หลังจากความเจ็บปวดในร่างกายดีขึ้นเล็กน้อย ลู่เฟิง ก็มองไปที่ หลวนเฉิน ด้วยรอยยิ้ม”เจ้าไม่จำเป็นจะต้องเศร้าเสียใจไป เหตุผลที่ข้าชนะเจ้าเป็นเพราะใช้เทคนิคลับบางอย่าง หากเป็นยามปกติข้าย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าอย่างแน่นอน”

หลวนเฉิน ไม่ได้ตอบ แต่สำหรับเขาความพ่ายแพ้ก็คือความพ่ายแพ้

“พระบารมีของฝ่าบาทยอดเยี่ยมหาใดเปรียบ”

จางฮั่น ได้เดินเข้ามาและกล่าวพูดด้วยความเคารพ

“เอาล่ะ จางฮั่น เจ้าลงไปแจ้งให้ เตียวอุ๋น เตรียมพร้อม เขาจะไปที่แนวหน้ากับข้า”ลู่เฟิง มองไปที่ จางฮั่น และพูดขึ้น

ในสงครามครั้งนี้ กองทัพองค์รักษ์ส่วนพระองค์นั้นก็จะเข้าร่วมด้วย!

“กระหม่อมรับบัญชา!”

จางฮั่น ได้ตอบกลับและรีบลงไปแจ้ง เตียวอุ๋น

ลู่เฟิงมองไปที่ หลวนเฉิน และพูดขึ้น”หลวนเฉิน ตามข้าไปที่ห้องศึกษา”

“ขอรับ!”

ลู่เฟิง ได้พา หลวนเฉิน ไปถึงที่ห้องศึกษาอย่างรวดเร็ว

เขามองไปที่ หลวนเฉิน ตรงหน้าและกล่าวถาม”อาการบาดเจ็บของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”

“ทูลฝ่าบาท อาการของข้าน้อยมิได้ร้ายแรงอะไร”หลวนเฉิน ตอบกลับด้วยท่าทีสุภาพ

ลู่เฟิง พยักหน้า”ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”

หลังจากหยุดไปชั่วครู่ ลู่เฟิง ก็กล่าวถามกับ หลวนเฉิน”บอกความสัมพันธ์ของเจ้ากับนิกายดาบวิญญาณให้ข้ารู้”

การแสดงออกของ หลวนเฉิน ได้เปลี่ยนไปเล็กน้อยเขารีบตอบกลับทันที”ทูลฝ่าบาท ข้าน้อยมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับนิกายดาบวิญญาณ”

“ไม่มีจริง ๆ เหรอ?”

ลู่เฟิง มองไปที่ หลวนเฉินและพูดขึ้น”รู้ไหมว่าหลอกลวงจักรพรรดิมีโทษฐานอย่างไร?”

“นี่…”

หลวนเฉิน ได้ครุ่นคิดอยู่ครู่นึงและตอบกลับ”ทูลฝ่าบาท ข้าน้อย มิบังอาจ เพียงแต่ ที่ข้าน้อยมีความเกี่ยวข้องกับนิกายดาบวิญญาณสว่นใหญ่เป็นเพราะนิกายดาบวิญญาณฆ่าล้างตระกูลของข้า”

“ตระกูลของเจ้า?”ลู่เฟิงมองไปที่ หลวนเฉิน และกล่าวถาม”เล่าสถานการณ์ให้ข้าฟัง”

หลวนเฉิน ไม่ได้ปิดบังอีกเขาได้ตอบกลับทันที”ห้าสิบปีที่แล้วตระกูลของข้าเป็นเพียงตระกูลเล็ก ๆ ในอาณาจักรที่ถูกควบคุมโดยนิกายดาบวิญญาณ ซึ่งความแข็งแกร่งของพวกเขาก็ไม่ได้มากมายนัก ตระกูลของข้าโชคดีได้รับดาบโกลาหล เล่มนึงมา ภายในดาบนั้นบรรจุด้วยเคล็ดวิชาโกลาหล แต่เนื่องจากดาบโกลาหล นั้นเลือกนาย ดังนั้นมันจึงไม่ตอบสนองอะไรจนกระทั่งข้าน้อยเกิดเมื่อ 35 ปีที่แล้ว ดาบโกลาหล นั้นเลือกนายของมันเอง ดังนั้นข้าน้อยจึงได้รับดาบมาและได้ฝึกฝนเทคนิคดาบโกลาหลในช่วงเวลานั้น”

“ตระกูลของข้าน้อยตั้งความหวังกับข้าน้อยไว้สูงมาก แต่ใครจะไปคิดว่าแปดปีต่อมาคนของนิกายดาบวิญญาณกลับได้รู้ข่าวคราวเรื่องดาบโกลาหล พวกเขาได้เดินทางมาที่ตระกูลของข้าเพื่อที่จะขอซื้อดาบด้วยจำนวนเงินที่เยอะมาก”

“แต่เพราะตอนนั้น ดาบโกลาหล ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งกับข้าน้อยไปแล้ว ทำให้ ท่านพ่อของข้า ปฏิเสธคำขอของนิกายดาบวิญญาณไป เดิมทุกคนคิดว่ามันจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี แต่ใครจะไปคิด นิกายดาบวิญญาณ จะส่งยอดฝีมือขั้นปรมาจารย์มาสังหารทุกคนในช่วงเวลาสั้น ๆ สมาชิกตระกูลของข้าน้อยมากกว่าสามร้อยชีวิตได้ถูกสังหารเรียบ”

“มีเพียงข้าน้อยที่เป็นเด็กเล่นซนในตอนนั้นและไม่ได้อยู่ในอาณาเขตของตระกูลทำให้รอดชีวิตมาได้ ตั้งแต่นั้นมาข้าน้อยก็ได้ฝึกฝนทักษะดาบโกลาหลอย่างหนักเพื่อเป็นนักฆ่า แต่แล้ววันนึง ในวันที่ข้าคิดว่าตนเองมีพละกำลังมากพอ ข้าได้เดินทางไปลอบสังหารอาวุโสของนิกายดาบวิญญาณ และคิดว่าจะสังหารเขาได้ในดาบเดียว แต่ข้ากลับได้รับบาดเจ็บจากการซัดพลังฝ่ามือของอาวุโสคนนั้นและเกือบถูกฆ่าตาย”

“โชคดีที่ ตอนนั้นข้าหลบหนีจากการตามล่าของนิกายดาบวิญญาณได้ จากนั้นก็มาพบ จักรพรรดิลู่เซียนหวาง บิดาของท่านในตอนนั้น”

เมื่อได้ยินคำพูดของ หลวนเฉิน ลู่เฟิง ได้ถอนหายใจออกมา เขาไม่คิดเลยว่า หลวนเฉิน จะมีประสบการณ์ชีวิตเช่นนี้

เขามองไปที่ หลวนเฉิน และ กล่าวถาม”เจ้าต้องการแก้แค้นหรือไม่?”

หลวนเฉิน ได้ยิ้มอย่างขมขื่น”ตั้งแต่ที่ข้าล้มเหลว ข้าเองก็รู้ตัวดีว่านิกายดาบวิญญาณไม่ใช่สิ่งที่ข้าจะคิดเรื่องการแก้แค้นได้”

“หาได้เป็นเช่นนั้น!”

ลู่เฟิง ยิ้มจาง ๆ “เชื่อข้าเถอะ สักวันนึง ข้าจะทำลายนิกายดาบวิญญาณและช่วยเจ้าในการแก้แค้น”

หลวนเฉิน ไม่ได้ตอบ แต่เขาก็บังเกิดความหวังในใจ

แม้ว่าทัศนคติของลู่เฟิง ต่อนิกายดาบวิญญาณจะยากมาก แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่เขาเป็นนักฆ่า เขาเคยเห็นอาณาจักรที่คิดเป็นศัตรูกับนิกายดาบวิญญาณ ก็มักมีจุดจบไม่สวย สุดท้ายพวกเขาก็หาทางจับมือกันเพื่อสร้างสันติภาพ

ตอนนี้ ลู่เฟิง และ นิกายดาบวิญญาณ เป็นศัตรูคู่อาฆาต แต่ใครจะไปรู้ว่าสุดท้ายแล้ว พวกเขาจะจับมือกันเพื่อสร้างสันติภาพในอนาคตหรือไม่

แต่เขาก็หวังว่าลึก ๆ ในใจ ว่าเขาจะได้ติดตาม ลู่เฟิง ไปสู่การแก้แค้น

“กลับไปและฝึกฝนอย่างหนัก เมื่อเจ้ามีความแข็งแกร่งพอแล้ว ข้าจะนำเจ้าไปล้างบางนิกายดาบวิญญาณด้วยตนเอง!”ลู่เฟิง ได้ตอบกลับเบา ๆ

แม้ว่าวิกฤตที่เขาเผชิญอยู่ตอนนี้จะยิ่งใหญ่ แต่ความมั่นใจของเขาก็ไม่เคยเปลี่ยน

ในฐานะจักรพรรดิ หากสูญเสียความมั่นใจ จะไปต่างอะไรกับปลาน้อยในบ่อน้ำ?

ลู่เฟิง เชื่อมั่นว่าเขาจะสามารถแก้ไขวิกฤติในปัจจุบันได้อย่างแน่นอน ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือการทำลายนิกายดาบวิญญาณ

“ฝ่าบาท มีคนมาขอเข้าเฝ้าพระองค์”

สามวันต่อมา ขณะที่ ลู่เฟิง กำลังยุ่งอยู่เกี่ยวกับการเมืองในห้องศึกษา เสี่ยวไห่ฉี ก็เดินเข้ามารายงาน

“ผู้ใด?”

“ชายคนนั้นบอกว่า เป็นคนที่ อัครมหาเสนาบดีซุน แนะนำมา ข้าน้อยมิกล้าที่จะละเลย ดังนั้น จึงได้สั่งให้ องค์รักษ์กักตัวพวกเขาไว้และรีบมารายงานพระองค์”เสี่ยวไห่ฉี ได้ตอบกลับ

“แนะนำโดย เจี๋ยสวี่?”

ลู่เฟิง ได้วางสิ่งอื่น ๆ ลงและกล่าวถาม เสี่ยวไห่ฉี”เขาบอกว่า เจี๋ยสวี่แนะนำมาใช่หรือไม่?”

“นี่คือสิ่งที่ข้าน้อยได้ยินมา”เสี่ยวไห่ฉี รีบตอบกลับ

ลู่เฟิง ได้บ่นพึมพัมในใจ”ตัวตนของ หลิวจี๋ ถูกตั้งให้เป็นสหายของ เจี๋ยสวี่ ในเมื่อเขาได้รับคำแนะนำจาก เจี๋ยสวี่ เขาจะมาเยี่ยมฉันภายในสามวัน นี่ก็น่าจะครบกำหนดสามวันแล้ว”

ทันใดนั้น ลู่เฟิง ก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย ตราบใดที่เขาสามารถทำให้ หลิวจี๋ จงรักภักดีได้ ด้วยความสามารถของอีกฝ่าย ย่อมช่วยเหลือเขาในการต้านทานทัพของอาณาจักรอู๋เซียงได้อย่างแน่นอน

“เชิญเขาเข้ามา!”ลู่เฟิง ได้ตอบกลับ

“ขอรับ!”

เสี่ยวไห่ฉี ได้ตอบกลับและรีบไปทำตามคำสั่งของลู่เฟิง

“เดี๋ยวก่อน!”

ลู่เฟิง ได้ครุ่นคิดเล็กน้อยและตอบกลับ”เดี๋ยวข้าไปเอง”

หลิวจี๋ เป็นคนที่มีชื่อเสียงอย่างมาก เขาไม่แน่ใจเกี่ยวกับอารมณ์และท่าทีของอีกฝ่าย ดังนั้น ลู่เฟิง ควรจะทำตัวมีมารยาทมากกว่านี้

เสี่ยวไห่ฉี รู้สึกตกใจมาก เขาได้คาดเดาสถานะตัวตนของคนที่มารอจักรพรรดิอยู่นอกวัง ใครกันที่สามารถทำให้ จักรพรรดิ เสด็จไปหาด้วยตนเอง

หลังจากนั้นไม่นาน ลู่เฟิง ก็ออกไปนอกประตูวัง

เขาเห็นบุรุษในชุดสีขาวโพลนวัยสามสิบมีรูปร่างผอมและมีลักษณะที่ดี

เมื่อเห็นสิ่งนี้ ราวกับว่าอีกฝ่ายหลุดมาจากวรรณกรรมอย่างงั้น

แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดก็คือใบหน้าที่พิเศษของเขา

คนธรรมดา หากเห็น หน่วยองค์รักษ์ จำนวนมากเช่นนี้ ย่อมบังเกิดความหวาดกลัวอย่างแน่นอน แต่อีกฝ่ายมองราวกับว่านี่เป็นเรื่องปกติ

ลู่เฟิง เชื่อว่า ชายคนนี้จะต้องเป็น หลิวจี๋ อย่างแน่นอน

เขาเดิน ไปและโค้งคำนับตามมารยาทก่อนที่จะกล่าวถาม”ท่านคือ อาจารย์หลิว ใช่หรือไม่?”

หลิวจี๋ ได้มองไปที่ ลู่เฟิง เขาได้ทำความเคารพอย่างรวดเร็ว”ฝ่าบาท ทรงรู้จักกระหม่อมด้วยงั้นหรือ?”

ลู่เฟิง ได้ยิ้มออกมา”ก่อนที่ เหวินเหอ จะจากไป เขาได้บอกกับข้าว่า หลิวจี๋ สหายคนสนิทของเขา จะมาพบข้าที่เมืองหลวง ในอนาคตอันใกล้ พอนับเวลาดูเหมือนจะเป็นวันนี้กระมัง”

เมื่อ หลิวจี๋ ได้ยิน เขาก็ยิ้มออกมาอย่างบิดเบี้ยว”บุรุษพิษคนนั้นกลับสามารถคำนวณเวลาที่ข้าจะมาถึงได้”

ลู่เฟิง ได้ยินก็หัวเราะในใจ เจี๋ยสวี่ ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ แต่เป็นฉันต่างหากที่เรียกนายมาและระบบเป็นคนผลูกฝังทุกอย่าง

ดังนั้น เรื่องนี้จะต้องมีอยู่ในความทรงจำของ เจี๋ยสวี่ ตอนนี้อย่างแน่นอน