เดมาเซียหน้าถอดสีเมื่อมองไปยังออร์คร่างสูงใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้า
เพียงหมัดเดียว… เพียงแค่หมัดเดียว! มันแทบจะพรากความสามารถในการเคลื่อนไหวของเขาไปทั้งหมด!
ยิ่งเมื่อเหลือบไปเห็นสถานะ ทุพพลภาพ ที่กะพริบไม่หยุดในแถบสเตตัสของตัวเอง เดมาเซียยิ่งรู้สึกหวาดหวั่นในพละกำลังของอีกฝ่าย
หากไม่นับร่างจุติของอูลร์ เดมาเซียไม่เคยรับการโจมตีอันทรงพลังขนาดนี้มาก่อน
แต่ร่างจุติของอูลร์นับเป็นกรณีพิเศษ…
เนื่องจากตัวตนของอีกฝั่งมีสถานะเป็นเทพ ผู้เล่นย่อมรู้สึกว่าความแข็งแกร่งอันเหลือเชื่อของมันเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล
แถมอูลร์ยังเป็นบอสของภารกิจหลัก ผู้เล่นย่อมมองว่าระดับความยากของมันอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
และบอสภารกิจหลักอย่างอูลร์ ยังมีจุดอ่อนอย่างความไม่เสถียรของร่างจุติ จึงสามารถเอาชนะได้ด้วยกลยุทธ์คลื่นเอลฟ์…
ทว่าออร์ค ณ เบื้องหน้า นับว่าเป็นกรณีที่แตกต่างออกไป
มันไม่ได้มีจุดอ่อนเหมือนกับร่างจุติของอูลร์…แถมยังโค่นเดมาเซียด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
ยิ่งไปกว่านั้น การโจมตีเมื่อครู่ยังดูราวกับเป็นเพียงเรื่องง่าย ๆ สำหรับมัน!
ไอ้นี่โคตรโหด!
ต่อหน้าอสูรกายอันแข็งแกร่งระดับนี้ เขาเชื่อว่าต่อให้เอากองทัพผู้เล่นมาวิ่งชาร์จใส่ ทุกคนก็คงจะถูกสังหารเกลี้ยงในเวลาเพียงอึดใจ …ไม่ต่างอะไรกับการปล่อยลูกเจี้ยบฝูงใหญ่วิ่งใส่หมาล่าเนื้อ
เชี่ยเอ้ย ตูเจอพี่เบิ้มตัวจริงใช่มั้ยเนี่ย?!
เอลฟ์หนุ่มลอบด่าอยู่ในใจ
รอบนี้ตูได้ตายซักทีแหง ๆ!
แต่ เดมาเซียผู้กล้าหาญ ย่อมแสดงความรับผิดชอบในฐานะผู้นำอย่างถึงที่สุด! เขาหันศีรษะไปตะโกนออกคำสั่งแก่ผู้ที่อยู่เบื้องหลัง
“เจอบอสป่า! พวกนายรีบหนีไป ชั้นจะล่อมันไว้เอง!” จริงจังหน่อย
น้ำเสียงของเขา …เต็มไปด้วยความโศกเศร้าอย่างยิ่งยวด!
แต่เอลฟ์หนุ่มกลับตัวแข็งทื่อเมื่อกล่าวจบ…
เพราะไม่มีใครสักคนอยู่รอฟังเขาตั้งแต่แรกแล้ว…
มีเพียงสายลมพัดโชยแผ่วเบาและใบไม้ที่ร่วงหล่น…
ไกลออกไปสุดระยะสายตา ยังพอเห็นเงาสูงสองสามร่างกำลังวิ่งหน้าตั้งทิ้งเขาไป…
เดมาเซีย: “…”
เขาพึมพำอย่างขุ่นเคืองเมื่อพบว่าบรรดาสมาชิกปาร์ตี้เลือกตัดช่องน้อยแต่พอตัว
“โถ่เว้ย… ตูประเมินพวกเอ็งต่ำไปจริงจริ๊ง!”
เอลฟ์หนุ่มถอนหายใจ เขาหันมาสบตากับออร์คเบื้องหน้าพลางยืดคอขึ้น
“จัดมาให้ว่อง”
เขารอให้อีกฝ่ายลงดาบด้วยท่าทางองอาจชาตินักรบ ไร้ซึ่งความหวาดกลัว
หินดำเลิกคิ้วเมื่อมองท่าทีของเอลฟ์ตรงหน้า
เอลฟ์ตัวนี้ช่างกล้าหาญ…
จากข้อมูลที่ได้รับจากหัวหน้านักบวชมหาคีรี หินดำทราบมาว่าเอลฟ์เหล่านี้อาจจะมีความเป็นอมตะ
แต่ถึงอย่างไร มันเชื่อว่าความเป็นอมตะของอีกฝ่ายย่อมมีข้อจำกัดบางอย่าง
มันเคยรับมือกับผู้ใช้เวทมนตร์แห่งความตายตั้งแต่สมัยที่เพิ่งจะรับตำแหน่งนักรบ จึงได้ล่วงรู้ความลับบางประการเกี่ยวกับศาสตร์แขนงนี้
แม้เหล่าสาวกของเทพแห่งความตายมีความเป็นอมตะ แต่ก็ต้องแลกกับการที่ดวงวิญญาณของตนจะอ่อนแอลงครั้งแล้วครั้งเล่า…
เมื่อกายเนื้อของพวกเขาตาย บางส่วนของวิญญาณจะหายไป เป็นการเสื่อมสลายที่มิอาจแก้ไข และนำไปสู่การพังทลายในที่สุด…
ด้วยเหตุนี้ ในมุมมองของหินดำ แม้ฝ่ายตรงข้ามจะครอบครองความเป็นอมตะ แต่เอลฟ์ตนนี้ย่อมไม่เต็มใจที่จะต้องจบชีวิตซ้ำ ๆ
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดที่เป็นอมตะอย่างแท้จริง! พวกมันแค่ผลัดวันตายของตนออกไปเท่านั้น…
นอกจากนี้ การพังทลายของดวงวิญญาณยังถือเป็นสิ่งที่เลวร้ายกว่าความตายในรูปแบบสามัญอย่างยิ่งยวด …
หินดำรู้สึกเคารพในความกล้าหาญของเอลฟ์เบื้องหน้า
ในขณะเดียวกัน เหล่าสมุนออร์คได้เริ่มไล่ตามหินดำมาทัน พวกมันต่างเตรียมตัวออกล่าบรรดาเอลฟ์ที่เพิ่งจะวิ่งหนีไป ทว่าหินดำกลับหยุดฝูงออร์คไว้อย่างรวดเร็ว
“ไม่จำเป็น เจ้านี่น่าจะเป็นผู้นำกลุ่ม ขอแค่จับมันกลับไปก็จะได้ข้อมูลจำนวนมาก”
มือหนาของมันโบกเป็นเชิงสั่งการ
“มัดมันไว้”
ออร์คอัปลักษณ์สองสามตัวรุดเข้ามาคว้าเอาดาบโค้งออกจากมือของเอลฟ์หนุ่มที่กองอยู่กับพื้น ก่อนจะใช้เชือกเส้นเขื่องมามัดร่างของเขาอย่างแน่นหนา…
เดมาเซียตื่นตะลึงเมื่อเห็นการกระทำของพวกออร์คตรงหน้า
เดี๋ยว… ทำไมบอสตัวนี้เล่นนอกกรอบ?
ปกติมันต้องกระทืบตูจนตายไม่ใช่เรอะ?
มัดทำไมฟะ?
เดะนะ…
ตูจะเจอเควสจริง ๆ ใช่ปะเนี่ย?!
บางสิ่งผุดขึ้นมาในใจของเดมาเซีย เขาหวนนึกถึงข้อมูลบางอย่างที่นักบุญอลิซเคยกล่าวไว้
กลุ่มออร์คนักล่า…
ล่าอะไร… ล่าเอลฟ์
ล่าไปทำไม… เอาไปขาย
เดี๋ยว… อย่างบอกว่าตูเจอพวกออร์คนักล่านะ?
ดวงตาของเขาเปล่งประกายขึ้นมาช้า ๆ
ออร์คคือศัตรูตัวฉกาจของเอลฟ์!
แม่เอ้ย! เควสลับ!
ตูเจอเควสลับแน่ ๆ!
ความโศกเศร้าของเอลฟ์หนุ่มที่เกิดจากการสูญเสียจำนวนครั้งคืนชีพสมบูรณ์และอุปกรณ์สวมใส่พลันมลายหายไป
หินดำปั้นหน้านิ่วเมื่อเห็นเอลฟ์ที่ตนจับได้แสดงท่าทีตื่นเต้น ทั้ง ๆ ที่มันควรจะเป็นความหวาดกลัวหรือความโกรธแค้น
หรือว่าเอลฟ์ตัวนี้ …จะสติฟั่นเฟือน?
มันส่ายศีรษะพลางโบกมือให้กับลูกสมุน
“กลับฐานที่มั่น”
เมื่อจับเอลฟ์ได้แล้ว หินดำก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่ที่นี้อีกต่อไป มันเกรงว่าตนอาจจะพบสาวกของเทพแห่งความตายอันทรงพลังเข้าถ้ายังขืนอ้อยอิ่งอยู่ในป่าเอลฟ์
แถมเอลฟ์ตนนี้ยังมีอาวุธและชุดเกราะที่หรูหรา มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นระดับผู้นำ ย่อมมีข้อมูลรอให้รีดมากมาย!
อืม… ถึงมันจะอ่อนแอไปหน่อยก็เถอะ…
แม้หินดำจะคาดการณ์ไว้หลายส่วน แต่มันไม่เคยคาดคิดว่าเหล่าเอลฟ์จะอ่อนแอถึงเพียงนี้!
“หุหุหุ”
“กากเยี่ยงก็อบ-”
ลูกสมุนของหินดำมองเดมาเซียด้วยความหยามเหยียด มือหนาของมันคว้าตัวเอลฟ์ผมแดงขึ้นมา
“เชี่ยอย่าจับนมตู เจ็บโว้ย หายใจไม่ออก–!”
เดมาเซียร้องลั่น
ออร์คตัวนั้นชำเลืองมองเอลฟ์หนุ่มด้วยหางตา ก่อนจะคว้าหมับเข้าที่ขาข้างหนึ่งเพื่อยกเขาพาดบ่าในท่าห้อยหัว
เดมาเซีย: “…”
ใบหน้าของเขาพลันซีดเซียว
“ขะ– ข้าวกลางวันจะย้อนออกมาแล้ว… อ่อก….”
แต่ในครั้งนี้ ไม่มีออร์คตัวใดสนใจคำพูดของเขาอีก
พวกมันพากันล่าถอยพร้อมกับ รางวัลจากการล่า ที่อยู่ในสภาพกลับหัวกลับหาง
ร่างของเอลฟ์ผมแดงถูกมัดไว้อย่างแน่นหนา จังหวะการก้าวเดินที่กระชับและรวดเร็วของออร์คทำให้เขาแทบจะขย้อนของในท้องออกมาได้ทุกเมื่อ
ทว่าเอลฟ์หนุ่มกลับไม่รู้สึกกลัวหรือกังวลใด ๆ เลยแม้แต่น้อย ซ้ำยังเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น
เดมาเซียเชื่อว่าเหล่าออร์คกลุ่มนี้จะไม่ลงมือฆ่าตนอย่างแน่นอน
พวกมัน… ตั้งใจจะจับตูไปทำอะไรซักอย่าง
ทำอะไรซักอย่าง…
เอะ…
เอ่อ… ออร์คพวกนี้มันไม่น่าจะมีรสนิยมอย่างว่าใช่ปะ?
ร่างกายของเขาสั่นเกร็งขึ้นมาทันที โดยเฉพาะเมื่อสายตาจับจ้องไปที่ร่างกายอันกำยำและท่าทีอันดุร้ายของหินดำ…
เอลฟ์หนุ่มรู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย ใบหน้าของเขาพลันซีดเซียวเมื่อนึกถึงชะตากรรมที่รออยู่
โนโนโน—-
ออร์คต้องเอาตูไปแลกเงิน ไอ้คนซื้อก็คงไม่อยากได้ของมือสองใช่มั้ย?
เดมาเซียส่ายศีรษะพลางปลอบใจตัวเอง
เอาเหอะ แย่สุดก็แค่หาทางฆ่าตัวตายเพื่อกลับเมือง!
ตูล่ะสงสัยจริง ๆ ว่าเอลฟ์จะตายเพราะกัดลิ้นตัวเองมั้ย…
ทว่าการฆ่าตัวตายด้วยการกัดลิ้น เป็นเพียงสิ่งที่ถูกกล่าวถึงในนวนิยายแนวกำลังภายในบนดาวเคราะห์สีคราม ซึ่งไม่เป็นไปตามหลักการทางวิทยาศาสตร์…
ถ้า ๆ ๆ ๆ ๆ! …วิ่งอัดกำแพงล่ะ? หรือต้นไม้ดี??
เดมาเซียเริ่มคิดหาหนทางอย่างบ้าคลั่ง
ทว่าหนึ่งสิ่งที่มั่นใจได้ คือการที่เขาน่าจะยังปลอดภัยไปอีกพักใหญ่
เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาจึงล้มเลิกความตั้งใจประหลาด ๆ และกลับมามีความบ้าบิ่นแทน
เดมาเซียเริ่มชวนออร์คคุยไม่หยุด พยายามเก็บข้อมูลเพื่อประเมินว่าออร์คกลุ่มนี้จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับภารกิจเนื้อเรื่องหรือไม่
“หวัดดีพี่เบิ้ม พวกนายเป็นออร์คช่ายปะ?”
“เขี้ยวหยั่งใหญ่อ่ะ! แต่เหลืองไปหน่อยนะ …ไม่ได้แปรงฟันมานานเท่าไรแล้วเฮีย?”
“ดาบดูโคตรคม! อาวุธระดับไหนเนี่ย? กรอบทองปะ? ขอผมจับขอผมทัชพลีส?”
“สุดหล่อ! สุดหล่อ! สุดหล่อด้านหน้าอ่ะ! เลเวลไรเหรอ? ”
“พวกพี่เป็นนักล่าเอลฟ์ในตำนานใช่ป่าว? จะเอาชั้นไปขายมั้ย?”
“นี่กำลังพาไปไหนเนี่ย?
เอ่อ… ไม่ได้มีความคิดบัดสีกะเอลฟ์ชายใช่ปะ?”
“คือ… ถึงชั้นจะหล่อเหลาเอาเรื่อง …แค่ก แต่บางอย่างมันก็ต้องทำกับหญิงนาง …ใช่มั้ย?”
“อะแฮ่ม… จริง ๆ แล้วชั้นฟาดของเผ็ดเข้าไปเพียบเมื่อเที่ยง ท้องไส้กำลังปั่นป่วน… แถมยังมีน้องริดสีเป็นสหายที่ใต้กุงเกง…”
“คือ… พวกพี่มีแผนไรอยู่อ่ะ? เล่าให้ฟังได้ปะ? ไหน ๆ ก็จับชั้นมาแล้ว…”
“เฮ่เฮ่!
สนใจกันหน่อยได้มั้ย พูดคนเดียวมันน่าเบื่ออ่า–!”
“เฮ่เฮ่เฮ่!”
“…”
เดมาเซียพล่ามไม่หยุดราวกับผีเจาะปากมาให้พูด เขาสรรหาแต่ละสิ่งมาชวนคุยตลอดทาง…
จนในที่สุด หินดำก็ทนเอลฟ์หัวแดงไม่ไหวอีกต่อไป
“หุบปาก!”
มันตวาดด้วยโทสะ มือหนาคว้าเอาก็อบลินที่กำลังติดสอยห้อยตามขึ้นมาตัวหนึ่ง กระชากกางเกงผ้าเน่า ๆ ของสหายตัวเขียวมาฉีกเป็นสองส่วน และยัดเข้าไปอุดปากของเดมาเซีย ก่อนจะใช้ส่วนที่เหลือต่างถุง ครอบลงบนหัวของเอลฟ์หนุ่ม
โลกทั้งใบพลันกลับสู่ความสงบอีกครา
เดมาเซีย: “…”
…
…
_ .. _ .. _ .. _ .. _ .. _
T/N: SAY—
…
…
อ่านแปลไทยได้ที่ ค่ะ ถ้าถูกใจโปรเจ็คนี้ ขอความอนุเคราะห์ในการซัพพอร์ทที่ผู้แต่งโดยตรง ตามลิงก์หน้าแรกนะคะ
Support the project: https://book.qidian.com/info/1016509432
_ .. _ .. _ .. _ .. _ .. _