเสียเลย

———————————

[1] ราดน้ำมันบนกองเพลิง (火上浇油) การพูดในสิ่งที่ทำให้เรื่องราวยิ่งรุนแรง ดุเดือดมากขึ้นกว่าเดิม