บทที่ 272-2 ทักษะสรรค์สร้าง (2)

สูตรโกงฉบับเด็กเรียน

บทที่ 272 ทักษะสรรค์สร้าง (2)

ต่งเล่อพูดจบก็ถอนหายใจ “น่าเสียดายที่วันนี้ฮีโร่หนุ่มของพวกเราไม่ได้มาที่นี่ เพราะเมื่อทราบข่าวว่าที่เมียนมาเกิดแผ่นดินไหว เขาก็รีบเก็บกระเป๋าและมุ่งหน้าไปที่นั่นทันที โปรดปรบมือให้กับเขาอย่างจริงใจกันครับ ต่อไปทางเราขอเชิญคุณหูไฉ่อวิ๋น แม่ของคุณไป๋เยี่ยขึ้นมารับรางวัลบนเวทีครับ”

หูไฉ่อวิ๋นลุกขึ้นด้วยท่าทีสงบเสงี่ยมและเดินตรงไปที่เวที สีหน้าของเธอเรียบเฉย ไร้ซึ่งความสุขหรือความทุกข์ใดๆ จนเดาสิ่งที่อยู่ในใจไม่ออก

ในงานใหญ่เช่นนี้เธอไม่ได้รับอนุญาตให้แสดงออกหรือกล่าวอะไรมากนัก การมอบรางวัลเป็นไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งหูไฉ่อวิ๋นเองก็รู้สึกอึดอัดที่ต้องยืนอยู่ตรงนั้นไม่น้อยเลย

หูไฉ่อวิ๋นคิดว่าไม่ว่าจะได้รับเกียรติยศรูปแบบใด ก็เทียบไม่ได้กับตอนที่ไป๋เยี่ยมานั่งห่อเกี๊ยวข้างๆ และดูงานกาล่าไปด้วย

ท้ายที่สุดแล้วแสงสีต่างๆ ก็เป็นเพียงบทหนึ่งเท่านั้น ความเรียบง่ายต่างหากที่เป็นเส้นเรื่องหลักของชีวิต

หลังจากจบพิธีมอบรางวัลแล้ว การแสดงก็ดำเนินต่อไป

ทว่าทุกคนตรงหน้าต่างพากันนั่งเงียบ

คนท้องถิ่นหลายคนพูดและเข้าใจภาษาจีนได้ ถึงพวกเขารู้ว่าไป๋เยี่ยทั้งเก่งและเชี่ยวชาญมาก แต่พวกเขาก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าไป๋เยี่ยจะเป็นคนที่สุดยอดขนาดนี้!

การที่ไป๋เยี่ยได้ขึ้นไปรับรางวัลเกียรติยศระดับประเทศที่งานกาล่าตรุษจีนนั้นคือสิ่งที่ผู้คนคอยเฝ้ามองอยู่!

หากจะต่อล้อต่อเถียงกับบรรดาผู้ที่ต่อต้านไป๋เยี่ย ก็คงบอกได้ว่าสิ่งที่ไป๋เยี่ยแบกรับไว้คือประเทศชาติและสิ่งที่คอยหนุนหลังเขาไว้ก็คือสาธารณรัฐประชาชนจีนแห่งนี้เอง!

ทว่าคนที่อนาคตก้าวไกลอย่างเขากลับมาที่นี่เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์จนไม่ได้นอนมากว่าสี่สิบชั่วโมง

ทุกคนยังคงเงียบ

จากนั้นหลายๆ คนก็เริ่มมองไปทางไป๋เยี่ย และพบว่าเขากำลังนอนหลับสนิท…

หลีจื่อเหยียนเห็นดังนั้นก็พลันรู้สึกเขินอายขึ้นมาทันใด ระหว่างที่ทุกคนกำลังมุ่งความสนใจไปที่ไป๋เยี่ยนั้น หลีจื่อเหยียนก็กำลังวางมือข้างหนึ่งลงบนศีรษะของไป๋เยี่ย ส่วนอีกข้างหนึ่งทาบกับใบหน้าของเขา

หลีจื่อเหยียนเคอะเขินจนทำตัวไม่ถูก จะปล่อยไป๋เยี่ยไปก็ไม่ได้ แต่ไม่ปล่อยก็ประหม่า

ใบหน้าของเธอค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีกุหลาบเมื่อสะท้อนกับแสงไฟ

ทุกคนต่างมีสีหน้ายิ้มแย้ม ทว่าพวกเขากลับไม่รู้เลยว่ารอยยิ้มเหล่านั้นกลับทำให้จิตใจอันอ่อนโยนและดื้อรั้นของหญิงสาวนั้นหนักแน่นยิ่งขึ้น

บางทีเธออาจจะเป็นเกราะกำบังให้เขาในคืนวันขึ้นปีใหม่ที่แสนเงียบสงบ

ไป๋เยี่ยหลับไปแปดชั่วโมง เมื่อตื่นขึ้นมาเขาก็รู้สึกว่าร่างกายของเขามีพลังงานเต็มเปี่ยม ตอนนี้เขาจึงค้นพบว่าแท้จริงการนอนหลับเพียงพอก็คือเรื่องหายากดีๆ นี่เอง

ที่นี่มีผู้บาดเจ็บรวมๆ กว่าสองร้อยราย ประมาณหนึ่งร้อยเจ็ดสิบรายมีอาการคงที่แล้ว ซึ่งทั้งหมดล้วนได้รับการผ่าตัดและทำกายภาพบำบัดเรียบร้อยแล้ว อพยพไปเมืองใกล้เคียงได้

หลังจากที่อพยพผู้บาดเจ็บไปแล้ว ฐานกู้ภัยก็หลงเหลือเพียงความว่างเปล่า

จำนวนผู้บาดเจ็บทั้งหมดที่รับมาคือสองร้อยหกสิบราย รักษาจนหายแล้วสองร้อยยี่สิบราย ตัวเลขดังกล่าวถือได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์ในเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้

อัตราการรอดชีวิตของผู้บาดเจ็บที่ฐานกู้ภัยแหล่งอื่นๆ นั้นน้อยกว่าครึ่ง ทั้งที่ผู้บาดเจ็บที่ถูกเคลื่อนย้ายไปต่างมีอาการสาหัสน้อยกว่าที่นี่มาก

เป็นผลทำให้ชื่อเสียงของไป๋เยี่ยโด่งดังไปทั่วสถานที่แห่งนี้ ทีมกู้ภัยจำนวนมากจึงเลือกส่งผู้บาดเจ็บอาการสาหัสมาที่นี่ เพราะหวังว่าผู้บาดเจ็บจะได้รับการรักษาที่มีประสิทธิภาพ

ในช่วงบ่ายของวันปีใหม่ ไป๋เยี่ยก็ได้รับข้อความแจ้งเตือนจากระบบ

[ติ๊ง! ยินดีด้วย ทักษะด้านกระดูกและข้อของคุณเพิ่มขึ้นเป็นเลเวล 5 แล้ว]

[ติ๊ง! ยินดีด้วย ทักษะกายภาพบำบัดของคุณเพิ่มขึ้นเป็นเลเวล 6 แล้ว]

[ติ๊ง! ยินดีด้วย ทักษะด้านกระดูกและข้อของคุณได้รับการบูรณาการเข้ากับทักษะการแพทย์ฉุกเฉิน คุณจึงได้สร้างทักษะการแพทย์กระดูกและข้อฉุกเฉินขึ้นมา!]

[ติ๊ง! หลังจากที่ระบบระบุทักษะแล้ว ทักษะการแพทย์กระดูกและข้อฉุกเฉินจะถูกบันทึกไว้ในระบบ ซึ่งนี่เป็นทักษะที่มีคุณค่าต่อการเผยแพร่มาก ดังนั้นโปรดแสดงทักษะนี้ออกไป และเนื่องด้วยท่านสมาชิกได้ทำการสร้างทักษะใหม่ขึ้นมาด้วนตนเอง ทักษะนี้จะได้รับเลเวล 6 ซึ่งเป็นระดับปรมาจารย์โดยอัตโนมัติ]

ไป๋เยี่ยนิ่งงันไป

การแพทย์กระดูกและข้อฉุกเฉิน

นี่มันเรื่องบ้าอะไร

ทักษะที่เราสร้างเอง

มันคืออะไรอีกเนี่ย

ไป๋เยี่ยสับสนเล็กน้อย เขาไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งเขาจะสร้างทักษะการแพทย์กระดูกและข้อฉุกเฉินขึ้นมาได้

คิดได้ดังนั้น ไป๋เยี่ยก็นั่งลงทำใจให้สงบ ช่วงนี้เขาต้องทำการผ่าตัดและทำกายภาพบำบัดหลายครั้ง อันที่จริงตอนนั้นไป๋เยี่ยเองก็มีความคิดมากมายผุดเข้ามาในหัว แต่เพราะเขายุ่งเกินกว่าจะมีเวลานั่งคิดต่อจึงได้แต่พับความคิดเหล่านั้นลงไปก่อน

หลังจากที่ได้นอนหลับเมื่อคืน ไป๋เยี่ยก็รู้สึกว่าตนเองเริ่มเข้าใจองค์ความรู้เหล่านั้นอย่างลึกซึ้ง

เขาได้รับประสบการณ์มากมายจากที่นี่และมีโอกาสได้ลงมือปฏิบัติหลายครั้ง ปกติแล้วในหนึ่งวันไป๋เยี่ยจะมีเวลาที่ได้รับค่าประสบการณ์ราวๆ ยี่สิบชั่วโมง ทั้งยังได้โบนัสค่าประสบการณ์สองเท่าจากบัฟโหมดดันเจี้ยนอีกด้วย

ค่าประสบการณ์ที่จำเป็นต้องใช้ในการอัปเลเวลทักษะกายภาพบำบัดขึ้นจากเลเวลห้าเป็นหกคือห้าหมื่นแต้ม แต่เขาไม่คิดเลยว่าเลเวลจะขึ้นไวขนาดนี้

นอกจากนี้ทักษะด้านกระดูกและข้อของเขาก็อัปขึ้นเป็นเลเวลห้าด้วย อีกทั้งตอนนี้เขายังได้สร้างทักษะการแพทย์กระดุกและข้อฉุกเฉินเลเวลหกขึ้นมาด้วย

ไป๋เยี่ยเดาว่าอาจจะเป็นเพราะหลังเกิดแผ่นดินไหว ผู้บาดเจ็บจำนวนมากมักมาด้วยอาการกระดูกหัก พอดีกับที่เขามีทักษะด้านนี้ในเลเวลที่สูงและได้ลงมือปฏิบัติหลายครั้งจึงได้สร้างทักษะใหม่ขึ้นมา

โอกาสนี้มีเพียงครั้งเดียวในชีวิต

ไป๋เยี่ยคิดแล้วก็หยิบสมุดโน้ตและปากกาขึ้นมาเขียนจัดระเบียบความคิดของเขาในช่วงนี้

วันนี้มีผู้บาดเจ็บอาการสาหัสถูกส่งตัวมาที่ฐานกู้ภัยน้อย บางทีคนท้องถิ่นก็อาจจะตั้งใจให้ไป๋เยี่ยและทีมแพทย์หยุดพักก็เป็นได้ วันแรกของปีจึงผ่านไปอย่างสบายๆ

แต่ถึงกระนั้น ไป๋เยี่ยก็ไม่ได้เกียจคร้าน เขายังคงสรุปความรู้ที่ได้รับมาในช่วงไม่กี่วันมานี้อยู่

หลังจากที่ได้รับทักษะการแพทย์กระดุกและข้อฉุกเฉินเลเวลหก ไป๋เยี่ยก็ค้นพบวิธีการและมาตรการการรักษาโรคใหม่ๆ ซึ่งล้วนเป็นความแปลกใหม่ที่ไป๋เยี่ยไม่เคยนึกถึงมาก่อน

อีกทั้งวิธีการเหล่านี้ยังนำไปใช้ได้จริงด้วย

การแพทย์ฉุกเฉินไม่ได้แบ่งแยกศาสตร์การแพทย์แผนจีนออกจากแผนปัจจุบัน วิธีการทั้งหมดล้วนใช้ในการรักษาความเจ็บป่วยและช่วยชีวิตผู้คน ซึ่งการฝังเข็มก็ถือเป็นหนึ่งในวิธีการทางการแพทย์ฉุกเฉินด้วย

ทักษะการฝังเข็มของไป๋เยี่ยอยู่ที่เลเวลห้า ซึ่งเป็นระดับที่สูงมากแล้ว ในเมื่อมียาชาไม่พอ ไป๋เยี่ยจึงต้องใช้การฝังเข็มในการบรรเทาความเจ็บปวดแทน ทว่าตอนนี้เขากลับไม่มีเข็มติดมือมาสักเล่มเลย

ตอนนี้ทักษะการแพทย์กระดูกและข้อฉุกเฉินของไป๋เยี่ยอยู่ที่เลเวลหก เป็นทักษะที่นำการแพทย์แผนจีนเข้ามาผสมผสานกับการแพทย์แผนปัจจุบันและนำวิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้นมาใช้ในการรักษาผู้ป่วยตามสถานการณ์ต่างๆ

ทั้งวิธีการทำแผลเพื่อบรรเทาอาการปวด วิธีห้ามเลือดฉุกเฉินและอื่นๆ อีกมากมาย

ระยะเวลาเพียงหนึ่งวันนั้นไม่เพียงพอ แต่หลังจากวันนั้นมา ไป๋เยี่ยก็ไม่ได้ทำการผ่าตัดอย่างเร่งรีบและกังวลอีกต่อไป

เขาเริ่มสรุปวิธีการและเทคนิคของเขาไว้ โดยหวังว่าสักวันจะปรับปรุงและพัฒนาเทคนิคนี้ให้สมบูรณ์ จากนั้นก็สรรค์สร้างศาสตร์ที่มีคุณค่าแก่โลกใบนี้ขึ้น

ไป๋เยี่ยรู้ว่ายิ่งเลเวลทักษะของเขาสูงมากเท่าใด เขาก็ยิ่งทำให้ศาสตร์นั้นสมบูรณ์ได้ยิ่งขึ้นและเพิ่มคุณค่าของการศึกษาและเผยแพร่ศาสตร์นั้นๆ ได้