ตอนที่ 477 แก้แค้น ตอนที่ 478 แสร้งโง่

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

ตอนที่ 477 แก้แค้น

ซ่งอิงสีหน้าเรียบเฉย เว่ยไฉกลับโกรธเกรี้ยวอย่างยิ่ง “เจ้าจงใจหลอกเอาเงินของข้า! ข้ามีความแค้นอันใดกับเจ้ารึ!”

“หลอก? โรงพนันมีคนเป็นพยานให้ได้ เราสองคนพนันกัน มิหนำซ้ำยังเป็นท่านที่ได้เปรียบข้าอีกด้วย ข้าลงเงินหนึ่งร้อยห้าสิบตำลึงเงิน ส่วนของที่ท่านเอามาเดิมพันมูลค่ายังไม่ถึงหนึ่งร้อยตำลึงเงินด้วยซ้ำ” ซ่งอิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ลุงเว่ยรีบกลับไปเก็บสัมภาระหน่อยจะดีกว่า อีกเดี๋ยวข้าจะหาคนไปเก็บกวาดบ้าน”

“ไม่ได้!” เว่ยไฉร้อนรนใจ “เจ้า…ข้าไปสร้างความไม่พอใจให้ร้านชุ่ยเยียนไจพวกเจ้าตรงไหน…”

“ไม่ได้ดูสัญญาให้ละเอียดหรือ ข้าแซ่ซ่ง” ซ่งอิงเอ่ยอย่างหน้าตาเฉย

“ซ่ง…” เว่ยไฉไม่ได้คิดอะไรมากมายเลยจริงๆ ในเมื่อมีคนแซ่ซ่งอยู่ใต้หล้าตั้งมากมายเพียงนี้…

แต่ระยะนี้เขาทำเรื่องที่ไร้คุณธรรมนั้นแล้วจริงๆ ครั้นเอ่ยเยี่ยงนี้ขึ้นมา เวลานี้จึงฉุกนึกขึ้นได้ทันควัน “เจ้า…เจ้าเป็นคนตระกูลซ่งหรือ”

“ใช่ ซ่งฝูซานเป็นลุงของข้า” ซ่งอิงยามนี้กล่าวอย่างไม่สะทกสะท้านอย่างยิ่ง

“สรุปแล้วเจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่! ข้าก็แค่ขอให้ลุงเจ้าช่วยเหลือสักหน่อยเท่านั้นเอง!” เว่ยไฉปากแข็ง

ซ่งอิงคลี่ยิ้มเล็กน้อย

เว่ยไฉเห็นนางไม่พูดไม่จา อดร้อนตัวขึ้นมาไม่ได้

หญิงผู้นี้เพิ่งเอ่ยว่าตนเป็นคนของร้านชุ่ยเหยียนไจ เห็นได้ว่ารู้เรื่องที่เขาทำทั้งหมด ขืนบัดนี้เขาเอ่ยปากไม่ยอมรับก็จะแลดูเป็นคนโง่เขลาไปหน่อย

“แม่นางซ่ง ก็แค่เรื่องเล็กๆ เรื่องหนึ่งเท่านั้น หากมิใช่ข้า หลังจากลุงเจ้าเข้าโรงพนันแล้วจะทำเงินได้หรือ เจ้าไม่ขอบคุณข้าก็ว่าแย่แล้ว แต่นี่ยังลอบกระทำเรื่องประเภทนี้อีก! เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าเดี๋ยวข้าจะบอกกล่าวลุงเจ้า เป็นเด็กเป็นเล็ก ไฉนจึงมีความนึกคิดที่ชั่วร้ายเช่นนี้ได้…” เว่ยไฉต่อว่ายกใหญ่

ซ่งอิงไม่โมโหแต่อย่างใด กระทั่งเขาสงบนิ่งลงเล็กน้อยแล้วจึงกล่าว “มีกระดาษระบุลายลักษณ์อักษรไว้ชัดเจน หากท่านไม่ยอมรับ ข้าก็จะไปหาคนของโรงพนันให้ช่วยจัดการตามสัญญาที่ระบุไว้ก็แล้วกัน”

ในเมื่อทางด้านโรงพนันรับเงินแล้วและจัดหาคนที่ค้ำประกันให้ ก็ย่อมต้องมีส่วนรับผิดชอบอย่างถึงที่สุดด้วยเป็นธรรมดา

งานอย่างการทวงหนี้ก็ทำได้ทั้งนั้น ส่วนโรงพนันเช่นนี้โดยทั่วไปแล้วจะมีการไปมาหาสู่กับสถานที่ราชการขุนนางในท้องถิ่นเอาไว้ด้วย จึงมีอำนาจใหญ่โตไม่น้อย โดยปกติก็จะไม่มีนักพนันกล้าหาเรื่อง

เมื่อซ่งอิงเอ่ยคำพูดเช่นนี้ สีหน้าเว่ยไฉก็เปลี่ยนไปทันที

“สรุปแล้วเจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่!?” เว่ยไฉอึดอัดและร้อนรนใจสุดขีด “จะว่าไปข้าเพียงแค่ให้ลุงเจ้าช่วยเหลือนิดหน่อยเท่านั้น และก็หาเขาเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นเอง!”

“ผีพนันอย่างท่านคนหนึ่ง เอาเงินสดมาจากไหนสิบตำลึงเงิน ก็มิใช่ได้มาจากร้านชุ่ยเหยียนไจหรอกหรือ ผู้จัดการของร้านชุ่ยเหยียนไจเป็นคนเช่นไรข้าเองรู้ดีแก่ใจ ตั้งนานขนาดนี้แล้วท่านยังมีเงินเหลือในมืออีกตั้งมากมายขนาดนี้ เห็นได้ว่ามอบผลประโยชน์ให้แก่ท่านไว้มิใช่น้อยๆ ซึ่งผลประโยชน์ก้อนโตขนาดนี้ก็แค่เพื่อทำให้ท่านลุงข้าไปโรงพนันเพียงครั้งเดียวหรือ” ซ่งอิงแสยะยิ้ม “หากข้าคาดเดาไม่ผิด หากท่านลุงข้าไม่ติดพนัน ครั้งถัดไป ท่านยังต้องไปหาเขาอีกจนกว่าท่านลุงข้าจะเป็นหนี้เป็นสินจนถอนตัวไม่ขึ้น”

เว่ยไฉพลันสีหน้าเปลี่ยนไป

นี่เป็นการคาดเดาหรือ

“ท่านหาเรื่องให้ท่านลุงข้า ข้าก็เลยมาแก้แค้นท่าน นี่ก็สมเหตุสมผลดีนี่ ท่านยังจะมีอะไรให้ยอมรับไม่ได้อีกหรือ รีบส่งมอบบ้านให้ข้าเร็วๆ หน่อยก็เป็นสิ้นเรื่อง ก็แค่…ต้องไปอยู่ตามหัวมุมถนนเท่านั้นเองมิใช่หรือ” ซ่งอิงหัวเราะขึ้นอีกครั้ง

เว่ยไฉตระหนกตกใจ ต้องไปอยู่ตามหัวมุมถนนหรือ! ตอนนี้ใกล้ถึงฤดูหนาวแล้ว เขาไม่มีเงินอยู่ในมือแล้วด้วย หากไม่มีแม้แต่บ้าน เมื่อถึงฤดูหนาว เช่นนั้นไม่เป็นอันต้องหนาวตายอยู่ข้างนอกหรอกหรือ!

เว่ยไฉสีหน้าเปลี่ยนไปเช่นกัน เขาดูตื่นกลัวจนลนลานขึ้นมากกว่าเดิม

“เจ้าอยากจะเอาอย่างไร หลานสาวซ่ง เห็นแก่ความที่ข้าเป็นสหายของท่านลุงเจ้าหน่อยเถอะ…”

“ท่านเป็นถึงสหายของท่านลุงข้า แต่กลับคิดทำร้ายเขา ท่านลุงข้าคบหาสหายเช่นนี้ไม่ได้เป็นอันขาด” ซ่งอิงแสยะยิ้มเย็นชา

“ใช่ ใช่ ใช่! หลังจากนี้ข้าจะไม่ไปหาท่านลุงของเจ้าอีกแล้วเช่นกัน ข้าจะไสหัวไปให้ไกลๆ จะไม่โผล่มาตรงหน้าท่านลุงของเจ้าโดยเด็ดขาด เจ้าว่าเอาแบบนี้ตกลงหรือไม่” เว่ยไฉรีบบอกกล่าวทันควัน

ตอนที่ 478 แสร้งโง่

เว่ยไฉรู้สึกอึดอัดขับข้องใจ เรื่องราวในวันนี้ไม่ต่างกับฟ้าผ่าลงมากลางวันแสกๆ เพียงช่วงเวลาพริบตาเดียว ไม่รู้ว่าเขาต้องเผชิญอะไรแล้วบ้าง ไฉนจู่ๆ ก็ไม่มีทั้งบ้านและเงินเสียแล้วเล่า!

ไม่เหมือนกับที่เขาคิดไว้เลย!

เพียงแค่คิดว่าตนจะสิ้นเนื้อประดาตัวขึ้นมากะทันหัน เงินทุนในการเล่นพนันที่อยู่ในมือก็เกลี้ยงเกลา และถึงขั้นไม่มีบ้านแล้ว ต่อให้เขาคิดจะไปรับงานเล็กๆ น้อยๆ ของทางด้านโรงย้อมสีเพื่อหาเงินเอามาเป็นทุนพนันก็เป็นไปไม่ได้ จึงรู้สึกลนลานทำอะไรไม่ถูกไปทันที

“ก็ไม่ใช่ว่าจะเอาเงินและบ้านคืนให้ท่านไม่ได้หรอก…” ซ่งอิงหัวเราะอย่างขบขัน

“ขอบใจหลานสาวมาก!” เว่ยไฉตาลุกวาวในทันใดแล้วรีบเอ่ยพูด

“อย่าเพิ่งรีบร้อนไป” ซ่งอิงชะงักชั่วครู่ “อยากจะได้เงินและบ้าน เช่นนั้นก็ต้องดูว่าท่านลุงเว่ยจะยอมทุ่มเทได้หรือไม่ ท่านทำได้มาก ข้าก็จะคืนของที่ว่านี้ให้มากเท่านั้น หากทำได้ไม่มากพอ เรื่องบ้านท่านก็เลิกคิดไปได้เลย”

เว่ยไฉรู้สึกตงิดในใจ “เจ้าหมายความว่าอันใด”

“ร้านชุ่ยเหยียนไจจ้างให้ท่านมาหลอกล่อท่านลุงข้าไปเล่นพนันมิใช่หรือ จะว่าไปแล้ว คนที่มีความแค้นกับตระกูลข้าก็ไม่ใช่ท่านลุงเว่ยแต่อย่างใด หากแต่เป็นร้านชุ่ยเหยียนไจ ขอเพียงร้านชุ่ยเหยียนไจซวย ในใจข้านี้ก็จะไม่มีความโกรธอีกแล้ว แต่ข้าเป็นหญิงคนหนึ่ง ไม่มีความสามารถมากขนาดนั้น ไม่เหมือนท่านลุงเว่ย ทำการค้าแลกเปลี่ยนกับร้านชุ่ยเหยียนไจได้ ดังนั้นเรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ย่อมต้องให้ท่านลุงเว่ยช่วยเหลือเป็นธรรมดา” ซ่งอิงกล่าวอีกครั้ง

ครั้นเว่ยไฉได้ยินดังกล่าวก็เกือบหลุดหัวเราะออกมา

นางเป็นแค่สาวน้อยคนหนึ่งที่ไม่มีความสามารถเช่นนั้นหรือ!

เช่นนั้นคนที่เล่นพนันบนโต๊ะเมื่อครู่นี้เป็นใครเล่า! แล้วคนที่เอาชนะคว้าเงินของเขาไปเป็นใครกัน!

เขาทำการค้ากับร้านชุ่ยเหยียนไจ? นั่นเรียกว่าทำการค้าด้วยกันหรือ! ก็แค่ร้านชุ่ยเหยียนไจเอาเงินให้เขาจำนวนหนึ่งเพื่อให้เขาช่วยจัดการเรื่องเรื่องหนึ่งให้ก็เท่านั้นเอง พูดอย่างน่าเกลียดหน่อย เขาก็แค่สุนัขรับใช้ตัวหนึ่ง จะมีประโยชน์อะไรสักเท่าใด!

“หลานสาว นี่เจ้าต้องการสร้างความลำบากใจให้แก่ข้าสินะ! ตอนนั้นผู้ที่ติดต่อกับข้าก็เป็นแค่ผู้ดูแลงานในร้านชุ่ยเหยียนไจคนหนึ่ง ข้าไม่รู้แม้แต่ชื่อของเขาด้วยซ้ำ แล้วข้าจะทำอะไรได้…” เว่ยไฉมืดแปดด้านจริงๆ

“ท่านทำได้ตั้งมากมายต่างหากละ ท่านลุงเว่ย ภรรยาท่านหอบลูกหนีไปแล้ว ไม่มีทรัพย์สินติดตัวสักอย่าง ไม่มีญาติไม่มีศัตรู มีคำกล่าวที่ว่าผู้ที่เท้าเปล่าจะไม่กลัวการสวมใส่รองเท้า ท่านก็คือผู้ที่เท้าเปล่าคนนั้นนั่นเอง และแน่นอนว่าร้านชุ่ยเหยียนไจแห่งนั้นก็คือรองเท้าคู่นั้น” ซ่งอิงยิ้มเล็กน้อยอย่างมาดร้าย

เว่ยไฉได้ยินดังกล่าวถึงกับตะลึงงัน

ยังอุตส่าห์คิดว่าเขาเป็นคนที่เก่งกาจผู้หนึ่งอีกหรือ

“เช่นนั้น…เช่นนั้นข้าทำอันใดได้หรือ” เว่ยไฉตะลึงงันเล็กน้อย กวาดตามองถุงเงินในมือของซ่งอิงพริบตาหนึ่ง

หากเขาแย่งเอามาจากมือเสียเลย…

เว่ยไฉพลันคิดเยี่ยงนี้ แต่แล้วก็ส่ายหัวอีกครั้ง ตรงนี้เป็นถนนใหญ่ ผู้คนเดินผ่านไปผ่านมา หากแย่งเอามาจริง เกรงว่าวิ่งหนีไปไม่พ้นถนนสองสายก็ถูกทหารที่ลาดตระเวนอยู่จับตัวเอาไว้ได้แล้ว…

แต่หากเป็นในตรอกเล็กที่ไม่มีผู้คนเช่นนั้นก็ดีสิ…

มีหรือซ่งอิงจะไม่รู้ว่าคนผู้นี้คิดอย่างไร ในฐานะผู้ชาย การพ่ายแพ้ให้กับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งอย่างกะทันหัน ย่อมทำใจยอมรับไม่ได้เป็นธรรมดา

“ข้าจะรู้ได้อย่างไรเล่าว่าท่านลุงเว่ยต้องทำอย่างไร การแลกเปลี่ยนเป็นการแลกเปลี่ยนระหว่างท่านกับร้านชุ่ยเหยียนไจ ข้าก็แค่คนนอกคนหนึ่ง ระหว่างพวกท่านมีความขัดแย้งอันใดกัน ไม่เกี่ยวข้องกับข้าแต่อย่างใด” ซ่งอิงพูดขึ้นมาอีกครั้ง

“…” เว่ยไฉรู้สึกมึนงงสับสนเล็กน้อยแล้วจริงๆ

ไม่ใช่ว่าให้เขาต่อกรกับร้านชุ่ยเหยียนไจหรอกหรือ ไฉนจึงเปลี่ยนคำพูดเสียแล้ว

หลังจากเว่ยไฉอึ้งไปพักหนึ่ง ก็เป็นอันเข้าใจได้!

เด็กสาวเจ้าเล่ห์ผู้นี้แสร้งทำเป็นโง่เขลา?! พูดจาน่าฟัง ในความเป็นจริงก็เหมือนให้เขาทะเลาะกับร้านชุ่ยเหยียนไจ? อีกทั้งยังไม่ให้ยอมรับว่านางเป็นคนบงการ

เว่ยไฉเคยถูกเด็กรุ่นหลังรังแกเยี่ยงนี้เสียที่ไหนกัน จึงเป็นธรรมดาที่ในใจจะรู้สึกโมโหอย่างยิ่ง

เขากัดฟันแน่น แต่ภายนอกก็ทำได้เพียงตอบรับเท่านั้น

ซ่งอิงเห็นเขาในลักษณะเช่นนี้ก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไรอีกก่อนจะหันหลังแล้วเดินจากไป

แต่ซ่งอิงกลับไม่ได้รีบร้อนไปจากตัวอำเภอในทันที แสร้งทำทีราวกับเดินเล่นตามร้านค้าบนถนนสองสามสายในตัวอำเภออย่างไม่ได้ตั้งใจ หลังจากหนึ่งชั่วยามกว่าๆ จึงเดินอ้อมเข้าไปในตรอกที่ค่อนข้างห่างไกลแห่งหนึ่ง