บทที่ 258 สามอักขระออกมาพร้อมกัน
บทที่ 258 สามอักขระออกมาพร้อมกัน
ตกดึก
ท้องฟ้าประดับด้วยดวงดาวพร่างพราว
ภายในโรงยิมอันกว้างขวาง
เวลานี้โจวอี้กำลังนั่งขัดสมาธิ เมื่อกินยาทลายขอบเขตแล้ว พลังอันมหาศาลของยาก็ระเบิดอยู่ในอก ก่อนที่ไม่กี่อึดใจต่อมา พลังงานก็ค่อย ๆ หลั่งไหลเข้าสู่แขนและขา
เขาควบคุมพลังปราณที่บ้าคลั่งให้ไหลวนไปตามเส้นลมปราณ ก่อนจะทำการดูดซับและปรับแต่งพลังของเม็ดยาทลายขอบเขตอย่างต่อเนื่องตามเส้นทางการบ่มเพาะที่ฝึกฝนมา
ปริมาณของพลังปราณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
และหากใครก็ตามต้องการก้าวผ่านระดับปรมาจารย์ คนคนนั้นก็จำเป็นต้องเปิดจุดชีพจร 362 จุดทั่วทั้งร่างกาย
โจวอี้เปิดจุดชีพจรหลักทั้ง 360 จุดได้แล้ว และเขาก็ต้องการอีกแค่สองจุดสุดท้ายเท่านั้น!
ทว่าก็เป็นเรื่องยากที่จะผ่านสองจุดสุดท้ายนี้ไปได้!
ตามบันทึกในหนังสือโบราณ แม้ว่าจะมีปรมาจารย์เป็นร้อยที่อยู่ในระดับสมบูรณ์พร้อม แต่ก็มีเพียงสองหรือสามคนเท่านั้นที่สามารถเปิดทั้งสองจุดนี้ได้สำเร็จในชั่วชีวิตของพวกเขา
นี่จึงแสดงให้เห็นว่าการทะลวงผ่านขอบเขตของปรมาจารย์นั้นยากเย็นเพียงใด
ความแข็งแกร่งทางจิตใจของโจวอี้นับว่าสูงไม่น้อย และเขาก็สามารถควบคุมพลังปราณในร่างกายเพื่อโจมตีจุดชีพจรซึ่งถูกปิดกั้นด้วยสิ่งสกปรก
ครั้งแล้วครั้งเล่าที่พลังปราณของเขาค่อย ๆ กระจัดกระจายออกมา มันถูกควบแน่นและโคจรเพื่อพยายามที่จะทะลวงผ่านอีกครั้ง
ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นจากการกระแทกแต่ละครั้งนั้นรุนแรงมาก
อย่างไรก็ตาม เขายังสามารถคงสติไว้ได้
ไม่รู้ว่ามันใช้เวลานานเท่าไหร่หรือกี่ครั้งเพื่อเปิดจุดชีพจรนี้
ทว่าในที่สุด หลังจากใช้ปราณจำนวนมากในร่างกาย …ในที่สุดจุดชีพจรก็เปิดออก !
เวลานี้โจวอี้ตระหนักได้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเปิดจุดฝังเข็มทั้งสองด้วยการกินยาทลายขอบเขตเพียงเม็ดเดียว ดังนั้นเขาจึงไม่ลังเลที่จะกลืนยาทลายขอบเขตอีกเม็ดเข้าไป
เวลาล่วงเลยผ่านไป
เสื้อผ้าของโจวอี้เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ และเส้นเลือดบนหน้าผากของเขาก็ปูดโปนจนเห็นได้ชัด เส้นเลือดทุกเส้นในร่างกายของเขาพองตัว และสสารสีเทาและสีดำที่ระบายออกจากร่างกายก็ปกคลุมทั่วร่าง ปล่อยกลิ่นคาวรุนแรงออกมา
“ทะลวงไม่ได้!”
“ฉันต้องทำยังไง?!”
โจวอี้รู้สึกได้ถึงปริมาณพลังปราณที่ถูกใช้ไป และเขาก็ค่อนข้างกังวล
เขาตระหนักได้ว่าหากยังคงอยู่ในสถานการณ์นี้ แม้ว่าประสิทธิภาพของยาทลายขอบเขตจะถูกดูดซึมโดยสมบูรณ์ และพลังปราณทั้งหมดในร่างกายถูกใช้จนหมดสิ้น มันก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่จะทะลวงไปสู่สถานะปรมาจารย์!
แต่ตอนนี้เขาไม่มียาทลายขอบเขตอีกเม็ด
และไม่มียาอื่น ๆ เพื่อเพิ่มพลังปราณแล้ว…
แม้โจวอี้จะไม่ยินดี แต่ผลลัพธ์ก็คงต้องลงเอยเช่นนี้ เพราะมันยากที่จะหาวิธีอื่นได้ในขณะนี้
ทันใดนั้น คิ้วของเขาก็ขยับ เขารู้สึกราวกับว่ามีอะไรบางอย่างพยายามที่จะหลุดออกจากหว่างคิ้ว
มันคืออะไร?
โจวอี้ค่อย ๆ จมดิ่งลงไปในห้วงความคิด
เขาจึงได้ ‘เห็น’ บางอย่างที่มีสีแดงสด
ภายในทะเลวิญญาณที่เขาสัมผัสได้นั้นกำลังเกิดสายลมพัดพาเอาหมอกเล็ก ๆ เคลื่อนออกไป
เผยให้เห็นเส้นสีแดงสดที่ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ
มันเป็นเส้นที่อยู่ในแนวนอนและตั้งซึ่งฉวัดเฉวียนกันไปมา
โจวอี้ตกใจมากเมื่อรู้แล้วว่าสิ่งนี้คืออะไร!
อักขระ!
เตาหลอมสยบวิญญาณ?
คำสาป?
หัวใจของโจวอี้เต้นรัว และเขาก็รู้สึกว่าร่างกายของตัวเองเย็นลง จิตวิญญาณแห่งฟ้าดินที่เป็นอิสระจากทุกทิศทุกทางถูกดึงดูดเข้ามาหาเขาอย่างต่อเนื่องและหลอมรวมเข้ากับร่างกายของเขา
ตุบ! ตุบ!
ร่างเงาสองร่างปรากฏตัวอย่างเงียบ ๆ นอกประตู
แม่เฒ่าเทียนจี้ที่มักจะก้มตัวอย่างง่วงงุนอยู่เสมอค่อย ๆ ยืดตัวตรงขึ้นมา รู้สึกได้ถึงทิศทางของพลังปราณวิญาณฟ้าดินที่ไหลไปรอบ ๆ เธอจ้องมองที่ประตูโรงยิมอย่างเงียบ ๆ
“นั่นพี่ใช่ไหม?” ถงหู่พึมพำและจ้องมองมาด้วยสายตาแปลก ๆ
ในฐานะปรมาจารย์ที่แข็งแกร่ง เขาไวต่อปราณวิญญาณฟ้าดิน อีกทั้งยังสามารถดูดซับมันได้อย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม ปราณวิญญาณฟ้าดินภายในระยะหนึ่งร้อยเมตรก็ถูกดึงดูดและหลั่งไหลเข้ามาในโรงยิม มันทำให้เขาไม่อาจยอมรับได้เล็กน้อย เพราะขนาดตัวเขาเองยังไม่สามารถทำแบบนี้ได้!
“ออกไปดูข้างนอก ห้ามให้ใครรบกวนเขา” แม่เฒ่าเทียนจี้กล่าว
“ได้!” ถงหู่พยักหน้าและเดินออกไปทันที
ภายในโรงยิม โจวอี้ได้ตระหนักถึงผลกระทบของอักขระนี้อย่างลึกซึ้ง
มันแผ่แรงโน้มถ่วงที่แข็งแกร่งและดึงดูดพลังจากฟ้าดินที่อยู่ใกล้เคียงอย่างต่อเนื่อง พลังเหล่านั้นค่อย ๆ ถูกซึมซับเข้าไปในร่างกายของโจวอี้ จากนั้นก็ได้รับการขัดเกลาให้แปรเปลี่ยนเป็นพลังปราณ
ยิ่งนานเข้า แรงดูดกลืนก็ยิ่งทวีคูณ
พลังวิญญาณในระยะหนึ่งร้อยเมตรค่อย ๆ ถูกดึงดูด และพลังวิญญาณภายในระยะหนึ่งพันเมตรก็พลอยถูกดึงดูดไปด้วย
พลังงานที่สนับสนุน ความเร็วในการกลั่นของโจวอี้นั้นเร็วขึ้นและเร็วขึ้น แม้แต่พลังปราณที่ถูกใช้ไปมากมายก็ได้รับการฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาก็ตระหนักได้ว่ามีอักขระสีแดงสดอีกตัวโผล่ขึ้นมาในทะเลวิญญาณ!
พลังที่มองไม่เห็นเล็ดลอดออกมาจากตัวอักขระตัวนั้น
ทันใดนั้น…
แรงดูดที่เกิดจากอักขระนั้นก็เพิ่มขึ้นมาอย่างทวีคูณ
ร่างของโจวอี้ซึ่งนั่งอยู่นั้น เวลานี้บนเข่าของเขาดูเหมือนจะกลายเป็นหลุมดำและกำลังกลืนกินพลังของฟ้าดิน ดังนั้นพลังของฟ้าดินที่ล่องลอยอยู่ในระยะหลายสิบกิโลเมตรรอบ ๆ บริเวณนี้จึงถูกดูดกลืนเข้าไปในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ!
โจวอี้รู้สึกว่าร่างกายของเขาเริ่มพองออก
ความเร็วของเขาในการปรับแต่งปราณวิญญาณฟ้าดินนั้นไม่สามารถตามทันความเร็วของการดูดกลืนพลังปราณได้
เขาจึงทำได้เพียงเข้าควบคุมพลังปราณในเส้นลมปราณ กระแทกจุดชีพจรที่ถูกปิดกั้นอย่างบ้าคลั่ง โดยหวังว่าปราณนี้จะมีการขับออกไป และสามารถรองรับพลังปราณที่กำลังหลั่งไหลเข้ามาได้
ทว่าทั้งหมดนี้ช่างไร้ประโยชน์
พลังจากฟ้าดินทำให้เขารู้สึกว่าร่างกายของเขากำลังจะถูกครอบงำ
ในขณะที่ความอดทนของร่างกายกำลังจะถึงขีดจำกัด อักขระสีแดงสดอีกตัวก็ปรากฏขึ้นในทะเลวิญญาณ ปลดปล่อยพลังงานพิเศษออกมาอย่างต่อเนื่อง
พลังงานนี้คือพลังแสง
แสงสีขาวขุ่นราวกับฝน ละลายเข้าไปในเนื้อและเลือดของเขา สุดท้ายก็เข้าไปในอวัยวะภายใน
มันสร้างความรู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบาย
เวลานี้โจวอี้รู้สึกอย่างลึกซึ้งว่าความเป็นไปได้ของมนุษย์นั้นไม่มีที่สิ้นสุด
เพื่อที่จะทะลวงผ่านขอบเขตของปรมาจารย์ เขายังคงต้องกัดฟันทน และกระตุ้นพลังปราณอย่างบ้าคลั่ง กระหน่ำจุดชีพจรอย่างต่อเนื่อง
นอกโรงยิม
ร่างกายของแม่เฒ่าเทียนจี้สั่นเทาเล็กน้อย
แววตาของเธอนั้น นอกจากฉายความเหลือเชื่อออกมาแล้ว ยังแฝงไปด้วยความกังวลอย่างยิ่ง
เธอไม่รู้ว่าโจวอี้กำลังทำอะไร และมันยังทำให้เกิดความปั่นป่วน
ตอนนี้พลังบริเวณรอบ ๆ นี้พลุ่งพล่านมากเกินไป แล้วภายในโรงยิมนั่นล่ะ?
แม้ว่าเธอจะเป็นคนที่แข็งแกร่ง แต่เธอก็ไม่สามารถดูดซับพลังจำนวนมากเหล่านี้ไหว
ถ้าฝืนดูดซับก็คงมีจุดจบเพียงอย่างเดียวนั่นคือร่างกายระเบิดออก!
เธอต้องการที่จะบุกเข้าไปขัดขวางการบ่มเพาะของโจวอี้ แต่เธอก็กลัวว่าการบุกเข้าไปนั้นจะส่งผลเสียต่อโจวอี้!
ขวับ!
ร่างที่ว่องไวราวกับสายฟ้าของถงหู่ปรากฏขึ้นอีกครั้งนอกประตู
เขามองดูท่าทางกังวลของแม่เฒ่าเทียนจี้แล้วถามอย่างเร่งรีบว่า “คุณย่า สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง พี่โจว…”
“ฉันไม่รู้” หญิงชราส่ายหัว รอยยิ้มอันขมขื่นปรากฏขึ้นบนใบหน้าเธอ
“ผมแค่อยากรู้ว่าเขาตกอยู่ในอันตรายหรือเปล่า?”
“ฉันเองก็ไม่รู้”
คุณย่าไม่รู้!
แล้วเขาจะรู้ได้อย่างไร?
ถงหู่กระวนกระวายจนอยากจะพังประตูเข้าไป แต่ใจหนึ่งก็กลัว…
เวลานี้พื้นที่โดยรอบเต็มไปด้วยกลิ่นอายของปราณวิญญาณฟ้าดิน หากมีผู้ฝึกยุทธ์โบราณอยู่ที่นี่พวกเขาจะต้องตกใจ
และถ้าพวกเขาเริ่มฝึกฝนไปพร้อมกัน คนคนนั้นก็จะพลอยได้รับประโยชน์มากมายไปด้วยแน่นอน!