ตอนที่ 68 พูดคนเดียวมันน่าเบื่ออ่า–!

Game of the World Tree

เดมาเซียหน้าถอดสีเมื่อมองไปยังออร์คร่างสูงใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้า

เพียงหมัดเดียว… เพียงแค่หมัดเดียว! มันแทบจะพรากความสามารถในการเคลื่อนไหวของเขาไปทั้งหมด!

ยิ่งเมื่อเหลือบไปเห็นสถานะ ทุพพลภาพ ที่กะพริบไม่หยุดในแถบสเตตัสของตัวเอง เดมาเซียยิ่งรู้สึกหวาดหวั่นในพละกำลังของอีกฝ่าย

หากไม่นับร่างจุติของอูลร์ เดมาเซียไม่เคยรับการโจมตีอันทรงพลังขนาดนี้มาก่อน

แต่ร่างจุติของอูลร์นับเป็นกรณีพิเศษ…

เนื่องจากตัวตนของอีกฝั่งมีสถานะเป็นเทพ ผู้เล่นย่อมรู้สึกว่าความแข็งแกร่งอันเหลือเชื่อของมันเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล

แถมอูลร์ยังเป็นบอสของภารกิจหลัก ผู้เล่นย่อมมองว่าระดับความยากของมันอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม

และบอสภารกิจหลักอย่างอูลร์ ยังมีจุดอ่อนอย่างความไม่เสถียรของร่างจุติ จึงสามารถเอาชนะได้ด้วยกลยุทธ์คลื่นเอลฟ์…

ทว่าออร์ค ณ เบื้องหน้า นับว่าเป็นกรณีที่แตกต่างออกไป

มันไม่ได้มีจุดอ่อนเหมือนกับร่างจุติของอูลร์…แถมยังโค่นเดมาเซียด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว

ยิ่งไปกว่านั้น การโจมตีเมื่อครู่ยังดูราวกับเป็นเพียงเรื่องง่าย ๆ สำหรับมัน!

ไอ้นี่โคตรโหด!

ต่อหน้าอสูรกายอันแข็งแกร่งระดับนี้ เขาเชื่อว่าต่อให้เอากองทัพผู้เล่นมาวิ่งชาร์จใส่ ทุกคนก็คงจะถูกสังหารเกลี้ยงในเวลาเพียงอึดใจ …ไม่ต่างอะไรกับการปล่อยลูกเจี้ยบฝูงใหญ่วิ่งใส่หมาล่าเนื้อ

เชี่ยเอ้ย ตูเจอพี่เบิ้มตัวจริงใช่มั้ยเนี่ย?!

เอลฟ์หนุ่มลอบด่าอยู่ในใจ

รอบนี้ตูได้ตายซักทีแหง ๆ!

แต่ เดมาเซียผู้กล้าหาญ ย่อมแสดงความรับผิดชอบในฐานะผู้นำอย่างถึงที่สุด! เขาหันศีรษะไปตะโกนออกคำสั่งแก่ผู้ที่อยู่เบื้องหลัง

“เจอบอสป่า! พวกนายรีบหนีไป ชั้นจะล่อมันไว้เอง!” จริงจังหน่อย

น้ำเสียงของเขา …เต็มไปด้วยความโศกเศร้าอย่างยิ่งยวด!

แต่เอลฟ์หนุ่มกลับตัวแข็งทื่อเมื่อกล่าวจบ…

เพราะไม่มีใครสักคนอยู่รอฟังเขาตั้งแต่แรกแล้ว…

มีเพียงสายลมพัดโชยแผ่วเบาและใบไม้ที่ร่วงหล่น…

ไกลออกไปสุดระยะสายตา ยังพอเห็นเงาสูงสองสามร่างกำลังวิ่งหน้าตั้งทิ้งเขาไป…

เดมาเซีย: “…”

เขาพึมพำอย่างขุ่นเคืองเมื่อพบว่าบรรดาสมาชิกปาร์ตี้เลือกตัดช่องน้อยแต่พอตัว

“โถ่เว้ย… ตูประเมินพวกเอ็งต่ำไปจริงจริ๊ง!”

เอลฟ์หนุ่มถอนหายใจ เขาหันมาสบตากับออร์คเบื้องหน้าพลางยืดคอขึ้น

“จัดมาให้ว่อง”

เขารอให้อีกฝ่ายลงดาบด้วยท่าทางองอาจชาตินักรบ ไร้ซึ่งความหวาดกลัว

หินดำเลิกคิ้วเมื่อมองท่าทีของเอลฟ์ตรงหน้า

เอลฟ์ตัวนี้ช่างกล้าหาญ…

จากข้อมูลที่ได้รับจากหัวหน้านักบวชมหาคีรี หินดำทราบมาว่าเอลฟ์เหล่านี้อาจจะมีความเป็นอมตะ

แต่ถึงอย่างไร มันเชื่อว่าความเป็นอมตะของอีกฝ่ายย่อมมีข้อจำกัดบางอย่าง

มันเคยรับมือกับผู้ใช้เวทมนตร์แห่งความตายตั้งแต่สมัยที่เพิ่งจะรับตำแหน่งนักรบ จึงได้ล่วงรู้ความลับบางประการเกี่ยวกับศาสตร์แขนงนี้

แม้เหล่าสาวกของเทพแห่งความตายมีความเป็นอมตะ แต่ก็ต้องแลกกับการที่ดวงวิญญาณของตนจะอ่อนแอลงครั้งแล้วครั้งเล่า…

เมื่อกายเนื้อของพวกเขาตาย บางส่วนของวิญญาณจะหายไป เป็นการเสื่อมสลายที่มิอาจแก้ไข และนำไปสู่การพังทลายในที่สุด…

ด้วยเหตุนี้ ในมุมมองของหินดำ แม้ฝ่ายตรงข้ามจะครอบครองความเป็นอมตะ แต่เอลฟ์ตนนี้ย่อมไม่เต็มใจที่จะต้องจบชีวิตซ้ำ ๆ

เพราะท้ายที่สุดแล้ว ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดที่เป็นอมตะอย่างแท้จริง! พวกมันแค่ผลัดวันตายของตนออกไปเท่านั้น…

นอกจากนี้ การพังทลายของดวงวิญญาณยังถือเป็นสิ่งที่เลวร้ายกว่าความตายในรูปแบบสามัญอย่างยิ่งยวด …

หินดำรู้สึกเคารพในความกล้าหาญของเอลฟ์เบื้องหน้า

ในขณะเดียวกัน เหล่าสมุนออร์คได้เริ่มไล่ตามหินดำมาทัน พวกมันต่างเตรียมตัวออกล่าบรรดาเอลฟ์ที่เพิ่งจะวิ่งหนีไป ทว่าหินดำกลับหยุดฝูงออร์คไว้อย่างรวดเร็ว

“ไม่จำเป็น เจ้านี่น่าจะเป็นผู้นำกลุ่ม ขอแค่จับมันกลับไปก็จะได้ข้อมูลจำนวนมาก”

มือหนาของมันโบกเป็นเชิงสั่งการ

“มัดมันไว้”

ออร์คอัปลักษณ์สองสามตัวรุดเข้ามาคว้าเอาดาบโค้งออกจากมือของเอลฟ์หนุ่มที่กองอยู่กับพื้น ก่อนจะใช้เชือกเส้นเขื่องมามัดร่างของเขาอย่างแน่นหนา…

เดมาเซียตื่นตะลึงเมื่อเห็นการกระทำของพวกออร์คตรงหน้า

เดี๋ยว… ทำไมบอสตัวนี้เล่นนอกกรอบ?

ปกติมันต้องกระทืบตูจนตายไม่ใช่เรอะ?

มัดทำไมฟะ?

เดะนะ…

ตูจะเจอเควสจริง ๆ ใช่ปะเนี่ย?!

บางสิ่งผุดขึ้นมาในใจของเดมาเซีย เขาหวนนึกถึงข้อมูลบางอย่างที่นักบุญอลิซเคยกล่าวไว้

กลุ่มออร์คนักล่า…

ล่าอะไร… ล่าเอลฟ์

ล่าไปทำไม… เอาไปขาย

เดี๋ยว… อย่างบอกว่าตูเจอพวกออร์คนักล่านะ?

ดวงตาของเขาเปล่งประกายขึ้นมาช้า ๆ

ออร์คคือศัตรูตัวฉกาจของเอลฟ์!

แม่เอ้ย! เควสลับ!

ตูเจอเควสลับแน่ ๆ!

ความโศกเศร้าของเอลฟ์หนุ่มที่เกิดจากการสูญเสียจำนวนครั้งคืนชีพสมบูรณ์และอุปกรณ์สวมใส่พลันมลายหายไป

หินดำปั้นหน้านิ่วเมื่อเห็นเอลฟ์ที่ตนจับได้แสดงท่าทีตื่นเต้น ทั้ง ๆ ที่มันควรจะเป็นความหวาดกลัวหรือความโกรธแค้น

หรือว่าเอลฟ์ตัวนี้ …จะสติฟั่นเฟือน?

มันส่ายศีรษะพลางโบกมือให้กับลูกสมุน

“กลับฐานที่มั่น”

เมื่อจับเอลฟ์ได้แล้ว หินดำก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่ที่นี้อีกต่อไป มันเกรงว่าตนอาจจะพบสาวกของเทพแห่งความตายอันทรงพลังเข้าถ้ายังขืนอ้อยอิ่งอยู่ในป่าเอลฟ์

แถมเอลฟ์ตนนี้ยังมีอาวุธและชุดเกราะที่หรูหรา มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นระดับผู้นำ ย่อมมีข้อมูลรอให้รีดมากมาย!

อืม… ถึงมันจะอ่อนแอไปหน่อยก็เถอะ…

แม้หินดำจะคาดการณ์ไว้หลายส่วน แต่มันไม่เคยคาดคิดว่าเหล่าเอลฟ์จะอ่อนแอถึงเพียงนี้!

“หุหุหุ”

“กากเยี่ยงก็อบ-”

ลูกสมุนของหินดำมองเดมาเซียด้วยความหยามเหยียด มือหนาของมันคว้าตัวเอลฟ์ผมแดงขึ้นมา

“เชี่ยอย่าจับนมตู เจ็บโว้ย หายใจไม่ออก–!”

เดมาเซียร้องลั่น

ออร์คตัวนั้นชำเลืองมองเอลฟ์หนุ่มด้วยหางตา ก่อนจะคว้าหมับเข้าที่ขาข้างหนึ่งเพื่อยกเขาพาดบ่าในท่าห้อยหัว

เดมาเซีย: “…”

ใบหน้าของเขาพลันซีดเซียว

“ขะ– ข้าวกลางวันจะย้อนออกมาแล้ว… อ่อก….”

แต่ในครั้งนี้ ไม่มีออร์คตัวใดสนใจคำพูดของเขาอีก

พวกมันพากันล่าถอยพร้อมกับ รางวัลจากการล่า ที่อยู่ในสภาพกลับหัวกลับหาง

ร่างของเอลฟ์ผมแดงถูกมัดไว้อย่างแน่นหนา จังหวะการก้าวเดินที่กระชับและรวดเร็วของออร์คทำให้เขาแทบจะขย้อนของในท้องออกมาได้ทุกเมื่อ

ทว่าเอลฟ์หนุ่มกลับไม่รู้สึกกลัวหรือกังวลใด ๆ เลยแม้แต่น้อย ซ้ำยังเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น

เดมาเซียเชื่อว่าเหล่าออร์คกลุ่มนี้จะไม่ลงมือฆ่าตนอย่างแน่นอน

พวกมัน… ตั้งใจจะจับตูไปทำอะไรซักอย่าง

ทำอะไรซักอย่าง…

เอะ…

เอ่อ… ออร์คพวกนี้มันไม่น่าจะมีรสนิยมอย่างว่าใช่ปะ?

ร่างกายของเขาสั่นเกร็งขึ้นมาทันที โดยเฉพาะเมื่อสายตาจับจ้องไปที่ร่างกายอันกำยำและท่าทีอันดุร้ายของหินดำ…

เอลฟ์หนุ่มรู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย ใบหน้าของเขาพลันซีดเซียวเมื่อนึกถึงชะตากรรมที่รออยู่

โนโนโน—-

ออร์คต้องเอาตูไปแลกเงิน ไอ้คนซื้อก็คงไม่อยากได้ของมือสองใช่มั้ย?

เดมาเซียส่ายศีรษะพลางปลอบใจตัวเอง

เอาเหอะ แย่สุดก็แค่หาทางฆ่าตัวตายเพื่อกลับเมือง!

ตูล่ะสงสัยจริง ๆ ว่าเอลฟ์จะตายเพราะกัดลิ้นตัวเองมั้ย…

ทว่าการฆ่าตัวตายด้วยการกัดลิ้น เป็นเพียงสิ่งที่ถูกกล่าวถึงในนวนิยายแนวกำลังภายในบนดาวเคราะห์สีคราม ซึ่งไม่เป็นไปตามหลักการทางวิทยาศาสตร์…

ถ้า ๆ ๆ ๆ ๆ! …วิ่งอัดกำแพงล่ะ? หรือต้นไม้ดี??

เดมาเซียเริ่มคิดหาหนทางอย่างบ้าคลั่ง

ทว่าหนึ่งสิ่งที่มั่นใจได้ คือการที่เขาน่าจะยังปลอดภัยไปอีกพักใหญ่

เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาจึงล้มเลิกความตั้งใจประหลาด ๆ และกลับมามีความบ้าบิ่นแทน

เดมาเซียเริ่มชวนออร์คคุยไม่หยุด พยายามเก็บข้อมูลเพื่อประเมินว่าออร์คกลุ่มนี้จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับภารกิจเนื้อเรื่องหรือไม่

“หวัดดีพี่เบิ้ม พวกนายเป็นออร์คช่ายปะ?”

“เขี้ยวหยั่งใหญ่อ่ะ! แต่เหลืองไปหน่อยนะ …ไม่ได้แปรงฟันมานานเท่าไรแล้วเฮีย?”

“ดาบดูโคตรคม! อาวุธระดับไหนเนี่ย? กรอบทองปะ? ขอผมจับขอผมทัชพลีส?”

“สุดหล่อ! สุดหล่อ! สุดหล่อด้านหน้าอ่ะ! เลเวลไรเหรอ? ”

“พวกพี่เป็นนักล่าเอลฟ์ในตำนานใช่ป่าว? จะเอาชั้นไปขายมั้ย?”

“นี่กำลังพาไปไหนเนี่ย?

เอ่อ… ไม่ได้มีความคิดบัดสีกะเอลฟ์ชายใช่ปะ?”

“คือ… ถึงชั้นจะหล่อเหลาเอาเรื่อง …แค่ก แต่บางอย่างมันก็ต้องทำกับหญิงนาง …ใช่มั้ย?”

“อะแฮ่ม… จริง ๆ แล้วชั้นฟาดของเผ็ดเข้าไปเพียบเมื่อเที่ยง ท้องไส้กำลังปั่นป่วน… แถมยังมีน้องริดสีเป็นสหายที่ใต้กุงเกง…”

“คือ… พวกพี่มีแผนไรอยู่อ่ะ? เล่าให้ฟังได้ปะ? ไหน ๆ ก็จับชั้นมาแล้ว…”

“เฮ่เฮ่!

สนใจกันหน่อยได้มั้ย พูดคนเดียวมันน่าเบื่ออ่า–!”

“เฮ่เฮ่เฮ่!”

“…”

เดมาเซียพล่ามไม่หยุดราวกับผีเจาะปากมาให้พูด เขาสรรหาแต่ละสิ่งมาชวนคุยตลอดทาง…

จนในที่สุด หินดำก็ทนเอลฟ์หัวแดงไม่ไหวอีกต่อไป

“หุบปาก!”

มันตวาดด้วยโทสะ มือหนาคว้าเอาก็อบลินที่กำลังติดสอยห้อยตามขึ้นมาตัวหนึ่ง กระชากกางเกงผ้าเน่า ๆ ของสหายตัวเขียวมาฉีกเป็นสองส่วน และยัดเข้าไปอุดปากของเดมาเซีย ก่อนจะใช้ส่วนที่เหลือต่างถุง ครอบลงบนหัวของเอลฟ์หนุ่ม

โลกทั้งใบพลันกลับสู่ความสงบอีกครา

เดมาเซีย: “…”

_ .. _ .. _ .. _ .. _ .. _

T/N: SAY—

อ่านแปลไทยได้ที่ ค่ะ ถ้าถูกใจโปรเจ็คนี้ ขอความอนุเคราะห์ในการซัพพอร์ทที่ผู้แต่งโดยตรง ตามลิงก์หน้าแรกนะคะ

Support the project: https://book.qidian.com/info/1016509432

_ .. _ .. _ .. _ .. _ .. _