บทที่ 274 การวินิจฉัยแบบแบ่งระดับ

สูตรโกงฉบับเด็กเรียน

บทที่ 274 การวินิจฉัยแบบแบ่งระดับ

หลังจากที่ไป๋เยี่ยอธิบายแนวคิดและรายละเอียดให้ทุกคนฟัง ทุกคนก็ต่างมั่นใจในตัวเขามาก

เพราะเดิมทีพวกเขาก็เชื่อในความสามารถของไป๋เยี่ยอยู่แล้ว โครงการนี้มีความเป็นไปได้ที่จะสำเร็จสูงมาก อีกทั้งโอกาสนี้ยังไม่ได้มาง่ายๆ หากโครงการนี้ได้ผล มันจะกลายเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน

ทุกคนมาที่เมียนมาด้วยใจ ในเมื่อมีโอกาสเช่นนี้แล้ว เหตุใดจะไม่ลองดูสักตั้ง

ยิ่งไปกว่านั้น หากโครงการนี้สำเร็จจริง พวกเขาก็จะได้รับผลตอบแทนมหาศาลด้วย

ช่วงที่เกิดแผ่นดินไหวที่เมืองถังซาน ศาสตราจารย์จางผู้ได้รับการขนานนามว่าเป็นบิดาแห่งการศัลยกรรมกระดูกในประเทศจีนได้เรียบเรียงประสบการณ์ของเขาในตอนนั้นออกมาเป็นตำราศัลยกรรมกระดูกที่มีข้อมูลและเคสตัวอย่างจำนวนมากเล่มแรกของโลก

กล่าวได้ว่าตำราดังกล่าวได้ส่งเสริมการพัฒนาองค์ความรู้ด้านศัลยกรรมกระดูกอย่างมาก ต่อมา ศาสตราจารย์จางก็ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในนักวิชาการชั้นนำของสถาบันวิจัยชั้นนำของประเทศและเป็นผู้นำในวงการศัลยกรรมกระดูก

ไป๋เยี่ยกำลังคิดการใหญ่ เขาต้องการเขียนตำราการแพทย์ฉุกเฉินโดยอิงจากเลเวลทักษะปัจจุบันของเขา ซึ่งไป๋เยี่ยจะนำประสบการณ์ที่เมียนมามาเรียบเรียงอย่างสร้างสรรค์และเขียนตำราการแพทย์ฉุกเฉินแห่งยุคขึ้นมา

ไม่มีใครออกมาเรียบเรียงและสรรค์สร้างศาสตร์ใหม่ๆ มาเป็นเวลานานแล้ว หลายๆ คนได้แต่ทำการทดลองในขอบเขตแคบๆ และสรุปผลออกมา ยิ่งถ้าเป็นการทดลองที่มีตัวทดลองกว่าหนึ่งแสนคนเช่นนี้ ผลลัพธ์ที่ได้คงเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึง

เมื่อได้ผลลัพธ์ออกมาแล้ว ก็ย่อมตามมาด้วยประโยชน์อันมหาศาล!

ทุกคนจะตระหนักถึงความสำคัญและคุณค่าของงานที่ตนกำลังทำอยู่ ไม่ต้องพูดถึงว่าจะช่วยโลกใบนี้หรือจะช่วยมนุษยชาติให้พ้นทุกข์ได้มากเพียงใด แต่สิ่งที่ตนจะได้รับนั้นย่อมเกิดประโยชน์ไม่รู้จบไปตลอดชีวิต

ถ้าทีมแพทย์กลับไปอย่างปลอดภัย พวกเขาจะต้องกลายเป็นบุคลากรชั้นนำในสาขาอย่างแน่นอน คำกล่าวนี้ไม่เกินจริง

เมื่อมีผู้นำ การดำเนินการต่างๆ ก็จะง่ายขึ้นมาก เพระฉะนั้นทุกคนจึงร่วมกันระดมความคิด เสนอแนวคิดและข้อเสนอแนะที่สร้างสรรค์มากมาย

สุดท้ายแล้วการมีส่วนร่วมของทุกคนก็ทำให้โครงการนี้มีความคืบหน้าและการวางแผนอย่างรวดเร็ว

แม้แต่จ้าวหู่ชิวเองก็ได้เข้าร่วมโครงการแบบงงๆ ทว่าเขาก็กลายเป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมโครงการวิจัยขนาดใหญ่ ผู้มีพละกำลังโดดเด่นที่สุด

บางทีเขาอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่มีทักษะด้านการวิจัยที่ดีมากคนหนึ่งก็เป็นได้

ระหว่างมื้ออาหารเย็น จ้าวหู่ชิวก็หันไปถามไป๋เยี่ยด้วยความสงสัย “หัวหน้า…งานวิจัยนี้จะช่วยให้ผมได้เลื่อนตำแหน่ง หรือขึ้นเงินเดือนหลังจากกลับไปไหมครับ”

ไป๋เยี่ยเงียบไปชั่วครู่ คำถามนี้ควรค่าแก่การพินิจพิจารณามาก

“คุณยังคิดเรื่องตำแหน่งกับเงินเดือนอยู่อีกเหรอ”

จ้าวหู่ชิวยิ้มแห้ง “ยศผมน้อยน่ะ…เงินเดือนผมก็น้อยมากด้วย”

ไป๋เยี่ย “…”

ว่าแต่โครงการวิจัยทางวิทยาศาสตร์นับเป็นผลงานของทหารได้ด้วยเหรอ

นี่แหละปัญหา

แน่นอนว่า แม้แต่ตัวจ้าวหู่ชิวเองก็ไม่รู้ว่าภารกิจปกป้องไป๋เยี่ยและช่วยเหลือประเทศเมียนมาจะกลายเป็นประสบการณ์ที่มีคุณค่าที่สุดในชีวิตของเขา

อันที่จริงงานของแต่ละคนในทีมแพทย์ก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก เพียงแค่มีการบันทึกข้อมูลและสังเกตอาการของผู้บาดเจ็บมากขึ้นเท่านั้นเอง

อย่างไรก็ตาม ความรู้ด้านการปฐมพยาบาลของไป๋เยี่ยก็ช่วยเปิดหูเปิดตาคนอื่นๆ ในทีมแพทย์ได้มาก แน่นอนว่าทักษะการแพทย์ฉุกเฉินเลเวลหกไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลย

แค่พูดข้อมูลที่มีประโยชน์ออกมาก็ทำให้บรรดา ‘กบในกะลา’ ถึงกับอ้าปากค้างแล้ว…

แน่นอน คำว่า ‘กบในกะลา’ นั้นมาจากซ่งเจี๋ย เพราะเขาเห็นว่าแนวคิวและมุมมองใหม่ๆ จากไป๋เยี่ยทำให้คนอื่นๆ ประหลาดใจได้ตลอด ราวกับเป็นพวกคนที่ไม่เคยเปิดหูเปิดตามาก่อน…

ความคิดของซ่งเจี๋ยทำให้ทุกคนเคืองนิดหน่อย ซ่งเจี๋ยจึงพอจะตระหนักได้ว่าบางทีชีวิตคนเราก็ลำบากมามากพอแล้ว…

ทว่าคำว่า ‘กบในกะลา‘ ก็ได้ฝังหัวทุกคนไปแล้ว

สิ่งที่ทุกคนต้องทำคือเปรียบเทียบวิธีการปฐมพยาบาลแบบดั้งเดิมกับวิธีการของไป๋เยี่ย โดยกำหนดให้เป็นกลุ่มตัวอย่างและกลุ่มตัวแปรควบคุม

ซึ่งต้องมีการทดลองเพื่อตรวจสอบผลลัพธ์ที่ได้ เวลาค่อยๆ ผ่านเลยไป ทีมกู้ภัยได้เคลียร์ถนนหลายสายที่รายล้อมรอบสถานที่ที่ไป๋เยี่ยอยู่ไปหลายกิโลเมตรแล้ว

พื้นที่ถูกขยายให้กว้างขึ้นและค่อยๆ กลายเป็นศูนย์การแพทย์แห่งหนึ่ง ทั้งยังมีบุคลากรทางการแพทย์จากประเทศเมียนมาเข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยเหลือมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วย

ประเทศเมียนมาเป็นชาติที่มีการผสมผสานอารยธรรมของจีน อินเดีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ เข้าด้วยกัน ทั้งในแง่ของความเชื่อ ภาษาและวัฒนธรรม

จุดเด่นของประเทศเมียนมาอยู่ที่การพัฒนาการท่องเที่ยวและวัฒนธรรม ในขณะที่อุตสาหกรรมยังเป็นจุดอ่อนของชาติ

ประชากรหนึ่งในสามส่วนของเมียนมาพูดภาษาจีนได้ โดยมีภาษาราชการเป็นภาษาอังกฤษ เนื่องด้วยจริงๆ แล้วประชากรท้องถิ่นในเมียนมานั้นมีไม่เยอะนัก ประชากรส่วนใหญ่มักเป็นคนที่มีมาตั้งถิ่นฐานเพื่อการท่องเที่ยวและใช้ชีวิตหลังเกษียณ

ดังนั้นบางคนจึงกล่าวว่าเมียนมาเปรียบเสมือนรีสอร์ทพักร้อนของคนวัยเกษียณประจำเอเชีย ซึ่งการกล่าวเช่นนี้ก็ไม่เกินจริงเลย

ส่วนในแง่ของการแพทย์นั้น ประเทศเมียนมายังคงด้อยในวิทยาการด้านการศัลยกรรม ทว่ากลับมีจุดแข็งในด้านการดูแลผู้สูงอายุ

ประสิทธิภาพและอัตราการรักษาสำเร็จที่สูงของทีมแพทย์ผู่เจ๋อนั้นดึงดูดความสนใจของข้าราชการในเมืองมาก หลังจากที่ทางการได้หารือกันแล้วพวกเขาก็รวบรวมผู้คนไปจัดหาที่ดินโล่งๆ ผืนหนึ่ง

นายกเทศมนตรีมาเยี่ยมทีมแพทย์ผู่เจ๋อด้วยตนเองและใช้เวลาพูดคุยกับพวกไป๋เยี่ยอยู่หลายชั่วโมง โดยหวังว่าทีมแพทย์จะคอยรับหน้าที่วินิจฉัยและรักษาโรคอยู่ที่นี่

ไป๋เยี่ยไม่ได้ปฏิเสธคำขอของนายกเทศมนตรี เขายังได้จัดการประชุมขึ้นมาเพื่อกำหนดระบบดำเนินงานและวิธีการวินิจฉัยและการรักษาโดยละเอียด พร้อมทั้งกำหนดภารกิจให้ทุกคน

หลังจากที่ใช้เวลาไปทั้งวัน สถานที่นี้ก็ถูกแบ่งออกเป็นสามส่วนในลักษณะของวงกลมซ้อนกันภายใต้การนำของไป๋เยี่ย

ส่วนวงนอกสุดมีไว้รองรับเคสฉุกเฉินที่มีอาการบาดเจ็บเล็กน้อย เช่น เคสที่ต้องทำแผลและบรรเทาอาการบาดเจ็บ ส่วนวงกลางมีไว้รองรับเคสที่บาดเจ็บค่อนข้างหนักและมีกระดูกหัก ส่วนวงในสุดถือเป็นพื้นที่แกนกลาง ซึ่งเป็นส่วนที่ไป๋เยี่ยรับผิดชอบ เคสที่รองรับก็จะเป็นเคสที่อาการสาหัสมาก

หลังจากแบ่งส่วนกันแล้ว ไป๋เยี่ยก็เรียกทุกคนมาประชุมอีกครั้งและมอบหมายภารกิจให้แต่ละคนไป

เพราะในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ไป๋เยี่ยค้นพบแล้วว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะอาศัยให้ทั้งสิบคนทำตามแผนการทั้งหมดได้ เขาจึงต้องคอยมอบหมายภารกิจให้ทุกคนแทน

อันที่จริงแล้วการแบ่งส่วนรองรับผู้บาดเจ็บนี้ก็เปรียบเสมือนการวินิจฉัยโรคแบบแบ่งระดับ ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวทางการปฐมพยาบาลของไป๋เยี่ยด้วย

นอกจากนี้ไป๋เยี่ยยังขอให้แต่ละกลุ่มรับผิดชอบในการบันทึกและวิเคราะห์ตัวชี้วัดของโรคบางชนิด จากนั้นก็แบ่งออกเป็นกลุ่มตัวแปรควบคุม

ทุกๆ วันจะมีการรวบรวมและสรุปข้อมูลจำนวนมาก ศูนย์รักษาพยาบาลแห่งนี้จึงกลายเป็นสถานที่ที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการกู้ภัย

ด้วยวิธีนี้ไป๋เยี่ยจึงไม่จำเป็นต้องเข้าไปรับเคสผู้ป่วยรายย่อยอีกต่อไป ทว่าเคสยากๆ และเคสที่บาดเจ็บสาหัสกลับกลายเป็นภารกิจสำคัญของไป๋เยี่ย

แน่นอนว่าภารกิจดังกล่าวนั้นหนักหนามาก และคงไม่มีใครอื่นนอกจากไป๋เยี่ยที่จะทำมันให้สำเร็จได้