ตอนที่ 473 ไม่ผิด ตอนที่ 474 เดิมพันใหญ่

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

ตอนที่ 473 ไม่ผิด

ซ่งฝูซานรู้สึกว่าเอ้อร์ยาพูดจาแปลกๆ

“คนเขาก็แค่อยากให้ข้าช่วยเหลือสักหน่อย…” ซ่งฝูซานไม่เข้าใจ เขาช่วยเหลือคนอื่นแท้ๆ แต่กลายเป็นความผิดขึ้นมาเสียได้ “ภรรยาเขาหาคนคอยจับตาดูอยู่ หากถูกคนอื่นเห็นเขาเข้าโรงพนัน เช่นนั้นครอบครัวก็จะไม่เป็นอันสงบสุข จึงเป็นธรรมดาที่จะไม่หาสหายคนสนิทใกล้ชิดที่คุ้นเคยกันดีมาช่วยเหลือ”

“ไม่มีเรื่องที่บังเอิญขนาดนี้หรอก จะต้องมีคนคิดทำร้ายเจ้าแน่” ผู้เฒ่าซ่งกล่าวอย่างมั่นอกมั่นใจ “เอ้อร์ยา นี่จะเป็นไปได้หรือไม่ว่าเป็นฝีมือของคนจากร้านนั้น”

“มีความเป็นไปได้เช่นกันเจ้าค่ะ” ซ่งอิงพยักหน้า

“ร้านอะไรหรือ” ซ่งฝูซานตกตะลึง

“แต่ทว่าต่อให้เป็นการจงใจชักนำโดยผู้อื่น นั่นก็เป็นเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ครั้งที่สองกลับเป็นตัวท่านลุงเองที่เต็มใจเดินเข้าไป ท่านปู่เฆี่ยนก็ไม่ผิดเช่นกัน” ซ่งอิงกล่าวเสริมอีกประโยค

“…” ซ่งฝูซาน

ผู้เฒ่าซ่งคิดว่ามีเหตุผลเช่นกัน บุตรชายคนนี้จริงอยู่ที่ถูกชักนำเข้าไปโรงพนันแล้ว แต่ไม่แน่ว่าผู้ลงมืออยู่เบื้องหลังนั้นกำลังหัวเราะเยาะพวกเขาตระกูลซ่งที่เลี้ยงทายาทออกมาไม่เอาไหน!

“คุกเข่าไว้!” ซ่งเหล่าเกินสบถฮึ “เอาละ เราทุกคนกินข้าวกันเถิด!”

พูดจบ คนตระกูลซ่งจึงได้กลับไปยังโต๊ะอาหารด้านข้าง

ซ่งฝูซานงุนงงไปหมด ที่คุกเข่าอยู่ในขณะนี้คือบริเวณที่หันหน้าเข้าประตูของห้องโถงกลาง เมื่อใดก็ตามที่เงยหน้าก็จะมองเห็นผู้ใหญ่และเด็กๆ รับประทานอาหารกันอยู่ในห้อง ยิ่งทำให้เขารับไม่ไหว วันนี้น้องสะใภ้สามไม่รู้เช่นกันว่าวิญญาณอะไรเข้าสิง จึงได้หุงข้าวสวยหนึ่งกะละมังใหญ่ๆ!

ช่างเป็นอะไรที่ใจป้ำจริงๆ ขนาดภรรยาเขายังไม่กล้าใช้ข้าวสารมากมายถึงเพียงนี้เลย!

แล้วนับประสาอะไรกับเวลาเช่นตอนนี้ ต่อให้ไม่กินข้าวก็อยู่ได้ถึงพรุ่งนี้เช้า เจียวซื่อไม่เพียงแต่ไม่ตระหนี่ถี่เหนียวแล้วยังใจกว้างเช่นนี้อีกด้วย??

นี่ตระกูลซ่งเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ สินะ!

ซ่งฝูซานคุกเข่าอย่างเป็นจริงเป็นจังไปหนึ่งคืน ตื่นมาตอนเช้าขาแทบจะหักแล้วก็ว่าได้

ตามเนื้อตัวยังปวดแปลบไปหมด ดีที่ผู้เฒ่าซ่งยังพอมีสติสัมปชัญญะ ดังนั้นก็แค่เจ็บปวดตามผิวหนังและกล้ามเนื้อเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้บาดเจ็บไปถึงกระดูก มิเช่นนั้นยามนี้เกรงว่าคงได้พิการไปแล้ว

แต่แม้ว่าเป็นเช่นนี้ ครั้นซ่งฝูซานเข้าไปในเรือนของตนเองก็มองเห็นกระดูกชิ้นใหญ่สองชิ้นนั่นแขวนอยู่บนประตูห้อง จึงตระหนกตกใจกลัวจนเนื้อตัวสั่นไปชั่ววูบ

“ไฉนจึงเอาของแบบนี้มาห้อยไว้ตรงนี้!” ซ่งฝูซานจะบ้าแล้ว

“เอ้อร์ยาบอกว่า วางไว้ตรงนี้ให้เจ้ารู้จักจำ หากครั้งหน้ายังเล่นพนันอีกก็เอากระดูกไปต้มเสีย จะได้บำรุงร่างกาย” เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ก็อดสุขใจไม่ได้

“…” ซ่งฝูซานสีหน้าเปลี่ยนไป “เจ้ายังหัวเราะออกมาได้อีกหรือ ข้าว่าพวกเจ้าล้วนถูกเด็กสาวผู้นั้นหลอกล่อจนหน้ามืดตามัวไปหมดแล้ว!”

“ตางเจีย ขืนเจ้ายังพูดจาเหลวไหลอีก เดี๋ยวท่านพ่อเดือดดาลขึ้นมาจนทำให้พ่อเฒ่าวิงเวียนหมดสติไป จะมีประโยชน์อันใดกับเจ้าหรือ อีกอย่าง เอ้อร์ยาหวังดีต่อเจ้า เด็กสาวอย่างนางมีน้ำใจต่อครอบครัวเรา นี่หากเป็นคนอื่น เจ้าว่านางจะยอมเปลืองแรงหรือ” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่พูดตามจริง

ซ่งฝูซานมองภรรยาของตัวเอง รู้สึกงุนงงสับสนเล็กน้อย

“เอ้อร์ยาช่างเก่งกาจจริงๆ มิน่าล่ะจึงได้ร้ายกาจเหลือเกิน ล้วนเป็นเพราะพวกเจ้าให้ท้ายทั้งนั้น” ซ่งฝูซานรู้สึกว่าเมื่อวานขายหน้าเกินไปแล้ว

ครั้นเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ได้ยินดังกล่าวก็โยนสิ่งของในมือลงบนโต๊ะ “ข้าว่าเจ้าไม่รู้จักจำสินะ เอ้อร์ยางานยุ่งจะตาย คิดว่านางยินดีมาสนใจเรื่องของเจ้ารึ! เจ้าอย่าไม่รู้จักแยกแยะดีชั่วไปหน่อยเลย! ลูกต๋าครอบครัวเรายังรู้ความเสียยิ่งกว่าเจ้าอีก!”

“…” ซ่งฝูซานมองเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่อย่างเหลือเชื่อ

“หากเจ้ายังกล้าขวางความก้าวหน้าของลูกชายข้า ข้าจะสู้กับเจ้าสุดชีวิต!” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ถลึงตาใส่ซ่งฝูซานแวบหนึ่ง

ซ่งฝูซานกุมใบหน้าทันทีตามสัญชาตญาณ

บนใบหน้าเขานี้ปรากฎรอยข่วนตั้งหลายรอยอยู่เลย! ไม่รู้เช่นกันว่าวันเริ่มทำงานจะหายทันหรือไม่!

ซ่งฝูซานอึดอัดคับข้องใจ คุยกับเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ไม่ถูกคอจึงคิดจะไปหาซ่งอิ๋นซานพูดคุยกันเสียหน่อย

แต่ทางด้านบ้านสามกลับไม่มีเวลาว่างมาสนใจเขา ซ่งอิ๋นซานครั้นได้ยินว่าเขาเอ่ยปากจะพูดถึงเอ้อร์ยาก็หันหลังเดินจากไปทันที มิหนำซ้ำยังมองเขาด้วยสายตารำคาญด้วยเล็กน้อย นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!

ตอนที่ 474 เดิมพันใหญ่

ทั้งครอบครัวซ่ง เมื่อใดก็ตามที่มีเวลาว่างก็จะรีบทำในสิ่งที่สร้างรายได้ ซ่งฝูซานเดิมทีอยากจะพูดคุยกับภรรยาและน้องชายเพื่อระบายความหงุดหงิดในใจ แต่ผลสุดท้ายกลับพบว่าไม่มีใครแยแสเขาเลย!

เขาไม่ได้อาศัยอยู่ในบ้านตลอดเวลา แต่ทว่าจะกลับมาเป็นครั้งคราว ทุกครั้งที่กลับมาในบ้านนี้ไม่ว่าใครล้วนคอยเอาใจเขา ไม่มีคำพูดแรงๆ ใส่เลยแม้แต่คำเดียว มีชีวิตอยู่หลายปีมานี้นับเป็นครั้งแรกที่เกิดสถานการณ์ประเภทนี้!

หลังสงบสติอารมณ์ลง ซ่งฝูซานพลันรู้สึกงุนงงสับสนไม่รู้ควรทำอย่างไร

ความรู้สึกของการถูกจัดเป็นคนนอกช่างไม่ดีเอาเสียเลย…

อาการบาดเจ็บของเขาไม่ได้หนักหนาสาหัส จึงทำได้เพียงฝืนไปหาเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ช่วยเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ทำงาน มองดูแล้วนับว่าซื่อตรงว่าง่ายขึ้นมาเล็กน้อย

การที่ซ่งฝูซานทำเรื่องนี้ ซ่งอิงเองก็เก็บเอามาใส่ใจเช่นกัน

สองวันผ่านไป หลังนำสบู่หอมส่งให้โรงอี้จวินเสร็จสิ้นก็ไปยังตัวอำเภอ นางไปหาคนที่ชักนำซ่งฝูซานไปเล่นพนัน

คนผู้นี้นามว่าเว่ยไฉ หลายปีก่อนก็ทำงานอยู่ที่โรงย้อมสีเช่นกัน เพียงแต่ต่อมาไปโรงพนันบ่อยครั้ง ว่ากันว่ามีครั้งหนึ่งเล่นพนันแล้วเกิดอิจฉาคนอื่นจึงทะเลาะเบาะแว้งกันขึ้นมาจนแขนหัก

หลังท่อนแขนนี้เชื่อมประสานกันแล้วแต่ก็ยังใช้การได้ไม่ดี จึงทำงานทางด้านโรงย้อมสีไม่ได้แล้วเป็นธรรมดา

ทำได้เพียงรับงานเล็กๆ ของโรงย้อมสีกลับมาทำที่บ้าน สร้างรายได้ให้ไม่มากมายแต่อย่างใด ยากแก่การเลี้ยงดูครอบครัว จึงอยากอาศัยการพนันเพื่อสร้างเนื้อสร้างตัวกลับมาอีกครั้ง

ซ่งอิงสืบถามได้ความกระจ่างไว้แต่เนิ่นๆ ถึงโรงพนันที่คนผู้นี้ไปเยือนบ่อยครั้ง

ตามจริงซ่งอิงก็ไม่เข้าใจทักษะการเล่นพนันเช่นกัน

แต่ทว่า ระยะนี้ทักษะการฟังใช้การได้ค่อนข้างดีทีเดียว และทดลองเมื่อตอนอยู่ที่บ้านแล้วด้วยเช่นกัน ปรากฏว่าผลลัพธ์ไม่เลวทีเดียว นางฟังเสียงที่แตกต่างยามแกว่งลูกเต๋าเพื่อการแยกแยะได้

กระทั่งเว่ยไฉผู้นี้มาถึง ซ่งอิงก็ขวางคนเขาเอาไว้ซึ่งๆ หน้าแล้วส่ายถุงเงินใบย่อมไปมาตรงหน้าเขา “มีอยู่ก้อนใหญ่ๆ จะพนันหรือไม่”

“เจ้าเป็นใคร ฮะ!” เว่ยไฉตะลึงงัน

ซ่งอิงยังคงสวมอาภรณ์สตรี เพียงแต่ขณะนี้มองดูสดใสงดงามขึ้นมาก ส่วนหมวกที่มีผ้าคลุมปรกลงมา ยังคงบดบังดวงหน้าไว้เช่นเคย

อำเภอหลี่กว้างใหญ่เพียงนี้ ความเป็นไปได้ที่จะถูกคนคุ้นเคยพบเห็นเข้าจึงมีไม่มากนัก ต่อให้ซวยเหมือนเช่นท่านลุงนางก็ไม่กลัว คลุมหมวกบดบังใบหน้าอยู่ก็มองไม่เห็นใบหน้าได้เช่นกัน ต่อให้เห็น ก็ไม่มีทางเชื่อว่าคนที่สวมอาภรณ์ดีๆ เพียงนี้จะเป็นสตรีในชนบท ขอเพียงนางปฏิเสธเสียงแข็งก็เป็นอันใช้ได้

ส่วนต้าไป๋…

นางฝากไว้ที่แถวๆ ประตูทางเข้าออกตัวอำเภอเป็นการชั่วคราว

ขณะนี้ ซ่งอิงคลี่ยิ้มเล็กน้อย “ลุงเว่ยไฉพอได้เงินไปมากหน่อยก็ลืมกันเลยสินะ ไม่ทันไรก็ลืมการตกลงแลกเปลี่ยนที่ร้านค้าทำไว้กับท่านแล้วหรือ”

เว่ยไฉขมวดคิ้วนิ่วหน้า “ก่อนหน้านี้มิใช่เจ้า”

“เถ้าแก่เป็นลุงแท้ๆ ของข้า” ซ่งอิงคลี่ยิ้ม “ระยะนี้ข้าค่อนข้างว่างงาน อยากหาความสนุกสักอย่าง หลายวันก่อนบังเอิญรู้ว่าท่านไปมาหาสู่กับร้านของตระกูลข้า แล้วยังเป็นนักพนันมือดี ก็เลยอยากมามองดูว่าการพนันนี้น่าสนใจหรือไม่”

“เจ้าเป็นแค่เด็กสาวคนหนึ่ง…”

“ลุงเว่ยท่านอย่าได้ดูถูกคนอื่นไปสิ ข้ามีเงิน! มีเงินแล้วยังต้องกลัวแพ้อีกหรือ ท่านต่างหาก สรุปแล้วจะพนันหรือไม่ หากท่านไม่พนันข้าไปหาคนอื่นก็ได้ ครั้งก่อนท่านมิใช่ไปหาคนที่ดูโง่เง่าผู้นั้นแล้วหรอกหรือ เขาก็ค่อนข้างใช้ได้เช่นกัน แม้ว่าจะโง่ไปหน่อยก็ตาม” ซ่งอิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง

“เจ้าอยากจะพนันกับข้าหรือ โรงพนันก็เป็นเจ้ามือเช่นกันนี่” เว่ยไฉกล่าวขึ้นอีกครั้ง

ซ่งอิงคลี่ยิ้มอย่างได้ใจ “เพราะท่านไม่กล้าหลอกข้านี่? อีกทั้งข้าได้ยินว่า…โรงพนันจำนวนมากจะเล่นลูกไม้เก่าๆ ข้าเอาชนะพวกเขาไม่ได้หรอก”

ครั้นเว่ยไฉครุ่นคิดดูก็รู้สึกว่าฟังดูมีเหตุมีผลเช่นกัน

เพียงแต่เล่นพนันกับเด็กสาวคนหนึ่งมันน่าเบื่ออย่างยิ่งน่ะสิ

แต่พิจารณาถึงว่าคนผู้นี้เป็นญาติของเถ้าแก่ร้านชุ่ยเหยียนไจผู้อยู่เบื้องหลัง เว่ยไฉจึงยอมอดทนต่อความเบื่อหน่าย

เถ้าแก่ร้านชุ่ยเหยียนไจแห่งนี้เป็นตระกูลที่มั่งคั่งอย่างยิ่งจริงๆ เหมือนว่าเป็นคนจากเมืองหลวงอีกด้วย หาได้ขาดแคลยเงินทองทรัพย์สินไม่ อย่าว่าแต่เถ้าแก่ร้านเลย ต่อให้ผู้จัดการร้านคนนั้นก็ถือว่ามีทรัพย์สินร่ำรวยเกินกว่าชาวบ้านธรรมดาทั่วไป

“เจ้าอยากเล่นอะไร ข้าจะเล่นเป็นเพื่อนเจ้าแล้วกัน” เว่ยไฉกล่าวขึ้นอีกครั้ง