ตอนที่ 475 พนัน ตอนที่ 476 ชิ่งหนีไป

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

ตอนที่ 475 พนัน

เล่นอะไรน่ะหรือ ซ่งอิงคลี่ยิ้ม แน่นอนว่าต้องเล่นใหญ่เข้าไว้

“ข้าเป็นหญิงสาวคนหนึ่ง ดังนั้นก็ไม่กล้าพนันมากมายเช่นกัน ก็พนันกับท่านสักสามยกแล้วกัน แค่พอรู้ว่าการพนันคืออันใดก็เป็นอันใช้ได้แล้ว สามยกนี้…” ซ่งอิงลังเลครู่หนึ่ง จากนั้นหยิบเงินออกมา “นี่ข้ามีอยู่หนึ่งร้อยห้าสิบตำลึงเงิน ยกละห้าสิบตำลึงเงิน ท่านนำของที่ราคาพอๆ กันออกมาวางเดิมพันก็ได้!”

เว่ยไฉตะลึงงันไป จากนั้นดวงตาจับจ้องไปยังเงินที่ซ่งอิงหยิบออกมา

หนึ่งร้อยห้าสิบตำลึงเงิน!

สมกับที่เป็นบุตรีจากตระกูลผู้ร่ำรวยจริงๆ จึงได้ใจป้ำเช่นนี้ในคราวเดียว!

เงินตั้งมากมายเพียงนี้ ซื้อบ้านในตัวอำเภอได้หนึ่งหลังเชียวนะ!

เว่ยไฉกลืนน้ำลาย จับจ้องอย่างอึ้งทึ่งไม่วางตา ซ่งอิงกลับรู้สึกรำคาญใจเล็กน้อยเสียแล้ว “สรุปแล้วท่านจะพนันหรือไม่ มิใช่ว่าพวกผู้ชายเด็ดขาดมากนักหรือ ไฉนท่านจึงเอาแต่ขบคิดเยี่ยงนี้ ช่างเถอะ ข้าไปหาคนอื่นก็ได้ ที่นี่มีคนตั้งมากมายเพียงนี้!”

“พนัน!” ซ่งอิงเพิ่งหันหลังเตรียมเดินจากไป เว่ยไฉก็กล่าวตะโกนขึ้นทันที

ซ่งอิงจึงได้หยุดฝีก้าวลง “เช่นนั้นก็ได้ ท่านหาคนจัดเตรียมบริเวณไว้สักที่ ข้ามีเวลาไม่มาก ตอนนี้ที่ออกมาก็เป็นการลอบหนีมา!”

เว่ยไฉมีหรือจะไม่ขานรับ

ในโรงพนันแห่งนี้มีโต๊ะบางส่วนที่ว่างอยู่เช่นกัน เอามาใช้สำหรับการเล่นพนันของแขก หากเจ้ามือไม่ใช่โรงพนันแห่งนี้ เช่นนั้นโรงพนันก็จะเก็บแค่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการที่มีกำหนดไว้ชัดเจนแล้วเท่านั้น

เว่ยไฉเป็นมือฉมัง ไม่ทันไรก็จัดการเป็นที่เรียบร้อย

“คนที่ชนะเอาเงินที่ชนะมาได้ให้สองส่วนก็เป็นอันเสร็จสิ้น” เว่ยไฉกล่าว “ท่านผู้นี้คือคนรับประกัน เขาตัดสินสถานการณ์การเดิมพันได้”

ซ่งอิงพยักหน้า “เช่นนั้นก็ได้ เรามาเริ่มกันเถอะ!”

เว่ยไฉดีอกดีใจ แต่แล้วก็ได้ยินซ่งอิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง “เช่นนั้นท่านเดิมพันด้วยอันใดล่ะ หากข้าชนะ ชนะแล้วจะได้อะไรหรือ”

เว่ยไฉนิ่งอึ้งไป มองคนของโรงพนันที่อยู่ข้างๆ แล้วมองไปยังซ่งอิง ลังเลใจชั่วครู่แล้วกล่าว “ข้ามีเงินติดมืออยู่สิบตำลึงเงิน นอกจากนี้ยังมีบ้านทางทิศใต้ของตัวอำเภออีกสองหลัง…”

ไม่มีมากกว่านี้แล้ว

เงินสิบตำลึงเงิน นั่นเป็นเงินที่ร้านชุ่ยเหยียนไจให้ เดิมทีเป็นจำนวนยี่สิบตำลึงเงิน ทว่าอีกครึ่งหนึ่งใช้จ่ายไปแล้ว

ซ่งอิงมาเยือนทั้งที มีหรือจะไม่รู้สถานการณ์ของเว่ยไฉ

เว่ยไฉผู้นี้ยังมีครอบครัวเสียที่ไหนกัน ภรรยาของเขาหอบลูกหนีไปตั้งนานแล้ว บัดนี้อยู่ตัวคนเดียว ก็มีแค่ท่านลุงของนางผู้นั้นที่สมองไม่มีไหวพริบ จึงถูกเว่ยไฉผู้นี้พูดจาหลอกเอาได้เพียงไม่กี่ประโยค

ส่วนบ้านของเว่ยไฉที่ว่านั่นก็ไม่มีมูลค่าราคาแต่อย่างใด อีกทั้งยังไกลแสนไกล ราคามากสุดก็คงเจ็ดสิบตำลึงเงินเท่านั้น

แต่ซ่งอิงแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ “ว้าว บ้านสองหลังเลยหรือ! เช่นนั้นก็ดีสิ! ข้าจะพนันกับท่าน!”

ครั้นเว่ยไฉได้ยินดังกล่าวก็รู้สึกวางใจขึ้นมาอีกครั้ง

เด็กสาวผู้นี้แม้แต่ราคาของบ้านเป็นเช่นไรยังไม่ถามให้ชัดกระจ่างแจ้งก็กล้าพนันแล้ว จะเห็นได้ว่าเป็นเด็กสาวผู้โง่เขลาที่ไม่รู้จักอะไรต่อมิอะไรกว้างขวาง

“เมื่อก่อนเจ้าไม่เคยเล่นพนันมาก่อน ดังนั้นเราพนันสูงต่ำกันก็ได้” เว่ยไฉอธิบายระเบียบการเล่นอย่างเรียบง่ายอยู่ครู่หนึ่ง

แน่นอนละว่า ก่อนที่จะเริ่มการพนันนี้ ทั้งสองฝ่ายได้รับสัญญาจากผู้รับประกันของโรงพนันแล้ว

ประทับตรานิ้วมือเอาไว้ชัดเจน ไม่ต้องกลัวว่าจะเบี้ยว

หากล้มเลิกพนันกลางคัน จะต้องชดใช้เป็นจำนวนเงินห้าสิบตำลึงเงิน

ตามจริงเว่ยไฉลังเลเล็กน้อย อย่างไรเสียคนผู้นี้ก็ปรากฏตัวขึ้นมากะทันหัน ทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว แต่เมื่อเห็นเงินหนึ่งร้อยห้าสิบตำลึงเงินนั้นแล้ว เขาก็ปฏิเสธไม่ลง เกรงกลัวว่าเงินก้อนนี้จะหนีไป

โรงพนันมีผู้คนมากมาย ทางด้านซ่งอิงเพิ่งเริ่มต้นจึงไม่ได้รับความสนใจเลยสักนิด

ยกแรกเริ่มต้นขึ้นอย่างไม่รีรอ

เพราะซ่งอิงเล่นเพียงสามยก อีกทั้งทุกครั้งกำหนดจำนวนเงินพนันไว้ชัดเจนแล้ว ดังนั้นวิธีการพนันจึงถูกแบ่งเป็นสองประเภท ประเภทที่หนึ่งคือทั้งสองฝ่ายโยนลูกเต๋าเทียบสูงต่ำ ผู้ได้สูงเป็นฝ่ายชนะ อีกประเภทคือให้อีกฝ่ายพนันโดยคาดเดาของอีกฝ่าย

ซ่งอิงแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ ให้เว่ยไฉเป็นคนเลือก

เว่ยไฉย่อมเลือกแบบหลังเป็นธรรมดา

หากเป็นอย่างแรกต้องอาศัยโชค แต่อย่างหลัง จำเป็นต้องอาศัยความสามารถสักหน่อย ถึงขั้นว่าเป็นการรังแกซ่งอิงที่ไม่รู้ประสีประสา แล้วยังจงใจคาดเดาสูงต่ำให้กลายเป็นการคาดเดาจำนวนจุดอีกด้วย

ตอนที่ 476 ชิ่งหนีไป

ซ่งอิงใส่หมวกอยู่ เว่ยไฉจึงมองไม่เห็นสีหน้าอารมณ์ของนาง แต่น้ำเสียงของนางเสแสร้งได้อย่างไร้เดียงสาจริงๆ เว่ยไฉย่อมอยากฉวยโอกาสนี้ตักตวงเงินหนึ่งก้อนใหญ่ๆ เป็นธรรมดา

หากทายสูงต่ำ โชคดีก็ยังพอเดาถูก แต่หากเป็นการทายจำนวนเลข เช่นนั้นก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง!

หากทายถูก เช่นนั้นก็เป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายสุดๆ แล้ว!

เว่ยไฉลอบยิ้ม แล้ววางสิ่งของในมือลงบนโต๊ะ

“แม่นาง ทายสิ” เว่ยไฉกล่าวอย่างสนุกสนาน

คุณหนูใหญ่ช่างโง่เขลาจริงๆ เที่ยวหว่านเงินเล่นไปทั่ว

ซ่งอิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “ยากเหลือเกิน…เช่นนั้น…ข้าแค่พูดตัวเลขขึ้นมาเช่นนั้นหรือ หากสามลูกเต๋า…เช่นนั้นก็เก้าแต้มแล้วกัน”

“ตกลง เปิด!” คนของโรงพนันกล่าวตะโกน

ทางด้านโรงพนันนี้ก็เพิ่งเห็นวิธีการเล่นอันน่าเบื่อหน่ายเพียงนี้เป็นครั้งแรกเช่นกัน ไม่มีความท้าทายเลยสักนิด

เว่ยไฉเปิดสิ่งของดังกล่าวออกภายใต้รอยยิ้มกรุ้มกริ่ม

“ฮ่าๆๆ! ข้าเดาถูกแล้วหรือ! โชคดีเกินไปแล้ว!” ซ่งอิงมองไป จากนั้นกระโดดโลดเต้นอยู่กับที่ด้วยความดีใจ

“ถูกแล้ว!?” เว่ยไฉนิ่งอึ้งไป บนใบหน้าปรากฎหยาดเหงื่อผุดรินไหลออกมา

“ทว่าแตกต่างจากที่ข้าคิดไว้ ข้าคิดว่า ไม่แน่ว่าจะเป็นสี่จุดสามจุดและสองจุด เช่นนี้รวมๆ กันแล้วก็จะเป็นก้าวจุดพอดี คิดไม่ถึงว่าแท้จริงแล้วคือหกจุดหนึ่งจุดและสองจุด ถูกเพียงแค่ลูกเดียวเท่านั้น น่าเสียดาย…” ซ่งอิงถอนหายใจ “ทว่าก็ถือว่าชนะเช่นกัน ใช่หรือไม่”

“แน่นอน” คนของทางด้านโรงพนันค่อนข้างตกตะลึงปนประหลาดใจเช่นกัน

สมกับที่ว่าคนโง่ก็มีโชคของคนโง่จริงๆ

เว่ยไฉกลืนน้ำลายด้วยความรู้สึกอึ้งทึ่งไปเล็กน้อย ยังไม่ทันให้เขาได้ตั้งตัวรอบที่สองก็เริ่มขึ้นแล้ว

ซ่งอิงฟังเสียง สีหน้าดูลังเลสับสน “เช่นนั้นคราวนี้…ขอเดาว่าสิบสี่จุดแล้วกัน…”

เว่ยไฉเปิดอีกครั้ง

“ถูกอีกแล้วหรือ ข้าช่างโชคดีจริงๆ เลย!” ซ่งอิงยิ้มอีกครั้ง แต่เห็นได้ชัดว่าคราวนี้มองดูสงบขึ้นมาก ถึงขั้นว่ามีไอแห่งความชั่วร้ายเพิ่มขึ้นมาด้วยเล็กน้อย

เว่ยไฉถึงกับงงเป็นไก่ตาแตกในทันใด

แม้ว่าจะตั้งสติได้ช้าเพียงใด แต่ขณะนี้ก็รู้แล้วเช่นกันว่าเขาซวยแล้ว!

ใน…ในช่วงเวลาอันสั้นเพียงนี้ เขาแพ้เสียบ้านไปหนึ่งหลังแล้วยังมีเงินอีกสิบสองตำลึงเงิน? ไม่สิ เป็นไปได้ว่าในท้ายที่สุดก็จะสูญเสียบ้านหลังเดียวที่เหลืออยู่ไปด้วย เพราะหญิงผู้นี้ช่างชั่วร้ายเกินไปแล้ว คาดเดาถูกถึงสองครั้ง เช่นนั้นครั้งที่สามเล่า!?

“ข้า…” ไม่พนันแล้ว…

“ท่านลุงเว่ยมิใช่ว่าไม่อยากเล่นแล้วกระมัง เช่นนั้นก็ได้ หากไม่พนันแล้วก็เอามาห้าสิบตำลึงเงิน” ซ่งอิงกล่าวอีกครั้ง

ครั้นเว่ยไฉได้ยินดังกล่าวพลันตื่นตัวขึ้นมาชั่ววูบ ห้าสิบตำลึงเงินแพงกว่าบ้านหนึ่งห้องของเขานั่นด้วยซ้ำ อีกทั้งเขาจะเอาเงินมาจากไหน ไม่มีหรอก!

เขาได้แต่เล่นต่อไปทั้งที่หน้าดำคร่ำเครียด

ซ่งอิงยังคงเผยสีหน้าสงบนิ่ง รวบรวมสมาธิในการฟังอยู่ครู่หนึ่ง ท้ายที่สุดก็เอ่ยจำนวนออกมาอีกครั้ง

“สี่จุด” ซ่งอิงน้ำเสียงราบเรียบ

เว่ยไฉได้ยินกังกล่าวกลับตัวสั่นเทา

ลังเลเล็กน้อย ไม่กล้าเปิด แต่คนของโรงพนันที่อยู่ข้างๆ จับจ้องไม่วางตา จะเล่นลักไก่ไม่ได้อย่างแน่นอน มิเช่นนั้นจะทำลายชื่อเสียงของโรงพนันพวกเขา เช่นนั้นเกรงว่าต้องถูกตีขาหักกันพอดี!

หลังขบคิดอย่างหนักด้วยความหวาดกลัว ท้ายที่สุดก็เปิดออก

เป็นเช่นเดียวกับที่ซ่งอิงพูด

ซ่งอิงยิ้มเล็กยิ้มน้อย แล้วสะบัดกระดาษสัญญาในมือ “การพนันนี่แท้จริงแล้วก็สนุกดี เพียงชั่วพริบตาเดียว บ้านหลังเล็กๆ สองหลังที่ราคาไม่ถึงเจ็ดแปดสิบตำลึงเงินก็ตกมาอยู่ในมือแล้ว”

เจ็ดแปดสิบตำลึงเงิน?

“เจ้ารู้!?” เว่ยไฉตกตะลึงอย่างยิ่ง

ซ่งอิงกลับไม่ได้พูดจามากมาย หยิบสิบตำลึงเงินซึ่งได้มาจากการเอาชนะ แล้วสมบทไปอีกสองตำลึงเงินมอบให้โรงพนัน จากนั้นหันหลังเดินจากไปทันที

โรงพนันไม่ใช่สถานที่ดีงาม จะมัวอยู่นานไม่ได้

นางกระทำการอย่างเด็ดขาดฉับไว ไม่เห็นใจเลยสักนิด ดุจสายลมที่พาดผ่านออกประตูไปแล้วก็ไม่ปาน บริเวณใกล้เคียงเพิ่งสังเกตความเคลื่อนไหวทางด้านนี้และกำลังเตรียมมารับชม แต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาคนแล้ว

เว่ยไฉรู้สึกเพียงว่าตนเองถูกหลอกเข้าแล้ว จึงรีบร้อนปรี่ออกไป

มองซ้ายมองขวา พบร่องรอบซ่งอิงกำลังอยู่บนถนนสายหลัก “หยุดนะ!”

“ทำไม ยังอยากจะพนันอีกหรือ น่าเสียดายที่ข้าจะกลับแล้ว ว่าแต่ท่านยังมีสมบัติในบ้านวางเดิมพันอีกหรือ” ซ่งอิงเอ่ยด้วยน้ำเสียเยาะเย้ย

ทักษะความสามารถด้านการพนันนี้นางจะใช้บ่อยครั้งก็ไม่ได้เช่นกัน ทำได้เพียงเอามาใช้หลอกลวงคนโง่เขลาระดับนี้เท่านั้น หากเจอพวกมือฉมังจริงๆ ผลลัพธ์จะต้องแตกต่างไปอย่างแน่นอน

ดังนั้นการชิ่งหนีไปจึงเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุด และถึงอย่างไรคนผู้นี้ก็จะตามมาด้วยอยู่แล้ว