บทที่ 273 แผนของไป๋เยี่ย

สูตรโกงฉบับเด็กเรียน

บทที่ 273 แผนของไป๋เยี่ย

ทักษะการแพทย์กระดูกและข้อฉุกเฉินช่วยจุดประกายความคิดของไป๋เยี่ยได้ เผชิญกับแผ่นดินไหวที่รุนแรงขนาดนี้ การรักษาด้วยวิธีการทั่วไปอาจจะไม่เพียงพอแล้ว

ไป๋เยี่ยเริ่มมีความคิดต่างๆ ผุดขึ้นมาในหัว ซึ่งความคิดเหล่านั้นล้วนเหมาะสมกับช่วงเวลาดังกล่าว

ไป๋เยี่ยคิดว่าระบบกระดูกในร่างกายมนุษย์นั้นค่อนข้างชัดเจนและอธิบายได้ด้วยวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ เขาสังเกตว่าการศึกษากระดูกของมนุษย์ในระบบสามมิติเอื้อต่อการพัฒนามากกว่า

กายภาพบำบัดไม่ได้อาศัยเพียงความรู้สึกเท่านั้น แต่มันยังพัฒนาเป็นหนึ่งในศาสตร์ภายใต้สาขาฉายรังสีที่เรียบง่ายแต่อาศัยความแม่นยำได้

ตัวอย่างก็เช่นหุ่นยนต์ศัลยกรรมกระดูก!

ในปัจจุบัน หุ่นยนต์ศัลยกรรมกระดูกเป็นเพียงหุ่นยนต์ผ่าตัด ไม่ได้มีฟังก์ชั่นกายภาพบำบัดแต่อย่างใด

ไป๋เยี่ยคิดว่าหากอิงตามกระแสการพัฒนาของสังคม การผ่าตัดแบบไม่รุกรานดูจะเป็นกระแสหลักมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดโดยส่องกล่องหรือวิธีการผ่าตัดอื่นๆ ผู้คนเริ่มตระหนักว่าการผ่าตัดไม่ใช่การรักษาที่มีประสิทธิภาพนัก หากต้องทำการผ่าตัดจริงๆ อาจจะมีวิธีที่ดีกว่าที่ไม่ต้องเปิดปากแผลก็ได้

ปัจจุบันการผ่าตัดระบบทางเดินอาหารโดยการส่องกล้องได้กลายเป็นแรงบันดาลใจแล้ว

ไป๋เยี่ยคิดว่าถ้าเขาออกแบบหุ่นยนต์ที่ใช้ในการทำกายภาพบำบัดได้ มันจะต้องเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยจำนวนมากแน่นอน

หมายความว่าอย่างไร

แล้วฟังก์ชั่นของหุ่นยนต์ที่ว่านี่คืออะไรบ้าง

ฟังก์ชั่นแรกคือการฉายรังสี หุ่นยนต์จะทำกายภาพบำบัดให้ผู้ป่วยโดยฉายภาพโครงกระดูกออกมาในรูปแบบสามมิติ จากนั้นแพทย์ก็จะทำการวินิจฉัยได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

และด้วยการวิเคราะห์และการวินิจฉัย จะมีการออกแบบแผนการรักษาบนระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ละเอียด

ท้ายที่สุดแล้วหุ่นยนต์นั้นมีข้อดีหลายประการ เช่น ในแง่ของพละกำลัง ความเสถียร ความแม่นยำและความทนทาน เป็นต้น

ซึ่งแขนกลผ่าตัดของหุ่นยนต์จะดำเนินการตามขั้นตอนการรักษาที่ถูกออกแบบโดยมนุษย์

ไป๋เยี่ยคิดแล้วก็ยิ่งตื่นเต้น

นี่เป็นโครงการชิ้นใหญ่ชิ้นหนึ่ง ทว่าสิ่งแรกที่เขาต้องทำคือต้องทำความเข้าใจกับการทำกายภาพบำบัดให้แตกฉานก่อน เพราะเขาต้องแปลงทักษะดังกล่าวให้เป็นข้อมูลที่จะบันทึกลงในแขนกล

ด้วยเหตุนี้ ไป๋เยี่ยจึงต้องวิเคราะห์ว่าเขาทำกายภาพบำบัดด้วยวิธีใดบ้าง

ข้อดีประการสำคัญของสมองมนุษย์เมื่อเทียบกับคอมพิวเตอร์ก็คือการวิเคราะห์และวินิจฉัยอาการของผู้ป่วยผ่านการประเมินสภาพปัจจุบันโดยอาศัยความรู้ที่สั่งสมมาและสร้างแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุดขึ้นมา

หากต้องการใช้คอมพิวเตอร์ในการทำกายภาพบำบัด ก่อนอื่นเราจะต้องแปลงวิธีการทำกายภาพบำบัดเป็นข้อมูลเสียก่อน จากนั้นคอมพิวเตอร์จึงจะดำเนินการได้

ไป๋เยี่ยจึงจำเป็นต้องจำแนกท่าทางที่เขาใช้ในการทำกายภาพบำบัดแล้วสรุปผลออกมา

แต่สิ่งสำคัญที่สุดคืออะไร

แน่นอนว่ามันคือการออกแบบแผนการรักษา!

นั่นหมายความว่าอย่างไร

หมายความว่าเมื่อเจอกับเคสกระดูกหักรูปแบบใดๆ จะมีวิธีการทำกายภาพบำบัดและแนวทางการรักษาอย่างไรบ้าง

ท้ายที่สุดแล้วคอมพิวเตอร์กับมนุษย์ก็แตกต่างกัน คอมพิวเตอร์ไม่สามารถรับรู้ถึงสภาพปัจจุบันของผู้ป่วยได้ หากประมวลผลผิดพลาดก็ย่อมกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้

ดังนั้นสิ่งที่ไป๋เยี่ยต้องทำคือสรุปลักษณะเคสกระดูกหักต่างๆ และออกแบบวิธีการทำกายภาพบำบัดที่มีประสิทธิภาพออกมา

วิธีนี้สร้างความสะดวกสบายได้อย่างไม่ต้องสงสัย

หลังจากที่ไป๋เยี่ยรวบรวมข้อมูลและเตรียมเทคนิคการทำกายภาพบำบัดเรียบร้อยแล้ว เขาจะออกแบบแนวทางการรักษาให้หุ่นยนต์ดำเนินการต่อ

นี่คือการเปลี่ยนการทำกายภาพบำบัดให้มาอยู่ในรูปแบบของหุ่นยนต์

และมันจะกลายเป็นหุ่นยนต์ศัลยกรรมกระดูกที่แข็งแกร่งและสมบูรณ์แบบยิ่งกว่าตัวไป๋เยี่ยเองเสียอีก

ไป๋เยี่ยตื่นเต้นกับความคิดนี้มาก

เขาจึงเริ่มเตรียมตัวดำเนินการทันที

ระหว่างเหตุการณ์แผ่นดินไหวมีผู้บาดเจ็บจำนวนมากที่ต้องการการรักษาและมีเคสกระดูกหักหลากหลายรูปแบบ ทำให้ไป๋เยี่ยได้โอกาสในการรวบรวมและตรวจสอบความคิดของตนเองไปด้วย

อย่างไรก็ตาม แม้แต่ตัวไป๋เยี่ยเองก็ไม่กล้าออกปากว่าวิธีการทำกายภาพบำบัดของตนเองนั้นดีพอ แต่เพราะว่าเขาจะสร้างหุ่นยนต์ จึงต้องทำออกมาให้ดีที่สุด

แนวคิดที่สองคือ การพัฒนาองค์ความรู้ด้านการแพทย์ฉุกเฉินนั้นอาศัยเพียงคนคนเดียวไม่ได้ แต่ในฐานะที่เขามีเลเวลทักษะการแพทย์ฉุกเฉินถึงเลเวลหก เขาย่อมไม่มีทางทำเรื่องสิ้นคิดเด็ดขาด

เขาจำเป็นต้องศึกษาศาสตร์ดังกล่าวให้สมบูรณ์ นำความคิดของตนเองไปประยุกต์ใช้เพื่อที่จะคิดค้นศาสตร์ระดับสูงขึ้นได้

หมายความว่าอย่างไร

หมายความว่าสิ่งที่ไป๋เยี่ยต้องทำต่อไปคือการสร้างโครงการใหม่โดยมุ่งเน้นไปที่เทคนิคและวิธีการด้านเวชศาสตร์ฉุกเฉินและนำเหตุการณ์เบื้องหลังนี้เข้ามาผสมผสานจนเกิดเป็นโครงการที่ใหญ่ขึ้น

ผลลัพธ์ของโครงการดังกล่าวคือการทำให้องค์ความรู้นั้นสมบูรณ์

หากกล่าวตามตรง เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เมียนมาแท้จริงแล้วก็คือห้องทดลองที่ธรรมชาติสร้างขึ้น

ผู้บาดเจ็บแต่ละรายล้วนเป็นตัวทดลองที่ต้องได้รับการรักษา ส่วนเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ก็คอยคิดค้นวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นระหว่างทำการรักษาได้

นี่คือแนวคิดหลักของโครงการ!

แน่นอนว่าโครงการนี้ดำเนินการด้วยตัวเขาเพียงคนเดียวไม่ได้ แต่ผู้คนที่อยู่ในฐานกู้ภัยย่อมมีส่วนร่วมในการดำเนินการด้วย

แต่ละคนมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ ต้องมีการแบ่งงานและร่วมมือกัน จากนั้นไป๋เยี่ยก็จะรับผิดชอบในส่วนของการประสานงานและสรุปผล

สิ่งที่ไป๋เยี่ยต้องทำคือออกแบบแผนการทดลองว่าต้องใช้วิธีใดบ้าง

ตั้งแต่เริ่มต้นวันที่สองของศักราชใหม่ ไป๋เยี่ยก็ยังคงทำงานหนักต่อไป

เขาไม่ได้หลีกเลี่ยงคนอื่นๆ ทว่าเขาต้องการเผยแพร่ความคิดของเขาออกไปให้ทุกคนรับรู้ เพราะเขาคิดว่าการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์นั้นเป็นโอกาสที่ทุกคนจะได้พัฒนาตนเอง

หลังจากที่ทุกคนรับฟังความคิดของไป๋เยี่ยแล้ว แววตาของพวกเขาต่างก็เป็นประกาย นี่ถือเป็นเรื่องที่ดีมากเรื่องหนึ่งเลยก็ว่าได้!

นี่คือคุณูปการอันยิ่งใหญ่ต่อประเทศชาติและผู้คน

ไม่เกินจริงเลยหากจะบอกว่าไป๋เยี่ยสร้างศาสตร์ใหม่ๆ ได้ ก็เหมือนกับการที่เขาเป็นผู้บุกเบิกการค้นพบสารอาร์เทแอนนิวอินชนิดใหม่

ซึ่งทุกคน ณ ที่แห่งนี้ก็จะกลายเป็นผู้เข้าร่วมโครงการดังกล่าว

อันที่จริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสิ่งประดิษฐ์ การสร้างสรรค์ และนวัตกรรมใดๆ ก็ล้วนมีราคาที่สูง

โดยเฉพาะด้านการแพทย์ ถึงแม้จะอาศัยเงินจำนวนมาก แต่นั่นก็ไม่ใช่ส่วนสำคัญที่สุด

ส่วนที่สำคัญที่สุดคือการทดลองกับร่างกายมนุษย์!

ในปัจจุบัน ไม่มียาตัวใดในโลกที่ทำการทดสอบกับมนุษย์โดยตรง ยกเว้นการทดลองอันไร้มนุษยธรรมที่ครั้งหนึ่งเคยเกิดขึ้นบนแผ่นดินจีน

แต่ในกรณีเดียวกัน หากโครงการดังกล่าวมีการทดลองในมนุษย์ ผลลัพธ์ของโครงการก็จะยิ่งประสบผลสำเร็จมากยิ่งขึ้น

ซึ่งตอนนี้โอกาสนั้นก็มาอยู่ต่อหน้าไป๋เยี่ยและทีมแพทย์แล้ว!