ตอนที่ 471 หญิงที่คอยปั่นปวนในครอบครัว ตอนที่ 472 ไม่ตกมาถึง

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

ตอนที่ 471 หญิงที่คอยปั่นป่วนในครอบครัว

เจียวซื่อและซ่งอิ๋นซาน รวมไปถึงคนอื่นๆ ล้วนอึ้งทึ่งทำอะไรไม่ถูก แววตาเจือความหวาดกลัวเอาไว้เล็กน้อยถ้วนหน้าขณะมองซ่งอิง

ทั่วทั้งหมู่บ้านคงหาเด็กรุ่นหลังที่มีความสามารถเพียงนี้ไม่ได้หรอก!

เดิมทีการเล่นพนันแม้ว่าเป็นเรื่องใหญ่ แต่ถึงอย่างไรซ่งฝูซานก็ไม่ได้พนันใหญ่โต ถึงขั้นว่าเพิ่งไปแค่สองครั้งเท่านั้นเอง ว่ากันตามระดับการได้รับความโปรดปรานของบุตรชายคนโตผู้นี้ อย่างมากก็ควรแค่ถูกผู้เฒ่าซ่งตำหนิสั่งสอนเล็กน้อยไม่กี่ประโยคเท่านั้น ส่วนเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่คงไม่เอ่ยปากตำหนิเลยด้วยซ้ำ

แต่บัดนี้เรื่องกลับกลายเป็นเช่นนี้

ด้วยคำพูดไม่กี่ประโยค เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่เหมือนต้องการเขมือบซ่งฝูซานก็ไม่ปาน ส่วนผู้เฒ่าซ่งก็เดือดดาลไม่เบาเช่นกัน

เจียวซื่อพลันเกิดความหวั่นกลัวในสมอง นึกถึงเรื่องที่เมื่อก่อนตนริษยาบ้านสอง ถึงขั้นว่าคิดจะตักตวงผลประโยชน์จากเอ้อร์ยาอีกด้วย…

ทันใดนั้นก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อย

ตอนนั้น โชคดีที่สามีนางห้ามไว้ มิเช่นนั้นหากก่อเรื่องอะไรกับเอ้อร์ยาไว้ เช่นนั้นตอนนี้คนที่จะถูกผู้เฒ่าเล่นงานก็คงเป็นนางกระมัง

เจียวซื่อสีหน้าซีดเผือด

แน่นอนละว่า ภาพฉากที่ ‘โหดร้าย’ นี้มีเพียงผู้ใหญ่เท่านั้นที่มองดูอยู่เท่านั้น เหยาซื่อสะใภ้เล็กพาเด็กๆ ทั้งคนเล็กคนโตเข้าไปอยู่ในห้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

แน่นอนว่าบรรดาเด็กๆ ต่างก็ไม่คิดมากแต่อย่างใด

คนเล็กยังไม่รู้ความจึงไม่ได้เก็บเอาเรื่องที่ซ่งฝูซานถูกกระทำทารุณเอาไปใส่ใจ ส่วนคนโตรู้ความแล้ว รู้ว่าซ่งฝูซานกระทำผิด จึงไม่ได้รู้สึกสงสารเขาแต่อย่างใด

หม่าซื่อมองบุตรชายคนโตของตัวเองถูกผู้เฒ่าซ่งเล่นงานจนต้องกลิ้งเกลือกไปทั่วพื้น จึงมองไปยังทิศทางซ่งอิงด้วยแววตามาดร้าย

ก็เพราะนางเด็กสาวที่คอยปั่นป่วนในครอบครัวผู้นี้ทำให้นางเสียหลานชายคนโตไป บุตรชายคนโตก็ต้องถูกทุบตี แล้วยังทำให้บุตรชายคนเล็กเอาใจห่างจากนางไปอีกด้วย

ซ่งอิงรู้สึกถึงแววตาที่เกลียดชังของหม่าซื่อแล้วเช่นกัน แต่กลับมองสวนไปอย่างไม่สะทกสะท้าน ตามด้วยหัวเราะอย่างขำขัน

“ท่านปู่ ก่อนหน้านี้ท่านลุงกล่าวว่าข้าเป็นเด็กสาวที่ออกเรือนไปแล้ว ดังนั้นเรื่องของตระกูลซ่งข้าไม่มีสิทธิ์ยุ่งเกี่ยว ข้ารู้สึกว่าที่ท่านลุงพูดก็มีเหตุผล ดังนั้นนับแต่พรุ่งนี้ข้าก็จะไม่มาแล้ว หลังจากนี้ไปก็แวะเวียนมาเยี่ยมเยียนท่านแค่ช่วงฉลองเทศกาล หรือไม่ก็ในบ้านมีเรื่องอันใดก็เป็นอันสิ้นเรื่อง ท่านคิดว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ” ซ่งอิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง

“คำพูดเขามีความหมายอะไร เจ้าจะฟังเขาพูดจาเหลวไหลทำไม!” ผู้เฒ่าซ่งเตะเข้าไปหนึ่งที จากนั้นก็รู้สึกหงุดหงิดใจยิ่งขึ้น

หากเป็นเมื่อก่อน เขาไม่ชอบให้หลานสาวที่ออกเรือนไปแล้วกลับมาบ้านฝั่งมารดาอยู่เรื่อยเช่นกัน นี่ไม่เหมาะสมกับระเบียบปฏิบัติ

แต่บัดนี้คิดๆ ดูถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในระยะนี้ เขารู้สึกว่าทางบ้านนี้จำเป็นต้องมีคนอย่างเอ้อร์ยาสักคน!

คู่ชีวิตชราของเขาผู้นั้นไม่ซื่อตรง ดังนั้นแต่ไหนแต่ไรมาเขาก็ไม่กล้ามอบอำนาจให้แก่นาง แต่การไม่มีคนที่เอาเรื่องเอาราวคอยกำกับดูแล เหล่าลูกสะใภ้ก็จะมีความคิดเล็กคิดน้อยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เอาได้

ส่วนการที่เอ้อร์ยาไปมาหาสู่กับบ้านซ่งบ่อยครั้งในระยะนี้ ก็เพียงแค่เป็นการมาเพื่อกินข้าวสักมื้อ ไม่เคยเอ่ยปากเกี่ยวกับเรื่องในตระกูลมาก่อน แต่กลับมีอิทธิพลต่อลูกสะใภ้ ทำให้พวกนางซื่อตรงและรู้จักปรึกษาหารือกัน!

ตอนนี้ในบ้านดูเป็นรูปร่างเป็นร่างกว่าเมื่อก่อนมาก

อีกทั้ง…

คนเราแก่เฒ่าแล้ว ก็อยากให้ลูกหลานประสบความสำเร็จ ทั้งยังอยากให้พวกเขารู้จักกตัญญูต่อเขาผู้เฒ่าคนนี้สักหน่อย

กตัญญูคำนี้ ไม่ใช่ว่าพวกเขาต้องสรรหาของดีๆ มาให้ไม้เว้นว่าง ก็แค่อยากให้ลูกๆ หลานๆ แวะเวียนมาพูดคุยเป็นเพื่อเขาบ่อยๆ

หลายวันนี้ที่เอ้อร์ยามาเยือน เขารู้สึกสบายใจขึ้นไม่น้อย ไม่อึดอัดคับข้องใจ

ดังนั้นตอนนี้ครั้นได้ยินว่าซ่งฝูซานรังเกียจซ่งอิง ก็ยิ่งทวีความเดือดดาลในใจ

“ตอนนี้รังเกียจเอ้อร์ยาแล้วรึ ก่อนหน้านี้เจ้าไปอยู่ไหนมา! ตอนที่พ่อเฒ่าของเจ้าล้มป่วย เจ้าเก่งนักก็ทำให้นางไม่ต้องยุ่งเกี่ยวทางด้านครอบครัวฝั่งมารดาสิ! ยามที่เจ้ายากจนแร้นแค้นมีแต่หนี้สินติดตัว เจ้าก็ให้นางไสหัวไปไกลๆ สิ! อ้อ ตอนที่มีความจำเป็น ให้นางช่วยเหลือพวกเจ้าหน่อย พอถึงตอนไม่มีความจำเป็นก็ให้นางไปอยู่ห่างๆ จากครอบครัวเราหน่อยเช่นนั้นรึ เจ้าไอ้คนไม่รู้จักบุญคุณคน เจ้ายังสู้ลาตัวนั้นของเอ้อร์ยาไม่ได้ด้วยซ้ำ!” ซ่งเหล่าเกินกล่าวด้วยความโกรธจัด

ตอนที่ 472 ไม่ตกมาถึง

ตอนนี้ซ่งฝูซานรู้สึกอึดอัดใจถึงขีดสุดจริงๆ

พ่อเฒ่าของเขาลงมือเต็มแรง ครั้นท่อนไม้นั่นฟาดลงมา เขารู้สึกเพียงเนื้อด้านหลังต้นขาเกือบจะแตกละเอียด!

เจ็บปวดจนเขาไม่มีโอกาสอ้าปากคลายฟันที่กัดแน่น แต่เอ้อร์ยาเด็กสาวจอมร้ายกาจผู้นี้ก็ยังยั่วยุอยู่ข้างๆ ไม่หยุดหย่อน คงอยากให้ผู้เฒ่าซ่งเล่นงานเขาจนตายจริงๆ สินะ!

“ท่านพ่อ! ข้าผิดไปแล้วจริงๆ! จากนี้ข้าจะไม่พูดจาเยี่ยงนี้อีกแล้ว!” ซ่งฝูซานทระนงในศักดิ์ศรีเพียงใด ยามนี้ก็ไม่อาจไม่ก้มหัวให้ได้

เขามีบิดาอยู่เบื้องบน ต่อให้กระทั่งอายุห้าสิบหกสิบปี หากบิดาต้องการเฆี่ยนตีเขา เขาก็ยังคงทำได้เพียงคุกเข่าลงแล้วน้อมรับการสั่งสอน

ซ่งอิงกระตุกมุมปากเล็กน้อย “ท่านป้าสะใภ้ใหญ่ เงินที่ท่านลุงยืมมาจะเอาอย่างไรดีเจ้าคะ หากเอาไปคืน ครั้งหน้าท่านลุงใหญ่อดใจไม่ได้ไปเล่นพนันอีก เกรงว่าก็คงจะไปหายืมมาอีกจนได้?”

เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่มองซ่งฝูซานอย่างเตรียมการรับมือ

ผู้เฒ่าซ่งขมวดคิ้วเล็กน้อยเช่นกันแล้วครุ่นคิด จากนั้นกล่าว “อยู่บ้านพักรักษาตัวสักสามสี่วัน จากนั้นข้าจะไปโรงย้อมสีกับเขา เอาเงินคืนให้คนที่ยืมมาต่อหน้าข้า จากนั้นรับปากว่าภายหลังจากนี้จะไม่ยืมเงินอีกแล้ว!”

ตราบใดที่แสดงออกอย่างอ้อมค้อมหน่อยก็จะไม่ถึงขั้นอับอายขายหน้า

แต่หากซ่งฝูซานไม่ยินยอม เขาก็ทำได้เพียงทำให้ลูกชายตัวดีขายหน้าจนไม่มีที่ยืนด้วยตัวเอง

ระหว่างภาพลักษณ์ศักดิ์ศรีกับอนาคตในหน้าที่การงานภายภาคหน้า แน่นอนว่าอย่างหลังสำคัญยิ่งกว่า!

จะให้เดือดร้อนไปทั้งครอบครัวเพราะบุตรชายผู้ไม่เอาไหนคนเดียวไม่ได้กระมัง

ผู้เฒ่าซ่งร่างกายไม่แข็งแรง หลังเฆี่ยนตีไปไม่กี่ทีก็เหนื่อยแล้วเช่นกัน จึงโยนท่อนไม้ทิ้ง ถลึงตาใส่เขาอย่างดุดันแวบหนึ่ง “เรื่องครั้งนี้เจ้าจำเป็นต้องขอบใจเอ้อร์ยา! นี่เอ้อร์ยามาดึงเจ้าไว้ได้ทันการณ์ หากไม่มีนาง แม้แต่อาภรณ์บนเรือนร่างเจ้าก็เกรงว่าจะหมดเกลี้ยงด้วยเช่นกัน!”

“…” ซ่งฝูซานรู้สึกจนใจ

หากไม่มีซ่งอิง เขาในตอนนี้ก็น่าจะรู้แล้วเช่นกันว่าเงินที่ตนเองโยนลงไปนั้นจะได้ทุนคืนหรือเข้าเนื้อกันแน่

“ท่านลุง หากท่านยังคิดจะเล่นพนันอีก เช่นนั้นก็ได้เช่นกัน อย่างมากก็แค่ขายทรัพย์สินที่เหลืออยู่ในครอบครัวและถูกวงศ์ตระกูลซ่งขับไล่ออกจากบ้านไปก็เท่านั้นเอง เมื่อท่านถูกขับไล่ไปแล้ว ท่านพ่อข้าก็จะเป็นบุตรชายคนโต ส่วนท่านปู่เราก็ให้เป็นหน้าที่พ่อข้าเลี้ยงดู” ซ่งอิงยิ้มตาหยีแล้วกล่าวอีกครั้ง

“เอ้อร์ยา ท่านลุงเจ้าก็แค่เลอะเลือนไปชั่วขณะ จะไม่มีครั้งถัดไปอย่างแน่นอน!” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่รีบกล่าวทันควัน

ให้บ้านสองเลี้ยงดูผู้ชรา แล้วนางจะเอาหน้าไปไว้ตรงไหน!

คำพูดเช่นนี้จากปากซ่งอิงก็แทงใจซ่งฝูซานเช่นเดียวกัน

การอบรมสั่งสอนด้วยใจลำเอียงของผู้เฒ่าซ่งก็ใช่ว่าจะไร้ประโยชน์เสียทีเดียว อย่างน้อยๆ สำหรับซ่งฝูซาน ก็เคยชินแล้วว่าตนเองในฐานะครอบครัวบุตรคนโตมีหน้าที่รับผิดชอบยิ่งใหญ่สุด!

“ข้าบอกว่าไม่เล่นพนันแล้วก็คือไม่เล่น! อีกอย่างเดิมทีข้าก็ไม่ได้อยากไป ก็แค่ไม่กี่วันก่อนมีคนให้ข้าช่วยไปวางเดิมพันให้หน่อยเท่านั้นเอง และเอ่ยว่าเขาจะต้องชนะแน่นอน ข้าจึงได้เข้าไป…” ซ่งฝูซานกล่าวอย่างหงุดหงิด

ซ่งอิงยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย

ส่วนซ่งเหล่าเกินตะลึงงัน “หมายความว่าอันใด คนอื่นให้เจ้าไปเล่นพนัน?”

“สหายที่เคยทำงานอยู่โรงย้อมสีเมื่อก่อนกล่าวว่าระยะนี้ตนเองดวงขึ้น ไปที่โรงพนันแห่งนั้นมักจะชนะเอาเงินมาได้เสมอ แต่ทว่าบรรดาหญิงในครอบครัวหัวเด็ดตีนขาดก็ไม่ให้เข้าไป จึงให้ข้าไปช่วยหน่อย เอาเงินให้ข้ามาหนึ่งตำลึงเงิน ข้าก็วางเดิมพันตามที่เขาบอกไปรอบหนึ่ง และเอาส่วนของตัวเองสมทบไปด้วยสามสิบอีแปะ เพียงประเดี๋ยวเดียวข้าก็ได้มาหกสิบอีแปะแล้ว ส่วนตัวเขาเองก็ได้ทุนพร้อมด้วยกำไรได้สามตำลึงเงินเช่นกัน…” ซ่งฝูซานถอนหายใจด้วยความโมโห

คนอื่นโชคดีอะไรเพียงนี้ ไม่เหมือนเขา เตรียมจะไปลองดูด้วยตัวเองสักหน่อยก็ถูกจับได้พอดิบพอดี

“เจ้าโง่หรือไร” ครั้นซ่งเหล่าเกินได้ยินดังกล่าวก็ดีดนิ้วเข้าไปที่ขมับของเขาหนึ่งที “คนผู้นี้อยากชักจูงเจ้าไปเล่นพนันมากกว่ากระมัง!”

เขาอายุขนาดนี้แล้วยังพอรู้ทันอยู่หรอก!

“ไม่กระมัง เขาบังเอิญเจอข้าพอดี และก็ค่อนข้างจริงใจด้วย” ซ่งฝูซานกล่าว

ซ่งอิงแสยะยิ้ม “ท่านลุง ท่านไร้เดียงสากว่าน้องคังอีกหรือเจ้าคะ ท่านคิดว่าคนผู้นั้นไม่มีญาติพี่น้องและสหายเลยหรือ จึงได้เอาเงินหนึ่งตำลึงเงินยัดเยียดให้ท่านเยี่ยงนี้โดยไม่กลัวว่าทำเงินได้แล้วจะถูกชักดาบ ใต้หล้านี้ไม่มีเรื่องที่ดีขนาดนี้หรอก ถึงมีก็ไม่ตกมาถึงท่านเช่นกัน”